จวนอ๋องเซวียน
เหลิ่งชิงฮวนมาหาน่าจาอี๋นั่วอีกครั้ง
น่าจาอี๋นั่วกำลังทานอาหารกลางวันอยู่ ช้าๆไม่รีบร้อน สบายมาก
เมื่อเห็นเหลิ่งชิงฮวนบุกเข้ามา เธอเงยหน้า “สืบเจอแล้วเหรอ?”
เหลิ่งชิงฮวนพยักหน้า “สืบเจอแล้ว เจ้าเดาดูสิว่าเป็นใคร?”
น่าจาอี๋นั่ววางชามและตะเกียบที่อยู่ในมือลง เอียงคอมองพิจารณาเธออย่างละเอียด “ท่านรีบร้อนมาบอกผลข้าอย่างนี้ อีกทั้งท่าทางที่ท่านเดินเข้ามา เห็นได้ชัดว่าท่านประหลาดใจกับผลลัพธ์นี้มาก แสดงว่าบุคคลนี้เป็นคนที่ท่านรู้จัก”
“ไม่ใช่แค่รู้จักนะ?” เหลิ่งชิงฮวนยิ้มอย่างเย็นชา “เป็นน้องชายข้าเอง”
น่าจาอี๋นั่วก็ตกใจอย่างเห็นได้ชัด ท่าทีนี้ เหมาะพอดีทีเดียว ไม่ได้พูดเกินจริง แต่ก็ไม่ได้เปิดเผย ไม่เหมือนกับการเสแสร้ง หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ดึงสีหน้ากลับมาเป็นปกติ ยกชามขึ้นมา กินข้าวต่อ
“ดังนั้น ท่านไม่เชื่อผลลัพธ์นี้ตั้งแต่ไหนแต่ไร ต้องคิดว่าข้าจงใจสร้างกับดักให้ท่านหลงเข้ามา เป็นเช่นนั้นจริง คนดีไม่สามารถเป็นได้ มีบางครั้ง เจตนาดีไม่จำเป็นต้องได้รับผลตอบแทนที่ดี”
“บอกตามตรงเลยนะ เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เพราะเรื่องนี้มันบังเอิญเกินไป น้องชายข้าไม่มีทางสับสนทำเรื่องแบบนี้ได้ ข้าเคยสงสัยจริงๆ ว่าเป็นเจ้าที่จงใจทำให้ข้าเข้าใจผิด”
น่าจาอี๋นั่วยกยิ้มมุมปาก “เรื่องนี้มีความเป็นไปได้สามประการ ประการแรก เกิดความผิดพลาดขึ้นจริงๆ ประการสอง มีคนจงใจที่จะใส่ร้ายน้องชายของท่าน ประการที่สาม ฆาตกรตัวจริงก็คือน้องชายของท่าน”
“แต่ต่อมา เรื่องราวกลับเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น”
“เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นยังไง?”
“ในคุกสวรรค์มีผู้คุมฆ่าตัวตายเพื่อหนีความผิด บนจดหมายลาตายมีคำสารภาพ ว่าตัวเองเป็นฆาตกร”
น่าจาอี๋นั่วตะลึง “หลังจากนั้น ความผิดของน้องชายท่านก็ลบล้างหมดแล้ว?”
เหลิ่งชิงฮวนพยักหน้า
“ฟังดูแล้วเหมือนกับท่านฆ่าปิดปาก จากนั้นก็จัดฉากขึ้นมา”
เหลิ่งชิงฮวนหัวเราะ “แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่ใช่ ผู้คุมคนนั้นสมควรได้รับมันจริง ๆ”
น่าจาอี๋นั่วไม่ได้โต้แย้ง ถามกลับอย่างจริงจัง “นั่นบอกข้าได้ไหม มีใครเคยเข้าใกล้น้องชายของท่านหรือไม่?”
เหลิ่งชิงฮวนไม่ได้ปิดบัง “เด็กรับใช้ประจำตัวเขา เพื่อนร่วมงาน แล้วก็มีหญิงชราที่รับใช้น้องสามของข้า”
“น้องสามท่าน? เหลิ่งชิงเหยา? คนที่แต่งเข้าจวนอ๋องเฮ่า?”
เหลิ่งชิงฮวนพยักหน้า “ใช่แล้ว”
น่าจาอี๋นั่วกรอกตาไปมา มุมปากยกขึ้น พร้อมกับการเยาะเย้ย มองไปที่เธอด้วยสายตาแปลกๆ “ท่านกลับไปตรวจสอบคนที่จวนท่านแล้วงั้นเหรอ?”
เหลิ่งชิงฮวนพยักหน้าอีกครั้ง “ตรวจสอบแล้ว แต่ก็ไม่พบข้อสงสัยอะไร”
น่าจาอี๋นั่วก้มหน้าดื่มซุป ไม่ได้พูดอะไรอีก ดูเหมือนทำท่าทางกำลังตั้งใจคิดอะไรบางอย่างอยู่
เหลิ่งชิงฮวนมองเธอ “ข้าถามคำถามท่านข้อหนึ่งได้ไหม?”
“ว่ามา!”
“ทำไมเจ้าต้องทำทุกวิถีทางเพื่อแต่งกับอ๋องเซวียนด้วย?”
ช้อนหล่นลงในชามน้ำแกง ได้ยินเสียงดังฟังชัด น่าจาอี๋นั่วหยิบผ้าขึ้นมาเช็ดมุมปาก “จะเป็นเพราะอะไรได้อีก? หลังพิงต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเย็นนะสิ”
“ถ้าหาก เจ้าอยากจะอาศัยอำนาจของอ๋องเซวียนจริง ตามความเฉลียวฉลาดหลักแหลมของเจ้า เจ้าสามารถเกื้อกูลเขาประสบความสําเร็จในอาชีพการงาน เช่นนั้น เจ้าก็ยังมีหวังที่จะกลับไปที่แคว้นหนานจ้าว แต่ข้าก็คิดไม่ออกสักที ว่าทำไมเจ้าต้องทำลายเขาด้วย?”
“ท่านพูดเช่นนี้หมายความว่ายังไง?”
“ตั้งแต่เจ้าแต่งเข้าจวนอ๋องเซวียน เจ้ายั่วยวนอ๋องเซวียนให้หมกหมุ่นในโลกีย์ ไม่อยากพยายามก้าวหน้า ทำให้จวนอ๋องเซวียนวุ่นวายกันไปหมด ทุกคนล้วนรู้ดี ทำลายความประทับใจเขาในใจฮ่องเต้”
“อ๋องเซวียนดื้อรั้นหัวแข็ง ทั้งยังมีคนหนุนหลัง หากข้าคิดที่จะยืนหยัดอยู่ในจวนอ๋องเซวียน จำเป็นที่จะต้องทำตามความชอบของผู้อื่น ได้รับความโปรดปรานจากอ๋องเซวียน หากเปลี่ยนเป็นเจ้า เจ้าก็คงจะเป็นเช่นนี้เหมือนกัน ไม่ใช่ว่าข้าอยากจะแย่งมันมา แต่ข้าจำเป็นที่จะต้องทำต่างหาก”
โฉวซือเส่าถือไหเหล้าอยู่ในมือ แหงนคอกระดกเหล้า ช่างไร้รสชาติ
เฟิงเหล่ยอวี้เพิ่งจะซักเสื้อผ้าเสร็จ เอาผ้าปูที่นอนที่ตัวเองเคยใช้ไปซักแล้ว ออกแรงบิดน้ำอีกครั้ง ตากไว้บนเชือก เธอผูกกระโปรงขึ้น ม้วนขากางเกง เผยให้เห็นข้อเท้าสีขาว
ในที่สุดก็ถอดเสื้อผ้าหน้าหนาวที่หนักออก เสื้อผ้าฤดูใบไม้ผลิส่วนเว้าโครงร่างผอมบาง เวลาที่เขย่งเท้าตากเสื้อผ้า เพราะต้องใช้ความพยายามในการยกมือขึ้น ก็ยิ่งทำให้รูปร่างตึงมากขึ้น
โฉวซือเส่าหรี่ตามองเธอ กวักมือเรียกเธออย่างเกียจคร้าน “มานี่สิ”
เฟิงเหล่ยอวี้หันหน้า แสงแดดที่ละเอียดกระโดดอยู่ระหว่างคิ้ว แล้วยิ้มอย่างเขินอาย “ท่านมีอะไรจะรับสั่ง?”
โฉวซือเส่าหันไปด้านข้าง วางเสื้อคลุมสีแดงไว้บนเก้าอี้หวายอย่างเกียจคร้าน มองเฟิงเหล่ยอวี้ด้วยสายตาที่สนใจ “หิวน้ำหรือไม่ ข้าเลี้ยงเหล้าเจ้าเอง?”
หน้าของเฟิงเหล่ยอวี้แดงขึ้นมาทันที เช็ดน้ำที่อยู่บนพื้นอย่างอับอาย ส่ายหัวเหมือนป๋องแป๋ง “ข้า ต่อไปข้าจะไม่ดื่มเหล้าอีกแล้ว”
โฉวซือเส่าหลับตาลองอีกครั้ง แล้วถอนหายใจ “น่าเบื่อ”
เฟิงเหล่ยอวี้มือไม้อ่อนไปหมด มองไหเหล้าที่อยู่ในมือโฉวซือเส่า อธิบายเสียงเบา
“ข้ากลัวว่าถ้าตัวเองดื่มหนักอีก น่าขายขี้หน้าเกินไปแล้ว”
มุมปากของโฉวซือเส่ายกขึ้นกว้างเล็กน้อยอย่างหยาดเยิ้ม “น่าขายขี้หน้ายังไง?”
เฟิงเหล่ยอวี้ส่ายหน้า หน้าแดงเหมือนหยดเลือด “ข้าทำลายเรื่องราวดีๆของท่านใช่หรือไม่?”
“หลังจากนั้นล่ะ?”
เฟิงเหล่ยอวี้กัดริมฝีปากล่างแน่น ส่ายหน้าต่อ “ไม่รู้แล้ว”
โฉวซือเส่ารู้สึกไร้รสชาติอีกครั้ง ไม่รู้ว่าอยากจะให้เธอจำได้ หรือว่าจำไม่ได้กันแน่?
เฟิงเหล่ยอวี้เงยหน้าขึ้น “วันนั้นข้าทำอะไรเกินขอบเขตใช่หรือไม่? ทำไมข้าถึงได้ไปนอน...อยู่ที่ห้องของท่านได้?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา
แอดขาาาาาา หนีเที่ยวพอหรือยัง มาต่อให้จบบบบบบ...
แอดขาาาาาา 794 และ 797 ตกหล่นหายไปคะแอด ช่วยเก็บมาหน่อยคะ คิคถึงงงงงงงงงง...
แอดขาาาาาา ตอน794และ797 หายไปคะ แอดทำตกหล่นช่วยเก็บกลับมาหน่อยคะ...
อยากทราบว่ามีทั้งหมดกี่ตอนคะ....
หยุดนานแล้วนะคะ ผู้เขียน มีอัพเดทต่อไหมคะ...
ขอบคุณทุกๆๆคนนะคะที่มาบอก แต่พอให้เตรียมทิชชู่นี่ปวดตับ ปวดใจก่อนล่ะ...
อยากรู้จังว่าพระเอกรู้ความจริงว่าผู้หญิงในคืนนั้นเป็นนางเอกตอนไหนคะ ใครอ่านแล้วบอกหน่อยค่ะรบกวนสปอยหน่อยยย...
ขอบคุณนะคะที่หานิยายสนุกๆๆมาให้อ่าน จะรออ่านทุกวันค่ะ...
ขอบคุณมากๆค่ะที่อัพเดทต่อจะตั้งใจอ่านต่อไป...ตอนเรียนยังไม่ตั้งใจขนาดนี้🤗😘😄😅😊...
อย่าเท..กลางทาง..นะแอดนะ😁😁😁...