ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 693

เหลิ่งชิงฮวนไม่มีทางเลือกทำได้เพียงต้องหาเรื่องพูดคุย “ครั้งก่อนตอนที่อยู่ที่จวนมหาเสนาบดี เห็นพี่สะใภ้รองจัดหาคนรับใช้หญิงชราให้ชิงเหยาแล้ว มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นคนมีระเบียบเรียบร้อย เห็นได้ชัดว่าท่านเอาใจใส่น้องสามคนนี้ของข้าเป็นอย่างดี”

พระชายาเฮ่าถอนหายใจเล็กน้อย “น้องสะใภ้สามกล่าวเช่นนี้ทำให้ข้าเขินเสียแล้ว หญิงชราที่คอยรับใช้ผู้นั้นข้าเพิ่งไล่ออกไปไม่กี่วันก่อนนี่เอง”

“เพราะอะไรหรือ? เห็นชิงเหยาบอกว่านางปรนนิบัติอย่างพิถีพิถันและใส่ใจในรายละเอียดอย่างมาก”

“เมื่อไม่กี่วันก่อน ชิงเหยาไม่ค่อยสบายเท่าไร ตอนที่ข้าไปเยี่ยมนางกลับพบผงไธม์อยู่ใต้หมอนของนาง แม้ว่าจะไม่รู้ว่าเป็นฝีมือใครเป็นคนลงมือ แต่เรื่องที่ว่าหญิงชราคนนี้ดูแลไม่ดีเป็นเรื่องจริง ด้วยความที่ข้าโกรธจึงไล่ออกไป ตอนนี้ยังรู้สึกละอายใจอยู่เลย เกลียดตัวเองที่มองคนไม่ดีพอ”

นึกไม่ถึงว่าจะยังมีเรื่องแบบนี้ด้วย?

ในจวนอ๋องเฮ่าแห่งนี้ นอกจากเหลิ่งชิงเหยาก็มีแต่พระชายาเฮ่า ยังจะมีใครที่สามารถทำตุกติกแบบนี้ได้อีกหรือ? ถ้าหากเป็นพระชายาเฮ่าเป็นคนทำ เช่นนั้นเพราะเหตุใดนางต้องทำเกินความจำเป็นแบบนี้ด้วย และยังเป็นการตัดแขนขาของตนเองอีก?

ในใจชิงฮวนเกิดความรู้สึกบางอย่าง จึงเงยหน้าไปมองเหลิ่งชิงเหยาเล็กน้อย สีหน้าของชิงเหยาแดงก่ำ เอาแต่ก้มศีรษะลงไม่ส่งเสียงอะไร

ชิงฮวนเองก็รู้สึกกลัว ไม่กล้าที่จะเอ่ยถามต่อ ทำได้เพียงถอนหายใจ “ตระกูลใหญ่โตมีคนมากดังนั้นจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีเรื่องให้จัดการมาก โชคดีมากแค่ไหนที่ท่านเจอได้เร็วทันถ่วงที ชิงเหยามีท่านคอยดูแลก็ถือว่าเป็นวาสนาของนางแล้ว”

เรื่องนี้ก็จบลงไปเสียแบบนี้

ชิงฮวนขอให้อยู่ทานอาหารด้วยกัน แต่พระชายาเฮ่าอยู่กินด้วยไม่ได้ พออยู่พูดคุยต่ออีกสักพักก็ขอตัวลากลับไปก่อน

เธอจึงยังไม่มีโอกาสได้พูดคุยกับเหลิ่งชิงเหยาตามลำพัง และนอกจากนี้หากในช่วงไม่กี่วันต่อจากนี้ ตัวเองจะไปเยี่ยมที่จวนอ๋องเฮ่า ก็คงจะดูไม่เหมาะสมเท่าไร

ตอนที่พวกนางกำลังจะออกจากจวน เสี่ยวอวิ๋นเช่อก็เพิ่งเลิกเรียนกลับมาพอดี เขากลับมาอย่างรวดเร็วเหมือนความเร็วของนกที่กำลังบินออกจากกรงก็ไม่ปาน จึงได้ปะหน้ากันกับพวกนางพอดี

ชิงฮวนเรียกเขาให้หยุดและทำความเคารพให้พระชายาเฮ่า

พระชายาเฮ่ารีบเอ่ยห้าม “ล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน จะต้องเกรงใจไปทำไมกัน?”

เหลิ่งชิงเหยาจึงก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว และประคองอวิ๋นเช่อที่กำลังเตรียมก้มหัวคารวะ จากนั้นก็ยกมือลูบศีรษะของเขาเบา ๆ “อวิ๋นเช่อโตขึ้นมาอีกหนึ่งขวบแล้ว ตัวก็สูงขึ้นแล้วด้วย”

คำพูดเช่นนี้อวิ๋นเช่อชอบฟังเป็นที่สุด “ท่านน้าสามไม่เพียงแค่สวย แต่ยังพูดจาไพเราะอีกด้วยขอรับ”

ทำเอาเหลิ่งชิงเหยามีความสุขอย่างมาก “ปากเล็ก ๆ นี้ช่างหวานจนทำให้ใครต่อใครพากันรักและเอ็นดูเสียจริงๆ”

จากนั้นนางก็ปลดจี้แม่กุญแจอายุยืนที่ทำด้วยทองคำบริสุทธิ์ออกจากคอแล้วยัดใส่ฝ่ามือของอวิ๋นเช่อ “น้ามอบให้อวิ๋นเช่อ ขอให้มีอายุยืนร้อยปี จะได้ให้น้าพลอยได้รับพรจากเจ้าไปด้วย”

ชิงฮวนยังไม่ทันจะได้พูดอะไร เสี่ยวอวิ๋นเช่อก็เอ่ยพูดตัดหน้านางเสียก่อน “ขอบคุณท่านน้าขอรับ”

ชิงฮวนส่ายหัวอย่างเอือมระอา “ใครก็รู้ว่าเจ้าเป็นพวกคลั่งเงินทอง”

ทั้งสามคนพากันหัวเราะ จากนั้นพระชายาเฮ่าก็พาเหลิ่งชิงเหยาออกจากจวนอ๋องแล้วขึ้นเกี๊ยวกลับไป

ภายในวังหลวง

ตาเฒ่าฮ่องเต้ปฏิบัติต่อศัตรูอย่างมั่วเป่ยที่มาเยือนอย่างมีมารยาท และไม่มีการเอ่ยพูดถึงเรื่องที่พวกเขาสมรู้ร่วมคิดกับเสด็จลุงรองทำการการซื้อขายแลกเปลี่ยนปืนกัน และเหตุการณ์ที่ลักพาตัวพระชายาฉีไปก็ดูเหมือนจะลืมทิ้งไปหมดสิ้น

เมื่อมองไปทางมู่หรงฉีซึ่งยืนอยู่ด้านข้าง ๆ นึกไม่ถึงว่าจะกระทำท่าทีสุภาพต่อทูตของมั่วเป่ยเช่นกัน นั้นมันไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของท่านอ๋องฉีเลยไม่ใช่หรือ?

ทั้งสองท่านนี้ช่างแปลกคนจริง ๆ เลย ถึงแม้ตอนนี้ทางมั่วเป่ยจะมีอาวุธที่ทรงพลัง แต่ฉางอันของเราก็มีอำนาจยิ่งใหญ่ มีทหารที่แข็งแกร่ง ไม่ถึงขนาดที่ต้องกลัวอะไรขนาดนี้ไม่ใช่หรือ?

ยังคิดอยู่เลยว่าวันนี้ในราชสำนักจะต้องมีการดวลฝีปากกันอย่างดุเดือดเสียอีก ความสงบสุขเป็นมิตรเช่นนี้ จริงแล้วเป็นการแสดงหรือว่าเป็นท่าทีที่แท้จริงของฝ่าบาทกันแน่?

เหล่าขุนนางไม่มีใครกล้าพูดอะไร

ตอนนี้ตาเฒ่าฮ่องเต้และมู่หรงฉีต่างคน ต่างมีเลศนัยของตนเอง แต่ละคนต่างมีแผนการในใจของตนเอง เพียงแต่ยังไม่ทำอะไรก็เท่านั้นเอง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา