ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 659

เหลิ่งชิงฮวนและมู่หรงฉีออกมาจากจวนมหาเสนาบดี ก็เป็นเวลาค่ำที่เต็มไปด้วยแสงระยิบระยับ ดวงดาวเต็มท้องฟ้า

ทั้งสองจูงม้าเดินไปตามถนนอย่างช้า ๆ เดินผ่านประตูร้านค้า พนักงานกำลังจะปิดร้าน เหลิ่งชิงฮวนใจเต้น เดินเข้าไปในร้าน

เธอต้องการติดต่อกับองครักษ์อินทรี เพื่อตรวจสอบเบื้องหลังของหญิงชราที่ดูแลชิงเหยา

ตามคำบอกเล่าของชิงเจียว ตั้งแต่ต้นจนจบ ก็มีเพียงหญิงชราคนนี้ที่น่าสงสัยที่สุด อีกอย่าง นางเพิ่งจะเข้าจวนอ๋องเฮ่ามา ไม่รู้ตัวตนเดิมเป็นอะไร ใครจะรู้ว่ามีเจตนาร้ายแฝงหรือถูกหลอกใช้?

คำพูดนี้ถามพระชายาเฮ่าไปตรงๆก็คงไม่ดีเท่าไหร่ เหมือนตัวเองมีอะไรสงสัยจวนอ๋องเฮ่า อาจทำลายความสัมพันธ์อันดีของทั้งสองตระกูลได้

เจ้าของร้านรู้จักตัวตนของนาง จึงพาตัวนางเข้ามา พานางเข้ามาในห้องด้วยตนเอง ปิดประตูห้องลงกลอนอย่างแน่นหนา

เหลิ่งชิงฮวนบอกความตั้งใจกับเจ้าของร้าน หลังจากนั้นก็นึกขึ้นมาได้อีกเรื่อง

“ท่านคือผู้อาวุโสขององค์รักษ์อินทรี ข้าถามท่านหน่อย ในข้อมูลที่พวกเราองค์รักษ์อินทรีควบคุมอยู่นั้น ทำไมถึงไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับกรมอาญาเลย?”

เจ้าของร้านคิดไม่ถึงเลยว่าจู่ๆเธอจะถามคำถามนี้ขึ้นมา “เกี่ยวกับกรมอาญานั้นมี กรมอาญาแสวงหาผลประโยชน์ขนาดนั้น ขุนนางใจคดมากที่สุด ตั้งแต่เจ้ากรมซ่างซู ลงไปจนถึงผู้คุมเรือนจำ ทั้งหมดเลย ข้าจำได้ดี เพราะข่าวนี้ข้าก็เลยรวบรวมมันทีละเล็กละน้อย”

“แต่ในข้อมูลที่ข้าได้รับต่อมานั้น มีเกือบครบทั้งหกกรม ขาดไปเพียงแค่กรมอาญา”

เจ้าของร้านส่ายหน้า “ถ้างั้นข้าน้อยก็ไม่รู้แล้ว หรือว่ามันจะหายไปแล้ว? ก็เป็นไปได้ ในตอนแรกเจ้าสำนักใช้กล่องปลอมส่งข้อมูลพวกนี้ไปให้ราชสำนัก ด้านในจะต้องมีของแท้ของปลอมปะปนกันอยู่แน่นอน?”

มีเรื่องนี้อยู่จริงๆ เหลิ่งชิงฮวนไม่ได้เก็บมาใส่ใจ เดิมทีก็แค่เอ่ยถามขึ้นเฉยๆ หลังจากพูดคุยกันเสร็จ ก็กลับจวนพร้อมกับมู่หรงฉี

ประสิทธิภาพในการทำงานขององค์รักษ์อินทรีถือว่ายอดเยี่ยมมาก เมื่อคืนก่อนสั่งงานไป เช้าวันต่อมาก็ได้รับข่าวจากองค์รักษ์อินทรี

สอบถามชาติกำเนิดพื้นหลังของผู้หญิงคนหนึ่ง สำหรับองค์รักษ์อินทรีเป็นเรื่องง่ายนิดเดียว ตรงจุดนี้ มู่หรงฉีรู้สึกว่าองค์รักษ์สัตย์จริงของตัวเองนั้นสู้ไม่ได้จริงๆ

หญิงชราผู้นี้เติบโตในครอบครัวที่บริสุทธิ์ ทว่ามีความสัมพันธ์ทางญาติพี่น้องกับพระชายาเฮ่า

พระชายาเฮ่าส่งหูตาของตัวเองไปไว้ข้างตัวเหลิ่งชิงเหยา ไม่มีอะไรพอที่จะวิจารณ์ได้ ตราบใดที่มีที่มาที่ไปชัดเจน ไม่มีอะไรพัวพัน งั้นอาจเป็นว่านางคิดมากเกินไปจริงๆ เช่นนั้น มีเพียงแค่หนอนตัวนั้นที่ผิดแปลกงั้นเหรอ? คนที่นำหนอนพิษกู่เข้าไปในคุก คงมีคนอื่นอีกสินะ?

เหลิ่งชิงฮวนไม่รู้จะทำยังไงดี ไม่รู้ว่าควรที่จะลงมือจากจุดไหน ตอนนี้ยากที่จะเข้าไปแทรกแซงการสอบสวนของผู้คุมในคุกสวรรค์ จะลบล้างข้อสงสัยของชิงเจียวได้ยังไงกัน?

ทั้งสองไม่มีความคิดเห็นอะไร ตัดสินใจไปที่คุกสวรรค์ก่อน ดูสิว่าจะเจอเหลิ่งชิงเจียวได้หรือไม่ เผื่อจะได้เบาะแสอะไรดีๆจากปากของเขา

เมื่อเดินทางมาถึงคุกสวรรค์ ถึงได้รู้ว่าในคุกสวรรค์เกิดเรื่องขึ้นแล้ว

ผู้คุมซุนสือโถวและเหลิ่งชิงเจียวทั้งคู่เป็นผู้ต้องสงสัย ดังนั้นจึงถูกกักอิสรภาพเพียงชั่วคราว ถูกคุมขังอยู่ในคุกสวรรค์

ทว่าเพื่อป้องกันไม่ให้ทั้งคู่เตี๊ยมคำรับสารภาพ หรือเหตุผลอื่นที่ไม่อาจรู้ล่วงหน้าได้ ห้องขังของทั้งสองคนจึงไม่ได้อยู่ที่เดียวกัน แยกออกไปอยู่กันคนละมุม

รองเสนาบดีกรมอาญาก็เพิ่งจะมาถึง เตรียมที่จะแยกไต่สวนทั้งสองคน ทำทีละขั้นตอนเพื่อสืบหาเบาะแส

ในมือของเขามีคำรับสารภาพของอีกหลายคนในคุกสวรรค์ มอบให้กับมู่หรงฉี

มู่หรงฉีเปิดพลิกดูคร่าวๆ ไม่คิดเลยว่า คำพูดของคนอื่นๆต่างพุ่งเป้าไปที่เหลิ่งชิงเจียว

รองเสนาบดีกรมอาญาสีหน้าลำบากใจ “ฮ่องเต้ทรงกำหนดระยะเวลาในการไขคดี เวลามีไม่มาก ตอนนี้สถานการณ์ไม่เป็นผลดีต่อคุณชายรอง ข้าน้อยขอให้ท่านอ๋องได้โปรดสั่งการ ท่านว่าจะรายงานฮ่องเต้อย่างไรดี?”

มู่หรงฉีรู้ดีอยู่แก่ใจ รู้ถึงพวกขุนนางแสวงผลประโยชน์พวกนี้เป็นอย่างดี ฉลาดแกมโกง มีกับดักอยู่ทุกที่ หากตัวเองแสดงท่าทีออกมา เมื่อเกิดเรื่องก็จะกลายเป็นผู้รับเคราะห์

“หากเรื่องนี้ใต้เท้าคิดว่าตรวจสอบได้หลักฐานชัดเจนแน่นหนาแล้ว ก็สามารถนำขึ้นกราบทูลฮ่องเต้ได้เลย เรื่องนี้ข้าไม่อยากไม่อยากถูกสงสัยไปด้วย ไม่ยื่นมือไปยุ่งจะดีกว่า”

แต่ปัญหาคือ เหลิ่งชิงเหยาเป็นผู้ต้องสงสัย แต่ไม่มีหลักฐานเนี่ยสิ ท่านบอกว่าไม่สามารถก้าวก่ายได้ งั้นตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่?

มู่หรงฉีออกคำสั่ง ผู้คุมรีบพาทั้งสามคนไปทันที เดินเลี้ยวไปจนมาถึงห้องขังของซุนสือโถว

ประตูห้องขังเปิดออก ผู้คุมหลายคนกำลังชี้ไปที่ประตูห้องขัง ไม่มีใครกล้าเข้าไป

ที่เกิดเหตุไม่มีอะไรเสียหาย ยังคงรักษาไว้ในสภาพเดิม

สภาพการตายของซุนสือโถวน่าสังเวชและน่ากลัวมาก โดยเฉพาะในเวลานี้ แสงแดดส่องผ่านช่องหน้าต่างที่สูงกว่าตัวคนเล็กน้อยพาดลูกกรงส่องลงบนหน้าผู้ตายราวกับม้าลาย ลูกตาถลนออกมาจนแทบเห็นแต่ตาขาว ดูน่ากลัวน่าสยดสยองยิ่งนัก

มู่หรงฉีและเหลิ่งชิงฮวนต่างก็ไม่มีใครเกรงใจ เดินตรงเข้าไปในห้องขัง

สิ่งที่สะดุดตาพอๆกับศพของซุนสือโถว ก็คือตัวอักษรขนาดใหญ่หลายตัวที่ชุ่มด้วยเลือดอยู่บนผนัง

เขียนด้วยลายมือหวัดและสั่นไหว: ขายชาติเพื่อเกียรติยศ ชดใช้ความผิดด้วยความตาย

มองเห็นได้ชัดเจน น่าจะหมายถึงเขาไม่ควรสมคบคิดกับมั่วเป่ย ขายชาติเพื่อเกียรติยศ ทำเรื่องผิดบาป มีแต่ความตายเท่านั้นที่จะไถ่โทษได้

พวกผู้คุมที่อยู่ด้านนอกชี้ “ เรื่องโกงกินเล็กน้อยตามปกติของเจ้าซุนสือโถวก็ช่างเถอะ แต่ทำไมถึงได้ไปเลอะเลือนรับเงินที่อันตรายเช่นนี้นะ?”

“ตอนเช้ามาข้ามาเดินลาดตระเวนหนึ่งรอบ ก็ทักทายเขา เขาก็ไม่ได้ตอบกลับ มันมืดด้วย ข้าก็ไม่ได้มองเข้าไป คิดว่าเขาคงจะไม่สบายใจ ใครจะไปรู้ว่าเขาจะคิดสั้น”

“นี่เป็นการกระทำผิดร้ายแรง กลัวว่าใต้เท้าจะไต่สวน ดังนั้นก็เลยชิงฆ่าตัวตายก่อน เกรงว่าเพื่อไม่ให้พวกเราพี่น้องต้องมาเหนื่อยลำบากเข้ามาพัวพันถูกสอบสวนไปด้วย”

“แค่นี้เขาก็หาเลี้ยงครอบครัวได้ไม่อดอยากแล้ว เอาเงินตั้งมากมายขนาดนั้นไปทำอะไร?’

“ใครเขาหาเงินแต่กลับต้องแลกด้วยชีวิตแบบนี้กัน?”

...

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา