ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 691

“ทำไมวันนี้ท่านถึงได้กลับมาเร็วล่ะเพคะ? หรือว่าพี่น้องในค่ายทหารล้อเลียนท่านจริง ๆ หรือ?”

ชิงฮวนพูดขัดจังหวะเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของเขา

มู่หรงฉีพยักหน้า “มีเล็กน้อย”

เหลิ่งชิงฮวนเม้มริมฝีปากลง รู้สึกว่าเหนื่อยเล็กน้อยที่ต้องเงยหน้ามองหน้าเขา จึงลุกขึ้นยืนและยกแขนคล้องคอของเขาเอาไว้ “ดังนั้นจึงโกรธงั้นหรือ?”

“ก็ไม่ใช่ทั้งหมด” มู่หรงฉีรู้สึกพอใจกับท่าทีที่เข้าหากก่อนเช่นนี้ของนางอย่างมาก “วันนี้ในค่ายทหารพากันจับคนประหลาดผมทองได้ เขาหิวโหยจนหมดสติหายใจริบหรี่เหมือนว่าใกล้จะตายอยู่ ๆ ใกล้กับค่ายทหาร”

“คนประหลาดหรือ?” ชิงฮวนรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที “มีลักษณะเป็นอย่างไรหรือเพคะ?”

“ผิวขาวอย่างมาก เส้นผมสีทองหยิก ดวงตาเป็นสีฟ้า ดั้งจมูกโด่งมาก อีกทั้งยังสามารถพูดตะกุกตะกักออกมาได้”

ผมทอง? ตาสีฟ้า?

ชิงฮวนเอียงใบหน้าเล็กน้อย “สิ่งที่ท่านกำลังพูดถึง น่าจะเป็นชาวฝรั่งใช่หรือไม่?”

“ที่แท้เจ้าเองก็รู้จักด้วยหรือ” สีหน้าของมู่หรงฉียังคงอึมครึมไม่เปลี่ยน “ตามที่เสด็จพ่อเคยตรัสไว้ ในสมัยที่เสด็จปู่ครองราชย์ ก็เคยมีคนแปลกประหลาดเช่นนี้เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาหลายพันลี้มายังฉางอัน เพื่อขอเข้าเฝ้าเสด็จปู่โดยอ้างว่ามาจากประเทศที่อยู่ห่างไกลจากฉางอันมาก ไกลเสียจนมีภูผาหลายพันลูกและวารีลายหมื่นลี้กันกลางระหว่างกัน

แต่ว่าพวกทหารไม่รู้จักจึงมองเขาเป็นสัตว์ประหลาดมัดเขาเอาไว้และพาเขามาหาข้า ข้าสั่งให้คนป้อนอาหารให้เขาไปนิดหน่อย เขาพูดจาออกมาอย่างยากลำบาก แต่ละคำที่พูดมาก็จับใจความอะไรไม่ได้ สื่อสารกันยากลำบากมาก บอกเพียงว่ามาที่ฉางอันเพื่อมาถ่ายทอดพระประเสริฐของพระเจ้าอะไรสักอย่าง”

ยังเป็นมิชชั่นนารีอีกด้วย

ชิงฮวนหัวเราะ “ถ้าเช่นนั้นท่านจะโกรธไปไย? เขายั่วโมโหท่านหรือเพคะ?”

มู่หรงฉีหรี่ตาลงเล็กน้อย “เพราะว่าชาวฝรั่งคนนั้นอุ้มลูกหมาเอาไว้ในอ้อมแขนตัวหนึ่ง ตัวเขาเองก็มีชีวิตเหมือนหนูข้างถนนอยู่แล้ว ชาวฉางอันเห็นเขาก็พากันเดินอ้อมหลบให้ สองสามวันนี้แทบไม่มีอาหารประทังชีวิต ยังจะอาลัยอาวรณ์หมาตัวนั้นของเขาอยู่อีก”

ชิงฮวนหัวเราะ พรืด ออกมา “แล้วสิ่งนี่มีอะไรน่าโมโหงั้นหรือ?”

มู่หรงฉีขยับใบหน้าเข้าไปใกล้ ๆ ชิงฮวน “ย่อมมีเรื่องให้ข้าโกรธอยู่แล้ว เพราะว่ามันมีชื่อเหมือนกันกับข้า”

“ฮ่า ๆ ลูกหมาตัวก็ชื่อมู่หรงฉี...เหรอเพคะ?”

หัวเราะไปได้ครึ่งทาง เหลิ่งชิงฮวนก็สัมผัสได้ถึงลางไม่ดีเสียแล้ว

“ไม่ใช่” มู่หรงฉีส่ายหน้า “ไม่ได้ชื่อมู่หรงฉี ชาวฝรั่งคนนั้นบอกว่า จะเรียกว่าพูเดิลหรือเท็ดดี้ก็ได้”

ใบหน้าของชิงฮวนหมองลงทันที พยายามฝืนยิ้มออกมาแห้ง ๆ จากนั้นไหล่ก็ค่อย ๆ ตกลงมาพยายามหาทางหนี

มู่หรงฉีจะปล่อยให้นางทำสำเร็จได้อย่างไร ตวัดขายาว ๆ ขึ้นก็ขวางเอาไว้ที่หน้าโต๊ะและใช้ประโยชน์จากความสูงที่ได้เปรียบกว่ากักขังตัวนางเอาไว้

“ดังนั้นจึงขอรบกวนฮูหยินช่วยอธิบายให้สามีคนนี้ฟังหน่อยว่าเท็ดดี้คำนี้มันหมายความว่าอย่างไรกันแน่?”

“ช่างใจแคบเสียจริง ๆ เชียว ก็แค่บังเอิญชื่อเหมือนกันเท่านั้นไม่ใช่เหรอเพคะ? ลูกหมาในจวนของเรายังชื่อว่าฮวนฮวนได้เลย” ชิงฮวนยังคงพยายามลองดิ้นรนครั้งสุดท้ายดู

“แต่ว่าทำไมสามีคนนี้ถึงรู้สึกว่ามันไม่ได้ง่ายอะไรอย่างนั้นล่ะ? เพราะทุกครั้งที่เจ้าเรียกข้าว่ามู่หรงเท็ดดี้ บนใบหน้าของเจ้ามักจะปรากฏรอยยิ้มชั่วร้ายให้เห็น มีคำกล่าวที่ว่าฆ่าได้แต่หยามไม่ได้ เจ้าเข้าใจหรือไม่?”

วิธีที่จะรับมือกับมู่หรงฉีที่กำลังเดือด แน่นอนว่าเหลิ่งชิงฮวนย่อมมีอยู่แล้ว เธอเงยหน้ามองเขาและยิ้มอย่างชั่วร้าย พยายามเขย่งปลายเท้าขึ้นและเป่าลมเบา ๆ ตรงติ่งหูของเขา “ตามความหมายของท่านก็คือ ต่อไปหม่อมฉันก็จะดูถูกท่านไม่ได้ใช่หรือไม่เพคะ?”

มู่หรงฉีใช้มือใหญ่รวบตัวเหลิ่งชิงฮวนเอาไว้ “อย่าได้มาทำให้ข้าสับสน ตั้งใจที่จะใช้วิธีทำให้หลงกลและจะได้รอดพ้นไปได้ อย่าเชียวนะ นี่มันคนละเรื่องกันอย่าได้เอามาปะปนกัน ต้องคิดบัญชีเรื่องก่อนหน้านี้ให้เสร็จก่อน”

เหลิ่งชิงฮวนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะยอมจำนนต่ออำนาจที่มากกว่าของเขา จึงสารภาพออกมาอย่างตรงไปตรงมา “ที่จริงหม่อมฉันแค่ต้องการชมท่านเท่านั้น”

“ใช่หรือ? ถ้าเช่นนั้นคำชมของฮูหยินก็ช่างแปลกใหม่ไม่ซ้ำใครจริง ๆ ช่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเสียเหลือเกินเนอะ?”

ชิงฮวนหน้าแดง “ท่านรู้ไหมว่ามาตรฐานในการตรวจสอบความกล้าหาญและองอาจของบุรุษคืออะไร?”

มู่หรงฉียิ้มอย่างชั่วร้ายเช่นกัน “แน่นอนต้องเป็นการแสดงฝีมือในสนามรบนะสิ สู้ทั้งสองสนามรบอย่างแข็งแกร่ง”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา