ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 680

อีกฝ่ายกัดฟันแน่และคว้าข้อมือของเหลิ่งชิงฮวนเอาไว้ได้ หลังจากนั้นเขาก็กระโจนจากไปโดยใช้ดาบยาวค้ำยันเอาไว้เพื่อประคองร่างกาย เขามองไปรอบๆอย่างที่จะพาตัวเองออกไปจากอันตราย

ใต้เท้าหลู่กับคนที่สวมผ้าคลุมหน้าคนนั้นได้หนีหายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว

ชิงฮว่าเองก็ลุกขึ้นมาจากพื้นที่มีควันและร้องออกมาอย่างตกใจว่า “พี่ใหญ่!”

ชิงฮวนที่ยังคงจมอยู่กับการกระโจนตัวออกไปอย่างไม่สนใจร่างกายตัวเองของคนเมื่อครู่ก็พยายามลุกยืนขึ้น “ข้าไม่เป็นอะไร!”

ชิงฮว่าร้องออกมาอย่างตื่นเต้นยินดี “ผู้ยอดยุทธ์ ท่านบาดเจ็บ!”

ชายที่สวมหน้ากากผียืนตรงหน้าเหลิ่งชิงฮวน เปลวไฟที่กำลังลุกโชน เหลิ่งชิงฮวนมองไม่ชัดว่าแผ่นหลังของเขาได้รับบาดเจ็บหรือไม่

“เจ้าได้รับบาดเจ็บ?”

อีกฝ่ายหนึ่งไม่พูดอะไรเขาทำเพียงแค่ค่อยๆยืดตัวตรงราวกับกำลังอดทนต่อความเจ็บปวดเป็นอย่างมาก

ที่บริเวณไม่ไกลก็มีเสียงตะโกนดังของคนมากมายดังลอดมา คนของมู่หรงฉีมาถึงแล้ว

เธอได้ยินเสียงตะโกนอย่างกระวนกระวายใจของมู่หรงฉีดังผ่านความเงียบยามค่ำคืน “ชิงฮวน!”

เหลิ่งชิงฮวนตอบรับ “หม่อมฉันอยู่นี่!”

ชายสวมหน้ากากผียกดาบยาวขึ้นแล้วมองเธออย่างลึกซึ้ง จากนั้นเขาก็เดินไปอีกทางอย่างกะโผลกกะเผลก เห็นได้ชัดว่าเขาได้รับบาดเจ็บที่ขา

“ช้าก่อนท่านจอมยุทธ์!” เหลิ่งชิงฮวนลองรั้งเขาเอาไว้ “ข้ารู้จักท่านใช่ไหม ท่านเป็นใครกันแน่”

ชายสวมหน้ากากผีไม่หยุดฝีเท้า เขาได้เดินไปไกลแล้ว และมีเสียงลอยมาจากไกลๆว่า

“เราคือคนธรรมดาทั่วไปที่สามารถทำเรื่องผิดพลาดกันได้”

น้ำเสียงของเขามีความเย็นชาและอ้างว้าง อีกทั้งยังมีความห่างเหิน

เหลิ่งชิงฮวนไม่ได้ตามเขาไป เนื่องจากมู่หรงฉีได้พาคนเข้ามาแล้ว เขากอดเธอเอาไว้ในอ้อมอกราวกับกลัวว่าเธอจะหายไป

“ชิงฮวน เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม”

ชิงฮวนส่ายหน้า “วางใจเถอะ หม่อมฉันไม่เป็นไร”

โฉวซือเส่าเดินวนไปมารอบทั้งสองคน เขาอยากกอดแต่ไม่มีโอกาส

“เจ้านี่มันเนื้อหอมจริงๆ ลูกโตขนาดนี้แล้วยังมีคนคิดถึงอีก”

“คิดถึงกับผีสิ เจ้าดูตรงไหนว่าเหมือนข้าถูกฉุด ฆ่าปิดปากน่ะสิ ฝุ่นเต็มหัวเต็มหน้าข้าจนแทบรักษาชีวิตไว้ไม่ได้ เจ้ายังจะมาพูดให้รู้สึกแย่อีก”

โฉวซือเส่าหัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์ “แต่ละครั้งยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ระเบิดฟ้าคำรณก็ได้ใช้ดูท่าว่าคนที่ลักพาตัวเจ้าครั้งนี้จะไม่ใช่เล่นๆ บอกมาหน่อยสิว่าผู้หญิงอย่างเจ้าต่อให้ถูกลักพาตัวไป คนอื่นก็คงรับใช้ไม่ไหวหรอก อย่างมากสุดก็สองวันก็ต้องเอากลับมาคืนแต่โดยดีแล้ว มู่หรงฉีก็ใจร้อนเกิน เขาทำตัวเหมือนกับมีไฟมาล้นที่ก้น”

มู่หรงฉีไม่สนใจเขาที่พูดไม่หยุด ไม่ใช่แค่เขาที่ร้อนใจ โฉวซือเส่าจะมาแกล้งทำเป็นใจเย็นทำไม?

“ใครลักพาตัวเจ้ามา”

“คนมั่วเป่ย ใต้เท้าหลู่ แต่ว่าหม่อมฉันสงสัยกองกำลังอีกส่วนหนึ่งของพวกเขาว่าน่าจะเป็นคนของเสด็จลุงรองเพคะ”

“ใต้เท้าหลู่? คนแคว้นมั่วเป่ยช่างบังอาจ ถึงกับกล้ามาถึงฉางอันเพื่อลักพาตัวเจ้า?” มู่หรงฉีรู้สึกตกใจเล็กน้อย

ต่อหน้าองครักษ์จำนวนมากเหลิ่งชิงฮวนไม่ได้บอกมู่หรงฉีถึงเป้าหมายที่แท้จริงของใต้เท้าหลู่ มันเป็นการถูกบีบให้ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดโดยไร้ทางเลือก

มู่หรงฉีเห็นว่าเธอปลอดภัยดีก็วางใจและจะพาทหารไล่ตามใต้เท้าหลู่กับคนของเสด็จลุงรอง

เหลิ่งชิงฮวนกำขับกับเขาอย่างไม่สบายใจว่า “ฝ่ายนั้นมีปืนและยังมีระเบิดฟ้าคำรณ ตอนนี้มืดขนาดนี้พวกท่านเองก็ไม่คุ้นกับพื้นที่ที่นี่ มันอันตรายมากจะต้องระวังตัวนะ”

มู่หรงฉีพยักหน้า “เจ้าวางใจเถอะ ข้าจะไม่ให้มันหนีไปได้แน่! ถ้าแค้นนี้ไม่ได้ชำระ ข้าก็ไม่ถือว่าตัวเองเป็นลูกผู้ชาย”

ทั้งสองคนสนใจแต่พูดคุยกัน มีเพียงโฉวซือเส่าที่รู้สึกว่ามีบางสิ่งผิดปกติ เขากวาดสายตามองรอบๆแล้วถามด้วยหัวใจที่หล่นวูบว่า “น้องสาวเจ้าล่ะ?”

ทุกคนมองไปรอบทิศทาง เหลิ่งชิงฮว่าอยู่ที่ไหนกัน?

เมื่อครู่นี้ตอนที่มู่หรงฉีมาถึงเห็นๆอยู่ว่าเธอยังอยู่ เธอตัวคนเดียวจะไปที่ไหนได้

ขอแค่เธอไม่ตกอยู่ในเงื้อมมือของใต้เท้าหลู่อีก ที่ตัวเธอยังมีระเบิดฟ้าคำรณเอาไว้ป้องกันตัวเองอยู่อีกหนึ่งลูก น่าจะไม่มีอันตรายถึงชีวติ

น้ำแกงร้อนๆกับข้าวถึงยกเข้ามา เหลิ่งชิงฮวนทำความสะอาดมือและประคองชามข้าวเอาไว้อย่างใจร้อน

ฟ้ากว้างแผ่นดินใหญ่ การกินข้าวเป็นเรื่องใหญ่ที่สุด มู่หรงฉีที่เห็นเธอเป็นปกติก็วางใจลงและส่งคนให้ไปแจ้งที่จวนมหาเสนาบดีว่าปลอดภัย

อาหารวันนี้น่าจะเป็นเพราะแม่นมเตียวเตรียมมันอย่างรีบร้อน ซึ่งมันถูกทำออกมาอย่างไม่ค่อยน่าพอใจนัก เครื่องเคียงเป็นปลาหมักเหล้า ไก่น้ำลายสอและยังมีผักดองแปดสมบัติ

เมื่อก่อนปลาหมักเหล้านั้นรสชาติถูกปาก วันนี้กินกับโจ๊กแล้วไม่เข้ากันอย่างมาก ข้าวหอมร้อนๆถูกส่งเข้าไปในปากเธอทันใดนั้นกลิ่นเหล้าข้าวกับกลิ่นคาวปลาก็กระจายไปทั่ว เมื่อรวมกันจึงออกมาเป็นรสชาติประหลาดจนขึ้นสมอง

เหลิ่งชิงฮวนพยายามกลืนมันลงไป หลังจากนั้นเธอก็คีบผักดองแปดสมบัติขึ้นมาเล็กน้อยเพื่อต้องการกลบกลิ่นคาว

อึดใจเดียวเธอก็ทนไม่ไหว ความเปรี้ยวตีรันขึ้นมาทางลำคอ เธอหันไปอาเจียน

“เป็นอะไรไป” มู่หรงฉีถามอย่างเป็นห่วง

เหลิ่งชิงฮวนโบกปัด เธออยากจะบอกว่าไม่เป็นอะไร เครื่องเคียงเองก็กินยากมาก ท้องของเธอปั่นป่วนอีกครั้ง เธอรีบใช้ปลายลิ้นดันไปบนเพดานปากแต่ก็ทำได้แค่ขยับลิ้นไปมาอย่างยากลำบาก

แม่นมเตียวที่คอยรับใช้อยู่ข้างๆมาโดยตลอดก็รีบรินน้ำชาให้ จากนั้นก็ให้โตวโตวไปเอาอ่างล้างมือมา

เหลิ่งชิงฮวนประคองถ้วยน้ำชาเข้ามาและจะดื่มมันเข้าไป แต่ท้องของเธอก็ปั่นป่วนอีกครั้งจนเธอต้องหันไปอาเจียน

มู่หรงฉีตกใจ เขาเข้าไปลูบหลังให้เธอเบาด้วยใบหน้าร้อนอกร้อนใจ “หมอล่ะ? รีบให้เข้ามาเร็ว!”

ท่านหมอเจียงที่ได้รับคำสั่งก็สะพายกล่องยาเข้ามา

แต่การอาเจียนของเหลิ่งชิงฮวนนั้นไม่สามารถเก็บอาหารได้ ถึงแม้ว่าในท้องของเธอจะว่างเปล่า อาจจะเป็นกรดไหลย้อนเธอจึงอาเจียนออกมาเป็นน้ำเปรี้ยว และพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหอบ

“ไม่เป็นไร ก็แค่ปลาหมักเหล้าพอกินไปแล้วคาวไปหน่อย ข้าเลยคุมตัวเองไม่ได้”

แม่นมเตียวที่อยู่ด้านข้างก็ยิ้มออกมาพร้อมตบมือฉาดหนึ่ง “พระชายาเพคะ ไม่ใช่ว่าท่านน่าจะมีอีกแล้วนะเพคะ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา