ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 66

เหยียนควานเหวินผู้มีใบหน้าชั่วร้ายยิ้มให้กับเหลิ่งชิงเฮ่อ ก่อนจะหันหลังกลับออกจากกระท่อมหลังคามุงจาก

“กราบเรียนท่านอ๋อง เขายืนยันว่าจะไม่ทำขอรับ”

“อืม เจ้าคงจำคำสั่งของข้าได้ใช่หรือไม่” เสียงทุ้มกำชับ

“ท่านอ๋องโปรดวางพระทัย เรื่องนี้กระหม่อมจะไปแพร่งพรายให้ใครรู้เป็นอันขาด”

เหลิ่งชิงเฮ่อตกใจ เขาไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น ในขณะที่กำลังจะเดินออกไปดูนั้นแสงสลัวส่องขึ้นที่ประตู ก่อนที่เหลิ่งชิงฮวนจะเดินเข้ามาพลางเรียก “ท่านพี่” ด้วยเสียงดัง

เหลิ่งชิงเฮ่อรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “ชิงฮวน เหตุใดถึงเป็นเจ้า”

มู่หรงฉียืนอยู่ที่ประตูกระท่อมหลังคามุงจากพลางมองไปที่ฉากอันทรุดโทรมในห้อง และยังมีชามโจ๊กกับผักวางอยู่ข้างเตียง นางตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งโดยยังไม่ทันได้เดินเข้าไป

ครั้งแรกที่เขาเห็นเหลิ่งชิงฮวน เขาเห็นนางผลักเหลิ่งชิงหลางลงไปในทะเลสาบด้วยตาของเขาเอง นางปฏิเสธที่จะยอมรับความผิดพลาดด้วยความมั่นใจ เขาตัดสินใจว่าเหลิ่งชิงฮวนต้องพึ่งพาฐานะลูกสาวของชายาเอกเพื่อครอบงำจวนเสนาบดีรังแกผู้เป็นน้องสาว โดยไม่สนใจความจริงที่ว่ามารดาผู้ให้กำเนิดของนางเสียชีวิตด้วยโรคภัยไข้เจ็บและไม่เป็นที่ชื่นชอบของท่านเสนาบดี

ต่อมาเหลิ่งชิงหลางแสดงท่าทีเจียมตัวต่อหน้าเขาเสมอ ทว่าเหลิ่งชิงฮวนกลับแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ราวกับรอบตัวนางเต็มไปด้วยหนามแหลมและกระทำทุกเรื่องด้วยความบ้าบิ่น กล้าแม้กระทั่งโจมตีตัวเขาเอง ดังนั้นเขาจึงยิ่งเชื่อว่าเหลิ่งชิงหลางต้องถูกนางรังแกในจวนเสนาบดีอย่างแน่นอน

ทว่าวันนี้สิ่งที่เขาเห็น ทำให้เขาตกตะลึงเล็กน้อย หากสองพี่น้องมีอำนาจเหนือจวนเสนาบดีจริง เหตุใดพวกเขาถึงลงเอยสถานการณ์เช่นนี้ ไม่ต้องพูดถึงลูกชายของจวนเสนาบดี แม้แต่คนธรรมดาก็ไม่อาจพอใจกับสภาพที่เป็นอยู่ได้

เขานึกถึงวันที่ไปช่วยเหลือแม่ทัพอวี๋ด้วยความร้อนใจ เขาบุกเข้าไปในลานหลักด้วยตัวเอง ทำให้เห็นว่าชิงฮวนกินอยู่อย่างง่ายๆ เช่นกัน

ฝีมือการทำอาหารของแม่นมเตียวนั้นไม่ค่อยดีนัก เดิมทีนางเป็นหญิงสาวที่น่านับถือในวัง และไม่ใช่หน้าที่ของนางที่จะทำงานเหล่านี้ ดังนั้นอาหารเหล่านั้นคงแทบจะกินไม่ได้เลยด้วยซ้ำ แต่หญิงสาวคนนั้นกลับไม่มีทีท่ารังเกียจ

เป็นที่ประจักษ์ว่าสองพี่น้องผ่านชีวิตที่ยากลำบากและพึงพอใจและความสุขที่พวกเขาได้รับ

เหลิ่งชิงเฮ่อเงยหน้าขึ้น ก่อนจะรีบลุกขึ้นยืนและคุกเข่าลงทำความเคารพ

“ไม่ต้องพิธีรีตอง” มู่หรงฉีกล่าว “แผนการล่อลวงนี้ข้าเป็นคนจัดเตรียมไว้เอง เพื่อคัดเลือกผู้มีความสามารถสำหรับประเทศ อุปนิสัยและพรสวรรค์เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ คุณชายโปรดอภัยให้ข้าด้วย”

เหลิ่งชิงเฮ่อเป็นคนฉลาด เมื่อเขาเห็นมู่หรงฉี เขาก็เริ่มเข้าใจว่าอ๋องฉีกำลังทดสอบนิสัยของเขา ถ้าอย่างนั้นเขาควรจะน้อมรับด้วยความดีใจ จากนั้นเขาจึงกล่าวด้วยความเคารพทันที “ขอบพระทัยท่านอ๋องสำหรับแบบทดสอบในครั้งนี้ ท่านอ๋องทรงพิถีพิถันในการรับคนเข้าทำงาน ยุติกรรมและปราดเปรื่อง ชิงเฮ่อรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง”

เหลิ่งชิงฮวนซึ่งยืนอยู่ด้านข้างมุมปากของนางกระตุกสองครั้ง แต่ไม่อาจแสดงออกถึงความเจ็บปวดได้ พี่ชายของนางคิดจริงๆ หรือว่ามู่หรงฉีเสียสละโดยไม่มีความเห็นแก่ตัว? เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ชอบนางจึงพาลไม่ชอบพี่ชายของนางไปด้วย ดังนั้นเขาจึงคิดวิธีนี้ขึ้นมาทดสอบใช่หรือไม่

หากเหลิ่งชิงหลางเป็นผู้เอ่ยปากร้องขอ ต่อให้เด็กน้อยอย่างเหลิ่งชิงเจียวที่จดจำคัมภีร์สามตัวอักษร เขาอาจจะตอบตกลงทันที เหตุใดต้องทำให้เรื่องยุ่งยากแบบนี้ด้วย

นางแอบใส่ร้ายเขาในใจ มู่หรงฉีย่อมไม่รู้ว่าเขากลายเป็นคนหน้าด้านไร้ยางอายในใจของนางไปเสียแล้ว

เนื่องจากรูปร่างกำยำสูงใหญ่ของเขา ทำให้ต้องก้มตัวลงเดินเข้าไปในกระท่อมหลังคามุงจากอย่างยากลำบาก

“ชิงฮวดบอกข้าว่าเจ้ามีความสามารถที่น่าอัศจรรย์ มีพรสวรรค์ดั่งจื่อเจี้ยน ข้าย่อมเต็มใจที่จะเลือกคนอย่างเจ้าเข้ามาทำงาน แค่ไม่รู้ว่าตอนนี้สุขภาพของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” เหลิ่งชิงเฮ่อตอบกลับ “น้องสาวของกระหม่อมมีความชำนาญด้านการแพทย์สูง พิษทั้งหมดในร่างกายได้รับการชำระล้างแล้ว เพียงแต่กระหม่อมล้มหมอนนอนเสื่อมาเป็นเวลานาน ทำให้ร่างกายอ่อนแอเล็กน้อย อาจต้องใช้เวลาฟื้นผูสักสองสามวันขอรับ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา