ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 693

สรุปบท ตอนที่ 693 อุบายของกษัตริย์: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา

อ่านสรุป ตอนที่ 693 อุบายของกษัตริย์ จาก ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา โดย เฉลิมพล

บทที่ ตอนที่ 693 อุบายของกษัตริย์ คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายนิยาย โรแมนติค ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย เฉลิมพล อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

เหลิ่งชิงฮวนไม่มีทางเลือกทำได้เพียงต้องหาเรื่องพูดคุย “ครั้งก่อนตอนที่อยู่ที่จวนมหาเสนาบดี เห็นพี่สะใภ้รองจัดหาคนรับใช้หญิงชราให้ชิงเหยาแล้ว มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นคนมีระเบียบเรียบร้อย เห็นได้ชัดว่าท่านเอาใจใส่น้องสามคนนี้ของข้าเป็นอย่างดี”

พระชายาเฮ่าถอนหายใจเล็กน้อย “น้องสะใภ้สามกล่าวเช่นนี้ทำให้ข้าเขินเสียแล้ว หญิงชราที่คอยรับใช้ผู้นั้นข้าเพิ่งไล่ออกไปไม่กี่วันก่อนนี่เอง”

“เพราะอะไรหรือ? เห็นชิงเหยาบอกว่านางปรนนิบัติอย่างพิถีพิถันและใส่ใจในรายละเอียดอย่างมาก”

“เมื่อไม่กี่วันก่อน ชิงเหยาไม่ค่อยสบายเท่าไร ตอนที่ข้าไปเยี่ยมนางกลับพบผงไธม์อยู่ใต้หมอนของนาง แม้ว่าจะไม่รู้ว่าเป็นฝีมือใครเป็นคนลงมือ แต่เรื่องที่ว่าหญิงชราคนนี้ดูแลไม่ดีเป็นเรื่องจริง ด้วยความที่ข้าโกรธจึงไล่ออกไป ตอนนี้ยังรู้สึกละอายใจอยู่เลย เกลียดตัวเองที่มองคนไม่ดีพอ”

นึกไม่ถึงว่าจะยังมีเรื่องแบบนี้ด้วย?

ในจวนอ๋องเฮ่าแห่งนี้ นอกจากเหลิ่งชิงเหยาก็มีแต่พระชายาเฮ่า ยังจะมีใครที่สามารถทำตุกติกแบบนี้ได้อีกหรือ? ถ้าหากเป็นพระชายาเฮ่าเป็นคนทำ เช่นนั้นเพราะเหตุใดนางต้องทำเกินความจำเป็นแบบนี้ด้วย และยังเป็นการตัดแขนขาของตนเองอีก?

ในใจชิงฮวนเกิดความรู้สึกบางอย่าง จึงเงยหน้าไปมองเหลิ่งชิงเหยาเล็กน้อย สีหน้าของชิงเหยาแดงก่ำ เอาแต่ก้มศีรษะลงไม่ส่งเสียงอะไร

ชิงฮวนเองก็รู้สึกกลัว ไม่กล้าที่จะเอ่ยถามต่อ ทำได้เพียงถอนหายใจ “ตระกูลใหญ่โตมีคนมากดังนั้นจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีเรื่องให้จัดการมาก โชคดีมากแค่ไหนที่ท่านเจอได้เร็วทันถ่วงที ชิงเหยามีท่านคอยดูแลก็ถือว่าเป็นวาสนาของนางแล้ว”

เรื่องนี้ก็จบลงไปเสียแบบนี้

ชิงฮวนขอให้อยู่ทานอาหารด้วยกัน แต่พระชายาเฮ่าอยู่กินด้วยไม่ได้ พออยู่พูดคุยต่ออีกสักพักก็ขอตัวลากลับไปก่อน

เธอจึงยังไม่มีโอกาสได้พูดคุยกับเหลิ่งชิงเหยาตามลำพัง และนอกจากนี้หากในช่วงไม่กี่วันต่อจากนี้ ตัวเองจะไปเยี่ยมที่จวนอ๋องเฮ่า ก็คงจะดูไม่เหมาะสมเท่าไร

ตอนที่พวกนางกำลังจะออกจากจวน เสี่ยวอวิ๋นเช่อก็เพิ่งเลิกเรียนกลับมาพอดี เขากลับมาอย่างรวดเร็วเหมือนความเร็วของนกที่กำลังบินออกจากกรงก็ไม่ปาน จึงได้ปะหน้ากันกับพวกนางพอดี

ชิงฮวนเรียกเขาให้หยุดและทำความเคารพให้พระชายาเฮ่า

พระชายาเฮ่ารีบเอ่ยห้าม “ล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน จะต้องเกรงใจไปทำไมกัน?”

เหลิ่งชิงเหยาจึงก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว และประคองอวิ๋นเช่อที่กำลังเตรียมก้มหัวคารวะ จากนั้นก็ยกมือลูบศีรษะของเขาเบา ๆ “อวิ๋นเช่อโตขึ้นมาอีกหนึ่งขวบแล้ว ตัวก็สูงขึ้นแล้วด้วย”

คำพูดเช่นนี้อวิ๋นเช่อชอบฟังเป็นที่สุด “ท่านน้าสามไม่เพียงแค่สวย แต่ยังพูดจาไพเราะอีกด้วยขอรับ”

ทำเอาเหลิ่งชิงเหยามีความสุขอย่างมาก “ปากเล็ก ๆ นี้ช่างหวานจนทำให้ใครต่อใครพากันรักและเอ็นดูเสียจริงๆ”

จากนั้นนางก็ปลดจี้แม่กุญแจอายุยืนที่ทำด้วยทองคำบริสุทธิ์ออกจากคอแล้วยัดใส่ฝ่ามือของอวิ๋นเช่อ “น้ามอบให้อวิ๋นเช่อ ขอให้มีอายุยืนร้อยปี จะได้ให้น้าพลอยได้รับพรจากเจ้าไปด้วย”

ชิงฮวนยังไม่ทันจะได้พูดอะไร เสี่ยวอวิ๋นเช่อก็เอ่ยพูดตัดหน้านางเสียก่อน “ขอบคุณท่านน้าขอรับ”

ชิงฮวนส่ายหัวอย่างเอือมระอา “ใครก็รู้ว่าเจ้าเป็นพวกคลั่งเงินทอง”

ทั้งสามคนพากันหัวเราะ จากนั้นพระชายาเฮ่าก็พาเหลิ่งชิงเหยาออกจากจวนอ๋องแล้วขึ้นเกี๊ยวกลับไป

ภายในวังหลวง

ตาเฒ่าฮ่องเต้ปฏิบัติต่อศัตรูอย่างมั่วเป่ยที่มาเยือนอย่างมีมารยาท และไม่มีการเอ่ยพูดถึงเรื่องที่พวกเขาสมรู้ร่วมคิดกับเสด็จลุงรองทำการการซื้อขายแลกเปลี่ยนปืนกัน และเหตุการณ์ที่ลักพาตัวพระชายาฉีไปก็ดูเหมือนจะลืมทิ้งไปหมดสิ้น

เมื่อมองไปทางมู่หรงฉีซึ่งยืนอยู่ด้านข้าง ๆ นึกไม่ถึงว่าจะกระทำท่าทีสุภาพต่อทูตของมั่วเป่ยเช่นกัน นั้นมันไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของท่านอ๋องฉีเลยไม่ใช่หรือ?

ทั้งสองท่านนี้ช่างแปลกคนจริง ๆ เลย ถึงแม้ตอนนี้ทางมั่วเป่ยจะมีอาวุธที่ทรงพลัง แต่ฉางอันของเราก็มีอำนาจยิ่งใหญ่ มีทหารที่แข็งแกร่ง ไม่ถึงขนาดที่ต้องกลัวอะไรขนาดนี้ไม่ใช่หรือ?

ยังคิดอยู่เลยว่าวันนี้ในราชสำนักจะต้องมีการดวลฝีปากกันอย่างดุเดือดเสียอีก ความสงบสุขเป็นมิตรเช่นนี้ จริงแล้วเป็นการแสดงหรือว่าเป็นท่าทีที่แท้จริงของฝ่าบาทกันแน่?

เหล่าขุนนางไม่มีใครกล้าพูดอะไร

ตอนนี้ตาเฒ่าฮ่องเต้และมู่หรงฉีต่างคน ต่างมีเลศนัยของตนเอง แต่ละคนต่างมีแผนการในใจของตนเอง เพียงแต่ยังไม่ทำอะไรก็เท่านั้นเอง

องค์ชายอันต๋าพูดอย่างสุภาพ “ปืนกับระเบิดฟ้าคำรณนั้นถูกสร้างโดยใต้เท้าหลู่นั้นเป็นเรื่องจริง แต่ว่าพวกเราไม่เคยทำข้อตกลงเป็นการส่วนตัวกับเสด็จลุงรองของเมืองพระองค์มากก่อน จะเป็นไปได้อย่างไรที่พวกเราจะมอบอาวุธให้คนของเมืองพระองค์เพื่อแลกเปลี่ยนเงินอะไรนั้น? ถึงแม้พวกเรามั่วเป่ยอาจรวยไม่เท่ากับฉางอัน แต่ก็ไม่ได้ขาดเงินก้อนนั้นขนาดนั้น ระหว่างอาวุธปืนและเงิน อันไหนสำคัญกว่ากันพวกเราชั่งน้ำหนักความสำคัญได้อย่างชัดเจน”

เหตุผลนี้นั่นแหละที่ทำให้มู่หรงฉีกับชิงฮวนคิดยังไงก็ไม่เข้าใจเช่นกัน มีความเป็นไปได้อย่างเดียวก็คือ บางทีมั่วเป่ยต้องการสนับสนุนเงินทุนให้เสด็จลุงรองก่อกบฏ เพื่อที่พวกเขาจะได้รอเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ไปอย่างงั้นหรือเปล่านะ?

ตาเฒ่าฮ่องเต้หัวเราะ เหอะๆ แต่ก็ไม่ได้เอ่ยโต้แย้งอะไร แน่นอนว่าต้องมีขุนนางบางคนเอ่ยซักถามขึ้นมาอยู่แล้ว

“ในจดหมายซักไซ้ขอคำอธิบายจากกษัตริย์มั่วเป่ย มีหนังสือสารภาพผิดจากทหารที่ใต้เท้าหลู่ส่งมาทำธุระที่ฉางอันอยู่ เนื้อหาในหนังสือเขียนเล่าเรื่องราวกระบวนการตกลงแลกเปลี่ยนทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบเอาไว้อย่างละเอียด เชื่อว่าองค์ชายอันต๋าน่าจะเห็นด้วยตาตัวเองแล้ว

ทางมั่วเป่ยไม่ได้ขาดแคลนเงินเล็กน้อยนี้จริง ๆ นั่นแหละ แต่น่าเสียดายสิ่งที่องค์ชายอันต๋าต้องการ กษัตริย์มั่วเป่ยไม่เต็มใจที่จะรับฟังคำแนะนำของท่านเรื่องที่จะขยายขนาดการผลิตอาวุธออกไป บวกกับความทะเยอทะยานและละโมบของท่าน ดังนั้นท่านจึงต้องการเงินก้อนนี้มากเพื่อเอาไว้ใช้ผลิตอาวุธปืนเป็นการส่วนตัวใช่หรือไม่?”

“ไร้สาระ ไม่มีเรื่องแบบนี้อย่างแน่นอน! ข้าไม่เคยส่งใครมาที่ฉางอัน แล้วจะไปมีหนังสือสารภาพผิดมาจากไหน? ข้าหวังว่าจะได้พบกับพยานคนนี้ที่อ้างว่าเป็นคนใต้บังคับบัญชาของข้า ต้องไต่ถามกับเขาซึ่งหน้า!”

ขุนนางฉางอันพูดอะไรไม่ออกทันที และไม่รู้ว่าควรจะรับมืออย่างไรดี

ฮ่องเต้ยิ้มเล็กน้อย “น่าเสียดายที่พยานคนนี้ถูกคนเข้ามาฆ่าปิดปากไปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา”

องค์ชายอันต๋าไม่ได้รู้สึกเสียใจแต่อย่างใด “ผู้ใดกันที่กล้าหาญสังหารพยานสำคัญภายใต้การป้องกันที่หนาแน่นเช่นนี้?”

“ก็ไม่เท่าไรหรอก แม้แต่ใต้เท้าหลู่ยังกล้าลักพาตัวพระชายาฉีแห่งราชวงศ์ของฉางอันในเวลากลางวันแสก ๆ ไป ก็แค่คุกหลวงเล็ก ๆ นับประสาอะไร?”

องค์ชายอันต๋าทำท่าประหลาดใจกว่าเดิม “พระองค์บอกว่าใต้เท้าหลู่ลักพาตัวพระชายาฉีไปงั้นหรือ? จะเป็นไปได้อย่างไร? เขาอยู่กับข้าตลอดเวลา!”

รู้อยู่แล้วว่าใต้เท้าหลู่กล้าปรากฏตัวในฉางอันอย่างโจ้งแจ้งเช่นนี้ จะต้องเตรียมตัวมาอย่างดีแน่นอน ตอนนี่พยายามเล่นลิ้นอยู่งั้นหรือ?

มู่หรงฉียังคงไม่พูดอะไรสักคำ และไม่ได้ประหลาดใจอะไรมากนัก ยังคงมีสีหน้าเหมือนคนกำชัยชนะเอาไว้อยู่ในมือ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา