ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 689

ในที่สุดเหลิ่งชิงฮวนก็รู้แล้วว่ามู่หรงฉีได้เรื่องกับเขาอยู่เล็กน้อยเท่านั้น มิน่าล่ะตาเฒ่านั้นถึงได้มองแล้วขัดหูขัดตา

ไหนพูดไว้เสียดิบดีว่าจะกวาดล้างกองทัพนับพันราวให้สิ้นซากทั้งแผ่นดิน เทพเจ้าแห่งสงครามที่น่าเกรงขามที่มีกำลังเกรียงไกรพิชิตใต้หล้าจนยากที่จะต้านทานได้คนนั้นไปไหน? หรือว่าหญิงงามจะเป็นภัยกับวีรบุรุษจนแพ้ทางจริง ๆ งั้นหรือ? ความทะเยอทะยานของเขาถูกตัวเองทำให้ต้องเจอหายนะงั้นหรือ?

เธอถอนหายใจเบา ๆ “ก็แค่พูด ๆ ไปเท่านั้น ท่านกลับเอาจริงเอาจังงั้นหรือ? ไม่กลัวว่าทหารสามเหล่าทัพจะขำจนฟันร่วงงั้นหรือ?”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมามู่หรงฉีก็เกิดความกังวลขึ้นมาเล็กน้อยอีกครั้ง “วันนี้ข้าได้มอบหมายกิจธุระทุกอย่างในค่ายทหารเอาไว้อย่างละเอียดเรียบร้อยแล้ว และทำราวกับการสั่งเสียจะจากไปก็ไม่ปาน จนสายตาของทุกคนที่มองมาที่ข้าในตอนนั้น แปลกประหลาดอย่างมากเกือบจะพากันแห่มาส่งกันเสียแล้ว หากพรุ่งนี้ข้ากลับไปด้วยความเศร้าหมองแบบนี้ และถูกพวกเขาถามขึ้นมา ข้าจะอธิบายอย่างไรดี?”

สำหรับเรื่องนี้ เหลิ่งชิงฮวนเองก็อยากจะหัวเราะเสียจริงๆ ไม่ใช่เพราะเธอใจแคบแต่อย่างใด แต่การกระทำของมู่หรงฉีในครั้งนี้ทำให้คนอื่นอยากจะหัวเราะก็ไม่ได้อยากจะจะร้องไห้ก็ร้องไม่ออก

วันนี้ที่เขาบอกกับตัวเองว่าจะมีเรื่องให้ตัวเองต้องประหลาดใจ น่าจะเป็นเรื่องนี้นั่นแหละ

ตาทึ่มคนนี้ทึ่มจนตัวเองก็ไม่รู้จะพูดอะไรดี? น่าอึดอัดใจเสียจริงๆ

เหลิ่งชิงฮวนต้องทำราวกับว่ากำลังกล่อมเด็กน้อยก็ไม่ปาน “คนในจวนมีตั้งมากมาย จะมาคอยดูแลเอาใจใส่หม่อมฉันคนเดียวไปทำไม และหม่อมฉันก็เป็นถึงหมอนะเพคะ ท่านยังมีอะไรที่ไม่วางใจอีกงั้นหรือ? ถ้าท่านรู้สึกว่าพรุ่งนี้กลับค่ายทหารไปแล้วจะเสียหน้า เช่นนั้นหม่อมฉันจะกลับไปเป็นเพื่อนท่านก็ย่อมได้”

มู่หรงฉีไม่ยอมหรอก เพราะกลุ่มชายฉกรรจ์ที่เงอะงะทั้งหลายในค่ายทหารหากได้เห็นนางเข้า ก็จะทำตัวกระดี๊กระด๊าเหมือนได้พบเทพเจ้าแห่งความร่ำรวยก็ไม่ปาน ถ้าหากเจอกันเข้าจะทำอย่างไร?

“ช่างเถอะ ๆ อย่างมากพวกเขาก็แค่หยอกล้อหัวเราะเล่นกันสนุก ๆ ก็เท่านั้น ข้าก็แค่ต้องเผชิญหน้าสู้ทำเป็นหูทวนลมก็ได้แล้ว”

เมื่อพูดหยอกเล่นจบแล้ว เหลิ่งชิงฮวนก็นึกถึงเรื่องสำคัญขึ้นมาได้

“ตอนที่จิ่งอวิ๋นถูกประหารตามกฎมนเทียรบาล ได้ยินมาว่าเป็นท่านที่ช่วยจัดการธุระเรื่องงานศพให้ใช่ไหมเพคะ?”

มู่หรงฉีพยักหน้า “ทำไมอยู่ ๆ ถึงนึกถามเรื่องนี้ขึ้นมาล่ะ?”

“จิ่งอวิ๋นไม่อยู่แล้วจริง ๆ ใช่หรือไม่?”

แววตาในดวงตาของมู่หรงฉีแฝงไปด้วยรอยยิ้มอย่างชัดเจน “นักโทษที่เสด็จพ่อมีพระราชโองการให้ประหารชีวิต เจ้าคิดว่ายังจะมีความหวังว่ารอดชีวิตอยู่อีกงั้นหรือ?”

เหลิ่งชิงฮวนมองตาปริบ ๆ ไปที่เขา ทันใดนั้นในดวงตาก็เอ่อล้นไปด้วยน้ำตาที่ส่องประกายออกมา นางก้มศีรษะลงและใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดหน้าเอาไว้ จากนั้นก็หันหน้าหนีและเอนกายพิงเตียงเอาไว้ไม่พูดอะไรสักคำ

เมื่อมู่หรงฉีเห็นนางอยู่ ๆ ก็เสียใจขึ้นมา จึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหม่าขึ้นมาเล็กน้อย “ทำไมเกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ? เมื่อครู่ยังดี ๆ อยู่เลย ทำไมอยู่ ๆ ถึงเสียใจขึ้นมาล่ะ?”

เหลิ่งชิงฮวนผ่อนคลายไหล่ลงและสะอื้นเบา ๆ “หม่อมฉันไม่เป็นไรเพคะ ก็แค่รู้สึกเศร้าใจเล็กน้อยขึ้นมากะทันหัน”

มู่หรงฉีคุกเข่าข้างหนึ่งลงบนเตียง “ตอนนี้เจ้ากำลังตั้งครรภ์อยู่ ไม่ควรโกรธหรือเศร้าใจ เจ้าอย่าร้องไห้ไปเลยนะ อย่าได้ร้องไห้ออกมาเป็นอันขาดเชียวนะ”

เหลิ่งชิงฮวนมุดหน้าลงไปในผ้าห่มและร้องไห้ ฮือ ๆ เสียงดังขึ้นมา

“ท่านไม่รู้หรอกว่าจิ่งอวิ๋นเขาน่าสงสารมากแค่ไหน หลังจากที่เขาตายไป หม่อมฉันก็พบสมุดที่เขียนด้วยลายมือของเขาจากบรรดาข้าวของส่วนตัวที่เขาทิ้งเอาไว้ ตัวอักษรข้างในทุกตัวอักษรบันทึกเรื่องราวที่พวกท่านเจอกัน และก็ความรู้สึกขอบคุณของเขาที่มีต่อท่าน ตอนนี้พอนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาก็รู้สึกเศร้าใจ แม้เขาจะทำอะไรที่ผิดต่อกฎหมายบ้านเมืองจนไม่สามารถอภัยให้ได้ด้วยอารมณ์เพียงชั่ววูบ แต่ว่าสำหรับท่านแล้วเขากลับให้ความสำคัญกับความรู้สึกที่มีต่อกันและกันอย่างยิ่ง แต่ก็มาถูกประหารชีวิตด้วยการตัดศีรษะแบบนี้ไปเสียได้ พอนึกถึงขึ้นมาก็เลยรู้สึกเสียใจ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา