ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 722

เสนาบดีเหลิ่งมองเหลิ่งชิงเหยาอย่างสงสัย “นี่คือคำพูดจากใจจริงของเจ้า? หรือว่ามีอะไรลำบากใจไม่กล้าบอกพ่อ?”

เหลิ่งชิงเหยาเหมือนวัวสันหลังหวะ นางรู้สึกได้ว่าคำพูดของเสนาบดีเหลิ่งแฝงความหมายบางอย่าง นางลองหยั่งเชิง “หรือว่าท่านพี่บอกอะไรท่านพ่อเจ้าคะ?”

เสนาบดีเหลิ่งเองก็ไม่ปิดบัง เขาเอ่ยตามตรง “เจ้าตั้งครรภ์จริงหรือปลอม?”

เหลิ่งชิงเหยาหัวเราะตาปริบๆ “ท่านพ่อพูดอะไรเจ้าคะ ครรภ์จะมีจริงหรือปลอมได้ด้วยหรือ?”

เสนาบดีเหลิ่งตบโต๊ะอย่างโมโห “เจ้ายังไม่ยอมพูดความจริงกับพ่ออีกหรือ? พี่ใหญ่ของเจ้าบอกทุกอย่างกับพ่อแล้ว”

“พี่ใหญ่พูดอะไร? บอกว่าครรภ์ของข้าเป็นของปลอมงั้นหรือ?”

“ที่นี่มีเพียงเจ้าและพ่อสองคน หากเจ้ามีเรื่องลำบากใจอะไรก็บอกให้พ่อรู้ พ่อย่อมช่วยเจ้าแน่นอน”

เหลิ่งชิงเหยาวางแผนไว้ล่วงหน้าแล้วจึงได้แต่กัดฟันปฏิเสธ “ลูกตั้งครรภ์จริงนะเจ้าคะ หมอในจวนก็จับชีพจรลูกแล้ว ซ้ำตอนนี้ท้องยังนูนออกมาอีก พี่ใหญ่ไม่เคยจับชีพจรลูก แล้วนางจะตัดสินว่าลูกตั้งครรภ์ปลอมได้อย่างไรเจ้าคะ?”

ลูกสาวทั้งสองคนพูดคนละแบบ เสนาบดีเหลิ่งก็แยกไม่ออกว่าใครพูดจริงพูดเท็จ

เขามองเหลิ่งชิงเหยาอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง “จริงหรือ?”

“ลูกไม่กล้าทำอะไรเสี่ยงๆ หรอกเจ้าค่ะ”

“เช่นนั้นที่เจ้าไปทำอะไรกับจางหมิงซั่วของอวิ๋นเช่อ?”

ชิงเหยาระบายยิ้ม “ที่แท้พี่ใหญ่ก็เข้าใจผิด นี่มันเป็นเรื่องน่าอายลูกจึงไม่อยากให้ท่านพ่อรู้ แต่ในเมื่อพูดขึ้นมาแล้วลูกก็จะบอกความจริงให้ฟังเจ้าค่ะ”

“ลูกไม่รู้ว่ากลิ่นชะมดเป็นยาสลายเลือดคั่ง สตรีมีครรภ์ไม่ควรสัมผัส ลูกเพียงแค่รู้สึกว่ามันหอมจึงเอามาใส่ไว้ในหมอน แต่กลับกระทบกระเทือนครรภ์”

“ท่านอ๋องและพระชายามาเยี่ยมลูกด้วยตัวเอง เมื่อเจอถุงกลิ่นชะมดในหมอนของลูกก็โมโห”

“ตอนนั้นลูกกลัวท่านอ๋องจะโกรธจึงไม่กล้าบอกว่าลูกเป็นคนเอามาใส่ไว้เอง”

“แต่ใครจะรู้ว่าพระชายาเฮ่ากลับกังวลจึงซักถามจนพบว่าลูกเป็นคนเอามาวางไว้เอง”

“นางเองก็ให้ความสำคัญกับเด็กคนนี้ จึงคิดว่าลูกไม่ต้องการเด็ก ก็เลยโมโห สั่งให้ลูกบำรุงครรภ์ให้ดี ห้ามออกไปเพ่นพ่านที่ไหน”

“ตอนนั้นลูกกลัวจะถูกนางจะไปบอกท่านอ๋องจึงไปขอให้พี่ใหญ่ช่วย ผ้าผืนนั้นเล็กเกินไปจึงเขียนเล่าได้ไม่หมด ไม่คิดว่าพี่ใหญ่จะเข้าใจผิด”

คำพูดของเหลิ่งชิงเหยาครึ่งจริงครึ่งเท็จ ซ้ำยังคิดมาล่วงหน้า เสนาบดีเหลิ่งฟังไม่รู้ว่าเป็นเรื่องเท็จจึงคิดว่ามีเหตุผล ก่อนจะเอ่ยถามอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง “ดังนั้นเจ้าก็เลยถูกส่งไปที่บ้านนอก?”

เหลิ่งชิงเหยาส่ายหน้า “ลูกไปอธิบายให้พระชายาฟังแล้วเจ้าค่ะ นางตกลงจะเก็บเป็นความลับให้ แต่บ้านนอกก็สงบดี สภาพแวดล้อมสดชื่น พืชผักสดสะอาด ลูกเต็มใจอยู่เพื่อบำรุงครรภ์”

เสนาบดีเหลิ่งสังเกตสีหน้าเมื่อเห็นว่าเหลิ่งชิงเหยาไม่มีท่าทีฝืน สีหน้าปกติ ก็เก็บความสงสัยไว้ในใจ

แต่เหลิ่งชิงเหยาก็ไม่ใช่คนที่จะหาเรื่องใส่หัว หรือว่าจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดจริงๆ?

เหลิ่งชิงเหยาเองก็แอบมองสีหน้าของเสนาบดีเหลิ่ง

“หากท่านพ่อไม่เชื่อ เรียกหมอมาจับชีพจรลูกดูก็จะรู้ว่าจริงหรือเท็จเจ้าค่ะ”

เรื่องนี้สำคัญมากไม่อาจล้อเล่นได้ ต้องสอบถามให้ชัดเจน

เสนาบดีเหลิ่งคิดอยู่สักพัก หากเรียกเหลิ่งชิงฮวนมาให้ทั้งสองเจอหน้ากันก็จะเป็นการทำลายความสัมพันธ์พี่น้อง แต่หากให้คนอื่นรู้ว่าเหลิ่งชิงเหยาตั้งครรภ์ปลอมก็กลัวเรื่องจะแพร่ออกไป

เขาพยักหน้าก่อนจะสั่งให้เหลิ่งชิงเหยานอนอยู่บนเตียงของเซวียอี๋เหนียง ปิดม่านลงมา ปิดข้อมือด้วยผ้าแล้วเรียกหมอในจวนเข้ามา

เขาย่อมไม่รู้ว่าคนที่นอนอยู่ในมุ้งคือใคร ก็ให้หมอจับชีพจรได้

หมอวางกล่องยาลงก่อนจะเข้าไปใกล้ผ้า แล้ววางมือลงบนชีพจรแค่นั้นก็รู้ได้

“ไม่ทราบว่าพระชายารองมีตรงไหนไม่สบายหรือขอรับ?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา