ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 72

เช้าวันรุ่งขึ้น จือชิวได้รับมอบหมายให้ดูแลแม่ทัพอวี๋ นางมีสีหน้าสงบจนไม่สามารถบอกได้ว่าเต็มใจหรือไม่เต็มใจ

เมื่อเหลิ่งชิงฮวนไปตรวจอาการแม่ทัพอวี๋ จึงเห็นจือชิวถือชามซุปไก่อยู่ในมือกำลังแม่ทัพอวี๋อย่างอ่อนโยนและเอาใจใส่

หมอหญิงสองคนถูกส่งตัวออกไปหมดแล้ว

หากเป็นผู้มีตัณหา คงจะกินน้ำใจสาวงามตรงหน้าแทนซุปไก่ไปเสียแล้ว

แต่แม่ทัพอวี๋เป็นคนหยาบกระด้างที่ไม่รู้ว่าจะวางตัวอย่างไร เมื่อวานจู่ๆ เหลิ่งชิงหลางก็มาดูแลเขาอย่างเอาใจใส่ซึ่งทำให้เขารู้สึกอึดอัด วันนี้กลับเป็นจือชิว แม้ว่านางจะเป็นเพียงเด็กสาว ทว่านางเป็นถึงคนข้างกายของพระชายารอง

เมื่อแม่ทัพอวี๋เห็นเหลิ่งชิงฮวนราวกับได้เห็นผู้กอบกู้ แม้ว่าเหลิ่งชิงฮวนจะเป็นพระชายาเอกซึ่งมีเกียรติมากกว่าเหลิ่งชิงหลาง แต่ก็ทำให้เขารู้สึกสบายใจมากกว่า

เขาขยิบตาขอความช่วยเหลือจากเหลิ่งชิงฮวน

เรื่องนี้นางเองคงช่วยไม่ได้จริงๆ

จือชิวออกไปพร้อมกับซุปไก่ที่เหลือ เหลิ่งชิงฮวนมองเขาอย่างซ้ำเติมเล็กน้อย “ว่ากันว่าฟ้าหลังฝนอาจมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้น เป็นดั่งว่าจริงๆ ทหารยามทุกคนในจวนเสนาบดีต่างพากันอิจฉาแม่ทัพอวี๋กันหมดแล้ว”

แม่ทัพอวี๋ดูหงุดหงิด “พระชายาเอก ท่านอย่าล้อข้าเล่นเลย แค่ข้านอนราวกับเป็นศพอยู่ทุกวี่วันขยับไม่ได้เช่นนี้ มันก็น่าสมเพชพออยู่แล้ว”

“งั้นหรือ” เหลิ่งชิงฮวนชำเลืองมองพิณบนโต๊ะข้างเตียงและเลิกคิ้วขึ้นอย่างมีความหมาย “สาวงามดีดพิณอย่างเพลิดเพลินอยู่ข้างกายเช่นนี้ ช่างน่าสนใจนัก”

แม่ทัพอวี๋ต้องการกระทืบเท้า ทว่าทำได้เพียงทุบเตียงเบาๆ “เพลิดเพลินอะไรกัน ตอนนี้ตัวข้าราวกับมีเห็บหมัดเกาะไปทั้งตัว ไร้ซึ่งอิสระ พระชายาเอกโปรดกราบทูลท่านอ๋องเถิด อย่าทรมานข้าอีกเลย”

ตั้งแต่ครั้งแรกที่เหลิ่งชิงฮวนเห็นจือชิว นางก็สัมผัสได้ถึงความรูสึกบางอย่าง หากเหลิ่งชิงหลางอยากจะแสดงให้มู่หรงฉีดู บุคคลที่นางจะส่งมารับใช้ควรจะเป็นแม่จ้าวไม่ใช่จือชิว ทว่าจือชิวกลับเป็นคนมาที่นี่พร้อมกับพิณอีกด้วย น่าสนใจมาก

สันนิษฐานว่าความขัดแย้งภายในได้เริ่มขึ้นแล้ว นางควรจะเพิ่มฟืนลงไปอีกกำมือหนึ่งสินะ แต่หากลากแม่ทัพอวี๋ลงมาเล่นในเกมนี้โดยไม่ตั้งใจ มันคงไม่สมเหตุสมผลสักเท่าไร

หลังจากรู้จักกันมาระยะหนึ่ง นางรู้สึกว่าแม่ทัพอวี๋เป็นคนจิตใจบริสุทธิ์ หากมอบกะหล่ำปลีที่ดีเช่นนี้ให้จือชิว เขาจะต้องรับผิดชอบจือชิวอย่างแน่นอน

คนอย่างจือชิวควรไปทำร้ายมู่หรงฉีเสียมากกว่า

ด้วยความมีศีลธรรมเหลิ่งชิงฮวเตือนแม่ทัพอวี๋อย่างกรุณาว่า “ดูเหมือนว่าพระชายารองจะถูกใจท่านมาก นางคงมีแผนเรือล่มในหนองทองจะไปไหนเสียแล้ว ข้าขอแสดงความยินดีล่วงหน้า”

เมื่อแม่ทัพอวี๋ได้ยินเช่นนั้น เขาแทบจะร้องไห้ออกมา ตอนนี้เขาขยับตัวไม่ได้หากอีกฝ่ายเล่นแรง เขาจะต้านทานไหวได้อย่างไร

“พระชายาเอกได้โปรดประทานยาพิษแก่ข้าได้หรือไม่ หากท่านอ๋องรู้ทีหลัง ข้าเองจะขอร้องให้เขาส่งข้าไปตายด้วยมืออันสูงส่ง”

เหลิ่งชิงฮวนยิ้มแล้วหันกลับมาหยิบยาเม็ดหนึ่งจากกล่องอาหาร ยัดใส่มือแม่ทัพอวี๋ “พิษหญ้าไส้ขาด จะให้ผลดีกว่าเมื่อดื่มน้ำอุ่นตามลงไป”

แม่ทัพอวี๋มองเหลิ่งชิงฮวนด้วยดวงตากลมโต จากนั้นหันหน้าหนีด้วยความอัปยศอดสู “พระชายาเอก ท่านนี่ซื่อสัตย์จริงๆ”

เหลิ่งชิงฮวนยิ้ม “เหตุใดท่านถึงคิดสั้นเช่นนี้เล่า หากมันยากนักก็จงปล่อยไปตามธรรมชาติ คนที่มีสมองอยู่ที่เข็มขัดอย่างท่านมีคนเต็มใจอยู่ด้วยก็ถือว่าดีมากแล้ว”

แม่ทัพอวี๋คิดในใจ พระชายาเอกคนนี้ทำตัวไม่เหมือนพระชายาเอกเลยจริงๆ ไม่แปลกใจที่เท่านอ๋องไม่อยู่ในวังอันอบอุ่น แต่กลับไปนอนในค่ายทหาร ปุถุชนธรรมดาไม่อาจทนได้

จือชิวรับใช้แม่ทัพอวี๋เป็นเวลาสองวัน ทั้งถวายชาและน้ำ เช็ดหน้า ถือพัดด้วยความมีน้ำใจมาก ทว่าหัวใจของนางกลับกระวนกระวายอย่างมาก

เพราะมู่หรงฉีจะมาเยี่ยมแม่ทัพอวี๋เมื่อว่าง ดังนั้นเหลิ่งชิงหลางจะให้เวลาและโอกาสกับเธอมากเกินไปได้อย่างไร

เธอระมัดระวังวิธีการที่เหลิ่งชิงหลางและแม่จ้าวจะใช้อย่างระมัดระวัง และในขณะเดียวกันนางก็รอเวลาที่เหมาะสม

เวลาใกล้เที่ยง แม่จ้าวมาพร้อมกับกล่องอาหารและทำซุปไก่หนึ่งหม้อให้กับแม่ทัพอวี๋

“ฮูหยินบอกว่าช่วงนี้เจ้าทำงานหนักจึงแบ่งซุปไก่ให้เจ้าด้วยส่วนหนึ่ง”

ซุปไก่สีเหลืองทอง ตุ๋นเป็นเวลานานจึงมีความข้นเหนียว มีเก๋ากี้ผสมอยู่เล็กน้อยและผักชีสับละเอียดทำให้น่ารับประทาน

แม่จ้าวนำชามกระเบื้องสีขาวมาสองใบ และหลังจากนำออกมานางนั่งลงต่อหน้าแม่ทัพอวี๋ “ข้าจะป้อนท่านแม่ทัพอวี๋เอง เจ้ากินในตอนที่มันยังร้อนเถิด”

จือชิวถือซุปไก่และพูดอย่างสุภาพ “แม่จ้าวก็กินด้วยกันสิ”

แม่จ้าวโบกมือ “ข้ากินมาแล้ว”

แม่ทัพอวี๋สามารถนั่งกินเองได้แล้วจึงรีบรับชามจากมือของแม่จ้าว “ข้าจะกินเอง กินเอง”

แม่จ้าวยิ้มอย่างใจดี “แม่ทัพอวี๋ไม่จำเป็นต้องเกรงใจพวกเราหรอกเจ้าค่ะ ฮูหยินของบ่าวบอกซ้ำแล้วซ้ำอีกว่าท่านทำงานหนัก พวกเราต้องดูแลคุณอย่างดี”

หลังจากที่แม่ทัพอวี๋สามารถลุกขึ้นนั่งได้ด้วยตัวเองแล้ว เหลิ่งชิงฮวนก็สั่งให้คนจัดโต๊ะอาหารสำหรับคนป่วยให้ แม่จ้าววางซุปไว้ตรงหน้าเขา จากนั้นเขาจึงหยิบช้อนขึ้นมากินซุปทีละน้อย

แม่จ้าวหันหน้าหนี เมื่อจือชิวกินซุปจนหมอชาม นางก็เช็ดปากพร้อมกับพูดเบาๆ ว่า “รสชาติจืดไปเสียหน่อย”

“พระชายาเอกเคยกำชับไว้ว่าต้องใส่เกลือน้อยๆ ไม่ใช่หรือ รสชาติจืดไป?”

แม่จ้าวและจือชิวพูดคุยกัน แต่หลังจากนั้นไม่นานพวกนางก็เงียบลง

แม่ทัพอวี๋กินซุปสองหรือสามคำ จากนั้นแม่จ้าวจึงเก็บชามทั้งหมดใส่ไว้ในกล่องอาหารและถือออกไป

ทหารยามในสนามแอบดูประตูอย่างเงียบๆ แม่ทัพอวี๋นอนลงอีกครั้งหลังจากกินซุปไก่ เห็นได้ชัดว่าร่างกายของเขายังอ่อนแอ เพียงหลับตาไปไม่นานเสียงกรนก็ดังขึ้น

จือชิวตัวโอนเอนไปมาก่อนจะฟุบหลับไปที่ข้างเตียง

ทหารยามย่องเข้ามาก่อนจะสะกิดตัวจือชิว แต่จือชิวไม่ตอบสนอง เขาก้มลงอุ้มร่างหยิบจือชิวขึ้นมา แล้ววางไว้ข้างๆ แม่ทัพอวี๋อย่างเบามือ กางผ้าห่มคลุมตัวจือชิวแล้วถอยออกไปอย่างเงียบๆ และปิดประตูข้างนอก

ก่อนงีบหลับในตอนเที่ยง มู่หรงฉีจะเข้ามาเยี่ยมแม่ทัพอวี๋เป็นประจำ เขาเข้าไปในสนามและทหารยามก็ทักทายเขาด้วยความเคารพ เขาตอบเบาๆ “แม่ทัพอวี๋พักผ่อนแล้วหรือ”

“น่าจะยังไม่หลับขอรับ เขาเพิ่งทานมื้อเที่ยง แม่นางจือชิวยังคงเฝ้าอยู่ข้างใน”

มู่หรงฉีขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาส่งหมอหญิงที่มีประสบการณ์และทหารยามไปรับใช้ตามความเหมาะสม ทว่าเหลิ่งชิงหลางยืนกรานที่จะส่งหญิงสาวรับใช้เคียงข้างและส่งหมอหญิงออกไป พูดในทางไม่ดีก็เรียกว่าฟุ่มเฟือย

หรือบางทีนางอาจจะเป็นห่วงแม่ทัพอวี๋และอยากจะแบ่งปันความกังวลของเขา ดังนั้นแม้ว่าแม่ทัพอวี๋จะมองเขาด้วยสายตาอ้อนวอนครั้งแล้วครั้งเล่า เขาก็ไม่ได้คัดค้าน

ทหารยามยืนอยู่ที่เดิมโดยไม่ขยับ เขาเดินตรงไปข้างหน้าผลักประตูอย่างเหม่อลอยและก้าวเข้าไปด้านใน

เสียงอุทานดังขึ้น เขาเงยหน้าขึ้นมองเห็นจือชิวในสภาพเสื้อผ้าหลุดลุ่ยยืนอยู่ตรงหน้า พลางถือผ้าเช็ดหน้าเปียกมองมาที่เขาราวกับหวาดกลัว โดยลืมไปเสียสนิทว่าตอนนี้ไม่มีที่กำบังใด ๆ ทำให้ทุกอย่างถูกเปิดเผยต่อหน้ามู่หรงฉี

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา