ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 696

ชิงฮวนกลอกตาขาวใส่ “นี่ก็ทำไปเพราะไม่มีทางเลือกแล้วจริง ๆ จึงใช้แผนการแบบนี้ และหมากตานี้ก็อันตรายอย่างมาก ท่านต้องปกป้องความปลอดภัยของใต้เท้าหลู่ให้ดี ๆ ห้ามมิให้ชาวมั่วเป่ยมาฆ่าเขาปิดปากได้จริง ๆ มิฉะนั้นหากอีกฝ่ายไม่กลัวตาย ฆ่าคนได้แล้วยังย้อนกลับมาโจมตี โดยโทษมาที่ฉางอัน เช่นนั้นจะไม่เป็นการฉวยโอกาสไม่สำเร็จและยังขาดทุนอีกหรอกหรือ?

ความจริงก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆนั่นแหละ ขอเพียงก้าวหมากพลาดเพียงก้าวเดียวก็จะแพ้ทั้งกระดาน

ทั้งสองคนครุ่นคิดอยู่นานและรู้สึกว่าวิธีนี้มีความเป็นไปได้ จึงแยกย้ายกันเคลื่อนไหว

ในวันที่สองชิงฮวนหยิบกล่องยาขึ้นไปบนรถม้า และค่อย ๆ เดินทางไปที่สำนักหมอหลวงอย่างไม่รีบร้อนอะไร

สำนักหมอหลวงตั้งอยู่ที่ถนนทางตะวันตกนอกวังหลวง แต่หมอหลวงในสำนักหมอหลวงแห่งนี้มักจะผลัดเวรเข้าไปที่สำนักหมอหลวงในวังหลวงเพื่อรักษาเจ้านายของพวกเขาอยู่บ่อยครั้ง ในตอนที่อยู่ที่ห้องยาหลวงตอนนั้น ก็มักจะมีการพบปะกับชิงฮวนอยู่ไม่น้อย ทุก ๆ วันต้องทำเหมือนป้องกันโจรขโมยมากันเธอเอาไว้

ทันทีที่เข้าไปส่วนใหญ่จะเป็นคนที่รู้จักอยู่แล้ว พอเห็นเธอมาก็ทำราวกับดวงดาวล้อมพระจันทร์ไม่ปานแห่เข้ามาต้อนรับ ไม่ว่าในใจจะยินดีหรือไม่ยินดีก็ตามแต่คำเยินยอสรรเสริญต่าง ๆ ก็มีให้ไม่ขาด อย่างไรก็ตามคนเขาก็เป็นถึงพระชายาแล้ว จะสามารถแย่งชิงความเด่นของตนเอาอะไรได้อีก แย่งงานของตัวเองก็ไม่ได้อยู่แล้ว

เหลิ่งชิงฮวนเข้าไปในห้องผู้ป่วยของใต้เท้าหลู่

เหมือนได้เจอคนที่รู้จัก ยิ่งรู้สึกสนิทมากยิ่งขึ้น

เมื่อมองไปที่ใต้เท้าหลู่ที่นอนป่วยอยู่เหมือนจะตายมิตายแหล่อยู่บนเตียง ชิงฮวนอดไม่ได้ที่จะร้องจิ๊จ๊ะออกมา “เมื่อหลายวันก่อนยังกระโดดโลดเต้น และเอาปืนมาจ่อข้าด้วยท่าทีน่าเกรงขามอยู่เลย ทำไมแค่พริบตาเดียวก็กลายเป็นแบบนี้ไปแล้วล่ะ? แม้แต่ตาเฒ่าที่เป็นอัมพาตครึ่งตัวก็ยังดีกว่าท่าน คนอื่นเขามีลูกมีหลานคอยกตัญญูปรนนิบัติรับใช้อยู่ข้างกาย ดูท่านในตอนนี้สิกำลังคิดอะไรอยู่ ทำตัวเองให้น่าเกรงขามแค่ไหน ถึงเวลาที่ขาทั้งสองข้างของท่านหมดแรงล้มลงไป ก็ไม่มีใครยื่นกิ่งไม้ให้ท่านเลยสักคน”

พูดบ่นไม่หยุดแต่ละประโยคแรงกว่าอีกประโยคเสียอีก หมอหลวงรู้สึกว่า ต่อให้คนตายนอนอยู่ในโลงศพมาได้ยินคำพูดเหล่านี้ ก็คงโมโหจนเปิดฝาโลงลุกขึ้นมานั่งและด่านางกลับ

ใต้เท้าหลู่ผู้น่าสงสาร เดิมทีก็ปากเบี้ยวตาเอียง น้ำลายก็ยังไหลไม่หยุดอยู่แล้ว พอมาถูกนางทำให้โกรธหน้าอกก็กระเพื่อมขึ้นลง แต่ด้วยความที่ไม่สามารถโต้ตอบกลับได้ จึงได้แต่กลอกตาใส่สองสามครั้ง เช่นนั้นแล้วเหมือนว่าจะยังไม่หายโกรธจนสามารถแตะขาขึ้นมาได้แล้ว

เมื่อด่าเสีย ๆ หาย ๆ เสร็จแล้ว ก็ทำการตรวจชีพจร ปากของชิงฮวนยังคงไม่มีความปรานี “ดูท่านสิ ขี้โมโหขนาดนี้ ไม่น่าแปลกใจเลยที่เป็นโรคหลอดเลือดสมอง ชีพจรเต้นเร็วขนาดนี้ ยากที่จะวินิจฉัยได้ ช่างเถอะ ข้าจะเจาะเลือดไปตรวจหน่อยก็แล้วกัน”

เมื่อเปิดกล่องยาก็หยิบเข็มฉีดยาขนาดใหญ่ออกมา และแทงไปที่แขนของเขา ดูดเลือดออกมาหนึ่งหลอดเต็มๆ

จากที่สังเกตใต้เท้าหลู่ผู้นี้สติยังไม่หายไปทั้งหมด อย่างน้อยที่สุด คำพูดที่เหลิ่งชิงฮวนยั่วเขาให้โมโหยังพอฟังเข้าใจอยู่ และตอนที่เจาะเลือด เขาก็โกรธจนแขนสั่นเทา และยังต้องใช้คนสองคนมากดเอาไว้

ที่ชิงฮวนเจาะเลือดไม่ใช้ต้องการจะทำให้เขาโกรธเลยจริงๆนะ หลังจากทดสอบเสร็จแล้วก็ไม่พบว่ามีอะไรผิดปกติ นางจึงเปิดแหวนนำเครื่อง CT สแกนและเครื่อง MRI ออกมาตรวจก็ไม่พบว่ามีสิ่งอุดตันบนศีรษะของเขา

ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมพวกหมอหลวงถึงตรวจไม่พบอาการป่วยของเขา เพราะเขาไม่ได้มีอะไรแตกต่างจากคนปกติเลยจริงๆ

พวกหมอหลวงต่างก็อยากแสวงหาความรู้ พากันล้อมประตูไว้อย่างแน่นหนา เมื่อเห็นชิงฮวนกำลังจดจ่ออย่างตั้งใจ ก็ไม่เข้าใจว่านางกำลังทำอะไรอยู่

หมอหลวงใหญ่จึงเอ่ยถามนางอย่างระมัดระวัง “พระชายา อาการป่วยของใต้เท้าท่านนี้ ท่านดูแล้ว...”

ชิงฮวนล้วงมือเข้าไปหยิบยาที่เธอเตรียมไว้ล่วงหน้าออกมาจากกล่องยา

“ไม่น่าแปลกใจที่พวกท่านจะวินิจฉัยไม่ออกว่าสาเหตุของโรคอยู่ตรงไหน เขาไม่ได้เป็นโรคหลอดเลือดสมองแต่ถูกพิษต่างหาก เขามีสารพิษแปลก ๆ อยู่ในร่างกายเลยทำให้เส้นประสาทสมองของเขาเสียหาย ดังนั้นแขนขาของเขาจึงไม่สามารถควบคุมได้ และไม่สะดวกที่จะเคลื่อนไหว”

คําอธิบายนี้เหมือนกันที่ทุกคนคิดไว้อย่างมาก

แต่ละศาสตร์ย่อมมีความเชี่ยวชาญไม่เหมือนกัน ไม่ใช่ว่าทักษะทางการแพทย์ของตนไม่ดี แต่ที่ทุกคนศึกษาเป็นทักษะทางการแพทย์ที่ถูกต้องมีจรรยาบรรณ ความเชื่อและเรื่องไม่มีจรรยาบรรณเช่นนี้ตนเองไม่ถนัดเท่าไร เป็นเรื่องที่เข้าใจได้

“ถ้าเช่นนั้นยังพอมีทางช่วยได้หรือไม่ขอรับ?”

“ย่อมรักษาได้อยู่แล้ว!” ชิงฮวนกล่าวอย่างมั่นใจ “เทคนิคเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่ยากหรอก แต่ว่าหลังจากถอนพิษแล้ว ก็ต้องรอเขาฟื้นฟูร่างกายอีกหลายวัน ไม่ได้เร็วขนาดนั้น การฝังเข็ม ผ่าตัด และการครอบแก้ว ทุกคนคิดว่าใครพอมีวิธีฟื้นฟูร่างกายที่ดีสามารถลองได้ มันมีประโยชน์ต่อการฟื้นฟูร่างกายของเขาไม่เป็นอันตรายอะไร”

ทุกคนต่างกระตือรือร้นอย่างมาก บางคนมีฝีมือการฝังเข็ม บางคนมีฝีมือการครอบแก้ว ชิงฮวนทำการเรียงลำดับให้พวกเขา แต่ละคนได้ผลัดกันแสดงฝีมือ อย่างไรก็ตามไม่ปล่อยให้ใต้เท้าหลู่ได้ว่างแน่นอน

ชิงฮวนสั่งให้คนช่วยง้างปากใต้เท้าหลู่ และยัดยาเม็ดจำนวนมากเข้าไปในปากของเขา จากนั้นก็กรอกชาครึ่งหม้อลงไป และสะบัดมือออกอย่างไม่สนใจ ต่อไปก็ให้ทุกคนค่อยสลับหมุนเวียนกันจัดการให้เสร็จ

ตอนที่เหลิ่งชิงฮวนออกจากสำนักหมอหลวงไป ใต้เท้าหลู่กำผ้าปูที่นอนแน่นด้วยความโกรธ ท่าทางเหมือนอยากจะกินเลือดกินเนื้อก็ไม่ปาน ปากก็ร้องอู้อี้ ด้วยความโกรธ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา