ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 660

รองเสนาบดีกรมอาญากระแอมไอเบาๆ ขัดจังหวะการวิจารณ์ของหลายคน

ผู้คุมอยู่ด้านนอกคุก สีหน้าคลุมเครือ มีความรู้สึกเป็นทุกข์ร้อนกับชะตากรรมของพรรคพวกเดียวกัน

เขากระซิบสั่งกับผู้คุมที่อยู่ด้านหน้า ไปยังที่พักของซุนสือโถว หาเสื้อผ้าที่สะอาดสะอ้าน ในขณะที่ร่างกายยังไม่แข็งตัว เปลี่ยนให้เจ้าหมาป่านั้น ให้เขาได้ออกเดินทางอย่างมีเกียรติ

ซุนสือโถวอาศัยอยู่ในห้องเก็บของที่อยู่ข้างๆคุกสวรรค์ เอาไม้บานประตูมาทำเป็นเตียง ผู้คุมถอนหายใจแล้วหันหลังเดินไป

เหลิ่งชิงฮวนเดินขึ้นไปข้างหน้า กลั้นหายใจ ตรวจดูสภาพศพของซุนสือโถว กระดูกคอหัก รอยบริเวณที่รัดชัดเจน แน่ใจได้ว่าถูกเชือกรัดจนขาดอากาศหายใจ นิ้วกลางมือขวาของเขาถูกบาด ที่พื้นยังมีคราบเลือดอยู่

เธอเงยหน้าขึ้นมองรอยเลือดบนผนังอีกครั้ง ชักมุมปากจนแทบจะมองไม่เห็น

รองเสนาบดีกรมอาญาสั่งให้คนเอาตัวซุนสือโถวลงมา ทั่วทั้งห้องขังเต็มไปด้วยกลิ่นเน่าเหม็น

ผู้คุมที่ไปเอาเสื้อผ้ากลับมาแล้ว ในมือยังถือถุงสัมภาระที่หนักหน่วง กลับมารายงานรองเสนาบดีกรมอาญา

“กราบเรียนใต้เท้า พบเงินสองร้อยตำลึงอยู่ในกระเป๋าเสื้อผ้าของซุนสือโถว”

หลังจากนั้นก็เอาเงินขึ้นมาส่งมอบ วางกับกระทบพื้นเสียงดัง “ตึง”

เปิดห่อสัมภาระ เงินสีขาวเรือง ทำให้คนจ้องตาเป็นมันจริงๆ

ผู้คุมตัวเล็กๆ ทำไมถึงได้มีเงินมากมายขนาดนี้? การขายชาติเพื่อเกียรติยศนี้ น่าจะเป็นเรื่องจริง

รองเสนาบดีกรมอาญามองเพียงแวบเดียว ถอนหายใจเหมือนยกภูเขาออกจากอก “ดูเหมือนว่าฆาตกรที่ฆ่าชาวมั่วเป่ยก็คือเขาอย่างไม่ต้องสงสัยแล้ว ท่านอ๋อง พระชายา ท่านว่ายังไง?”

เหลิ่งชิงฮวนกำลังยืนอยู่หน้ากำแพงที่เขียนด้วยเลือด ใช้มือสัมผัสไปที่เลือดที่ยังไม่แห้งสนิทดี มองกระเป๋าเงินนั่นอย่างไม่ใส่ใจ

เมื่อได้ยินรองเสนาบดีกรมอาญาถาม เธอไม่ได้รอให้มู่หรงฉีได้พูดอะไร ก็ชิงพูดขึ้นมาก่อน “ที่ใต้เท้าพูดมาก็มีเหตุผล ข้าเองก็รู้สึกว่า ซุนสือโถวผู้นี้น่าจะฆ่าตัวตายเพื่อหนีความผิด”

มู่หรงฉีอยากจะพูด แต่ถูกเธอใช้สายตาห้ามไว้

“งั้นพวกข้าน้อยก็ปรักปรำคุณชายรองจริงๆ ตอนนี้คนร้ายตัวจริงได้ฆ่าตัวตายหนีความผิดแล้ว ก็สามารถคืนความบริสุทธิ์ให้กับคุณชายรองได้”

เหลิ่งชิงฮวนพยักหน้า “งั้น น้องชายของข้าก็พ้นผิดแล้วใช่ไหม?”

รองเสนาบดีกรมอาญาพยักหน้า “แน่นอน”

เหลิ่งชิงฮวนพูดด้วยรอยยิ้ม “งั้นพวกเราไปเยี่ยมน้องชายก่อน ส่วนที่นี่รบกวนท่านใต้เท้าหลังจัดการทุกอย่างเรียบร้อย จากนั้นค่อยกราบทูลฮ่องเต้”

รองเสนาบดีกรมอาญาประสานมือ “พระชายาทรงวางใจได้ ข้าน้อยจะกราบทูลรายงานตามความจริงอย่างแน่นอน”

มู่หรงฉียืนอยู่ด้านข้าง สับสนงุนงงในใจ รู้สึกว่าวันนี้ชินฮวนดูแปลกไป

แม้ว่าตัวเองจะตามใจเธอ แต่เวลาอยู่ด้านนอก โดยเฉพาะต่อหน้าขุนนาง ตราบใดที่ตัวเองอยู่ เธอนั้นย่อมรู้จักกาลเทศะเป็นอย่างดี น้อยครั้งมากที่จะคิดเองเออเองอย่างนี้ แย่งหัวข้อสนทนาของตัวเอง

เขาเดินตามหลังชิงฮวนออกมาจากห้องขังซุนสือโถว ตลอดทางมีคนผู้เดินผ่านไปผ่านมา ทั้งสองคนไม่ได้พูดคุยอะไรกัน

ผู้คุมที่เดินตามอยู่ด้านหลัง พาทั้งสองคนมายังหน้าห้องขังของเหลิ่งชิงเจียวอย่างระมัดระวัง

ในคุกสวรรค์ ข่าวการตายของซุนสือโถวได้แพร่สะพัดไปทั่วแล้ว

ไม่จำเป็นต้องถึงการตัดสินในตอนท้าย ทุกคนต่างก็รู้กันหมด ว่าคนที่สมรู้ร่วมคิดกับมั่วเป่ย วางยาก็คือซุนสือโถวอย่างหนีไม่พ้นแล้ว

หลายคนต่างรุมล้อมเหลิ่งชิงเจียว คาบข่าวมาบอก พูดจาประสบสอพลออย่างเจื้อยแจ้ว

“บอกแล้วว่าคุณชายรองจะสามารถสมคบคิดทำเรื่องขายชาติพวกนั้นได้ยังไงกัน? พวกเรายืนหยัดอยู่ข้างท่านอย่างเด็ดเดี่ยวเลยนะ”

“ใช่แล้ว ปกติเห็นซุนสือโถวดูเป็นคนซื่อสัตย์อย่างนั้น ข้าว่าจะต้องเสแสร้งอย่างแน่นอน แล้วก็เป็นไปตามที่คิด ตอนนั้นข้าก็ว่า เขาน่าสงสัยมากที่สุด พวกเจ้าก็ไม่เชื่อ”

“เจ้ากระทำการช้าเกินไป ตอนนี้ซุนสือโถวเกิดเรื่องแล้ว หลังเกิดเรื่องจูเก๋อก็มาแล้ว”

...

เหลิ่งชิงเหยาถามเสียงเรียบ “เบื้องบนที่พวกเจ้าพูดถึง คือใครกันล่ะ?”

หลายคนต่างมองหน้ากันไปมา รู้สึกลำบากใจนิดหน่อย ไม่กล้าส่งเสียง

เหลิ่งชิงเจียวหัวเราะเหอะเหอะ “ข้ารู้อยู่แล้ว พวกพี่ชายทั้งหลายไม่อาจทนนิ่งดูดายเห็นข้าต้องลำบากได้ รอเมื่อข้าได้ออกไป จะเลี้ยงตอบแทนทุกท่านอย่างแน่นอน”

“มิกล้า มิกล้า ให้พวกข้าเลี้ยงดีกว่า พวกข้าเลี้ยงเอง”

หลายคนต่างทำตัวน่าอับอาย กลัวว่าเหลิ่งชิงฮวนจะคาดคั้นถามต่อ จึงเดินจากไปอย่างเศร้าหมอง

เรื่องบางเรื่องในใจรู้แต่ไม่ควรพูด เป็นเพื่อนก็ทำต่อไป การเป็นคนอย่าโหดเกินไป ให้เหลือทางหนีทีไล่ให้ตัวเองบ้าง เหลิ่งชิงเจียวเจ้าเด็กคนนี้เจ้าเล่ห์จริงๆ ตัวเองยังคิดว่าจะใช้โอกาสนี้ในการช่วยเขาเคาะตีให้แล่นเรือไปตามทิศทางลม

ต่างพูดกันว่าเมื่อกำแพงเริ่มคลอนแคลนผู้คนก็ช่วยกันผลักให้ล้ม ประตูจวนมหาเสนาบดียังเปิดอยู่ ไม่คิดเลยว่าคนกลุ่มนี้จะร่วมกันซ้ำเติม เธออยากจะรู้ว่าแท้จริงแล้วถูกใครบงการกันแน่?

มู่หรงฉีตบไหล่เหลิ่งชิงเจียว “ไป ข้าเลี้ยงเหล้าปลอบขวัญเจ้าเอง”

เหลิ่งชิงเจียวแอบมองเหลิ่งชิงฮวน สีหน้ากระอักกระอ่วนเล็กน้อย

“ไม่ล่ะ เกรงว่าท่านพ่อจะคิดถึงรออยู่ที่บ้าน”

“บอกให้เจ้าไปก็ไปสิ ข้ามีเรื่องจะคุยกับเจ้า” เหลิ่งชิงฮวนตอบอย่างไร้อารมณ์ เดินออกจากห้องขังไปก่อน

มู่หรงฉียักไหล่ “เป็นคำสั่งของพี่สาวเจ้าน่ะ แม้แต่ข้าก็ไม่ขัด ไปเถอะ มื้อเที่ยงพอดี พวกเราไปดื่มกันสักหน่อย”

เหลิ่งชิงเจียวประหลาดใจเล็กน้อยที่ได้รับความเมตตา ไม่คิดเลยว่าอ๋องฉีผู้สูงศักดิ์จะเรียกตัวเองเช่นนี้ ถือว่าตัวเองเป็นคนในครอบครัวแล้วเหรอ?

ไม่มีเหตุผลที่จะรู้สึกว่า พี่เขยคนนี้เข้าถึงได้ง่ายกว่าพี่สาว ตอนนี้พอเขาเห็นเหลิ่งชิงฮวน ในใจก็กลัวเล็กน้อยอย่างไม่มีเหตุผล ประหม่าพอๆกับตอนที่ยังทำการบ้านไม่เสร็จแล้วเจอท่านอาจารย์

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา