ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 75

สรุปบท ตอนที่ 75 ข้าปฏิเสธไปก็จะเป็นการเสียมารยาท: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา

สรุปตอน ตอนที่ 75 ข้าปฏิเสธไปก็จะเป็นการเสียมารยาท – จากเรื่อง ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา โดย เฉลิมพล

ตอน ตอนที่ 75 ข้าปฏิเสธไปก็จะเป็นการเสียมารยาท ของนิยายนิยาย โรแมนติคเรื่องดัง ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา โดยนักเขียน เฉลิมพล เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

มู่หรงฉีนั้นรู้สึกซาบซึ้งจริงๆ เขาถลึงตาใส่เหลิ่งชิงฮวนอย่างราวกับว่าจะมีไฟแผดเผาออกมา เพียงเขาเปิดปากพูดน้ำเสียงของเขากลับยังคงเย็นเยียบถึงกระดูก ราวกับลมเหนือที่พัดผ่านมาในฤดูหนาว

“ข้างกายข้าไม่เคยขาดผู้หญิง ไม่ใช่ว่ารูปร่างหน้าตาแบบไหนก็ได้แล้วข้าจะรับไว้ทั้งหมด เหลิ่งชิงฮวน เจ้าว่างมากนักหรือ”

เหลิ่งชิงหลางพูดต่อว่า “พี่หญิงก็แค่ว่างมากเกินไปน่ะเพคะ ถ้าเจ้าอยากจะแสดงความมีคุณธรรมของเจ้าที่นี้ละก็ ข้าขอเตือนเจ้านะว่าให้ลืมมันไปเสีย ท่านออกนั้นเป็นคนที่คบใครครั้งละนานๆ ไม่ได้เป็นพวกเจ้าชู้ ทั่วทั้งเมืองหลวงมีใครบ้างที่ไม่รู้เรื่องนี้ เจ้าจัดการแบบนี้สุนัขและแมวทั้งหลายในเมืองคงสามารถมาปรนนิบัติท่านอ๋องได้ และจะทำให้ชื่อเสียงของท่านออกนั้นต้องเสื่อมเสียและเป็นที่หัวเราะเยาะ”

เหลิ่งชิงฮวนลูบปลายจมูกของตัวเอง ต่อให้นายสมัยโบราณนั้นจะมีความสองมาตรฐาน ที่อนุญาตให้มีเพียงในวังเท่านั้นที่สามารถจุไฟได้ และไม่อนุญาตให้เหล่าประชาชนทั่วไปนั้นจุด ไม่รับผิดชอบจนสามารถพูดเรื่องแบบนี้ออกมาได้อย่างน่าดูและอย่างเชื่อถือในความถูกต้องของตัวเอง

เธอมองไปที่เหลิ่งชิงหลางด้วยสายตาพิจารณาอย่างลึกซึ้ง เธอหัวเราะอกอมาพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้น “ข้าคิดว่าจือชิวเด็กคนนี้เมื่อเทียบกับน้องหญิงแล้ว ก็ไม่ได้ด้อยกว่ากันสักเท่าไหร่ เมื่อสักครู่ที่บอกว่าท่านออกนั้นเป็นพวกคบใครแล้วคบนาน อ้อ ตัวข้าที่เป็นพระชายานั้นไม่รู้เรื่องนี้เลยจริงๆ”

เพียงหนึ่งประโยคก็ทำให้เห็นความแตกต่างของทั้งสองคน อย่างไรเสียก็เป็นภรรยาที่แต่งเข้ามาพร้อมกัน และเรื่องนี้เกิดขึ้นในราชวงศ์ฉางอันไม่มากนัก

จือชิวที่ยืนอยู่ด้านข้างกำลังก้มหน้าลงและกำลังฟังเหลิงชิงฮวนกับเหลิ่งชิงหลางพูดกันอย่างไม่ยอมกัน เธอก็รู้สึกไม่สบายใจนัก

ตัวเธอนั้นพูดได้ว่าจงรักภักดีกับเหลิ่งชิงหลาง ทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างเพื่อคิดแผนการให้เหลิ่งชิงหลาง ถึงแต่ใครจะรู้กันเล่าว่าในวันหนึ่งเหลิ่งชิงหลางจะผลักไสเธอให้ไปเป็นอนุของท่านรองแม่ทัพสูงสุดที่ครึ่งเป็นครึ่งตาย อย่างไรเสียเรื่องงานแต่งนั้นก็นับว่าเป็นพระคุณ

แต่ในเวลานี้เรื่องราวกลับตาลปัตร เหลิ่งชิงหลางนั้นกัดไม่ยอมปล่อย เธอไม่ได้สนใจชื่อเสียงของเธอเลย แต่เหลิ่งชิงฮวนที่เธอได้ทำร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่ากลับเป็นคนที่ต่อสู้เพื่อเธอ

ไม่ว่าเธอจะมีจุดประสงค์อะไร แต่วันนี้เธอก็มีความเป็นธรรมมากกว่าเหลิ่งชิงหลางมากนัก

จือชิวเงยนหน้าขึ้น และโขกศีรษะคำนับเธออย่างแรง “พระชายาเพคะ คุณหนู พวกท่านอย่าได้ทะเลาะกันเพราะบ่าวเลยเจ้าค่ะ ทั้งหมดเป็นความผิดของบ่าวเอง บ่าวไม่ควรไปเชื่อใครง่ายๆ ตอนนี้ชื่อเสียงก็ได้ด่างพร้อยไปแล้ว ตลอดทั้งชีวิตนี้บ่าวก็คงไม่สามารถแต่งออกไปได้และยังต้องถูกผู้คนวิพากษ์วิจารณ์ ไม่สู้ตายไปเสียถึงจะมีความสุขกว่า”

เธอลุกยืนขึ้นดัง “กึก” และพุ่งเข้าชนกำแพงที่อยู่ด้านข้างอย่างเด็ดเดี่ยว

ผู้คนต่างร้องกันอย่างตกใจ ยังคงเป็นมู่หรงฉีที่มือไวคว้าแขนเสื้อของเธอเอาไว้ได้ ร่างของจือชิวจึงเซไป ทำให้แรงพุ่งชนในตอนแรกนั้นลดลง ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เ หัวของเธอโคเข้ากับกำแพงจนมีเสียงออกมาดัง “ปัก” หัวของเธอมีเลือดไหลออกมา

จือชิวล้มลงไปกองกับพื้นแต่ก็เพียงเพราะตาลาย เธอมึนงงไปอยู่ครู่ใหญ่

เหลิ่งชิงฮวนจึงถอนหายใจออกมาเบาๆ “เป็นผู้หญิงนี่ช่างน่าสงสาร คนที่ผิดไม่ใช่ตัวเอง แต่พอถึงเวลาแล้วก็ต้องเป็นตัวเองที่ต้องรับผิดชอบ ชายก็เอาแต่กระดิกก้นไปมาและปิดปากเงียบก็จบแล้ว”

มู่หรงฉีได้ตกหลุมพรางของเหลิ่งชิงฮวนแล้ส ในใจของเขาก็ได้แต่กลั้นความโกรธเอาไว้ ยิ่งฟังเหลิ่งชิงฮวนเยาเย้ยด้วยความพิกลความโกรธก็พุ่งขึ้นไปในหัวทันที ดวงตาของเขาก็ทอประกายของอาฆาตวาบขึ้นมา

“เจ้าอยากจะให้ข้ารับสนมเพิ่มหรือ”

“ไม่ว่าจะยากหรือไม่ยากก็ต้องยอมรับความเป็นจริงข้อนี้เพคะ หรือว่าหากมองฉันไม่ให้ท่านครับสนมเพิ่มแล้วท่านก็จะไม่รับเพิ่มกันเพคะ” เหลิ่งชิงฮวนแกล้งทำหน้าเศร้า

“การเป็นพระชายานั้นยากมากกเพคะ มักมีเรื่องที่ไม่สบายใจอยู่ตลอดเวลา ครั้งก่อนที่จวนมหาเสนาบดีที่ชิงหลางได้ตกน้ำลงไปและถูกท่านอ๋องลงไปช่วยจนทำให้เสื้อผ้าของนางไม่เรียบร้อย ก็เห็นๆ อยู่นี่เพลงค่ะว่าท่านอ๋อง เข้าไปสู่ขอนางกับท่านพ่อของหม่อมฉันอย่างไม่ลังเลเลยสักนิดและยังอยากที่จะหย่ากับหม่อมฉันไม่ใช่หรือเพคะ?”

ฉันไม่รับปากล่ะนะมาว่าฉันขี้อิจฉา วันนี้ บ่าวรับใช้ของน้องสาวก็ทำซ้ำในเรื่องเดิม ในเมื่ออยู่ในกำมือของท่านอ๋อง หม่อมฉันก็ทำได้เพียงแต่ซึมซับบทเรียนในอดีต และอดทนกับความเจ็บปวดในหัวใจนั้นเพื่อเอาไว้ใช้ต่อกรกับท่าน

มู่หรงฉีเพียงแต่ถามไปหนึ่งประโยค เหลิ่งชิงฮวนกลับร้องไห้ฟูมฟายอยู่นาน อีกทั้งสิ่งที่เธอพูดคนนั้นมันค่อนข้างมากเกินไป

คนในจวนออกนั้นรู้เพียงแค่ว่าท่านอ๋องไปที่จวนมหาเสนาบดีอยู่ครั้งหนึ่ง ก็ตัดสินใจที่จะสูงคคุณหนูรองของจวนมหาเสนาบอดีเข้ามาเป็นพระชายา แต่คิดไม่ถึงว่ายังมีเรื่องราวแบบนี้อีก อีกทั้งนายบ่าวสองคนนี้นั้นได้พบกับเหตุการณ์แบบเดียวกันทำให้ผู้คนต่างรู้สึก...ขบขันอย่างช่วยไม่ได้

เหลิ่งชิงหลางใช้แขนเสื้อของนางปิดบังใบหน้าของตัวเอง และโต้กลับอย่างมีโทสะว่า “ก็เห็นอยู่ว่าเจ้าเป็นคนผลักข้าลงน้ำ เจ้ามาพูดแบบนี้หมายความว่าเช่นไรกัน”

เหลิ่งชิงหลางยันกายขึ้นและหยุดร้องไห้ เธอค่อยๆ หันไปย่อกายให้กับมู่หรงฉี “หม่อมฉันผิดไปแล้วเพคะ”

มู่หรงฉีถลึงตาใส่เหลิ่งชิงฮวนทีหนึ่ง จากนั้นเขาก็สะบัดแขนเสื้อแล้วเดินจากไป

เมื่อเราให้ทุกคนแยกย้ายกันออกไป เหลิ่งชิงหลางจึงขบกรามแน่นและเดินไปตรงหน้าของจือชิว เธอยกแขนขึ้นแล้วตบลงบนใบหน้าของจือชิวดัง “เพี๊ยะ” จากนั้นพูดขึ้นมาว่า “ต่ำช้า!”

จือชิวกุมใบหน้าของเธอไว้ข้าวหนึ่ง วันเลยและก้มหน้า “อย่าโทษบ่าวเลยเจ้าค่ะ บ่าวเองก็ถูกผู้อื่นเล่นงานเช่นกันเจ้าค่ะ”

เหลิ่งชิงหลางยิ้มเย็น เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้เธอเป็นคนจัดการขึ้นมาเอง ย่อมต้องรู้ดีอยู่แก่ใจ

เห็นได้ชัดว่าในตอนที่จือชิวนั้นหมดสติไป เธอก็ได้ลอบส่งคนเข้าไปสร้างสถานการณ์ ทำไมเพียงแค่พริบตาเดียวเมื่อมู่หรงฉีมาถึง จือชิวคนนี้ถึงได้ตื่นขึ้นกันนะ หรือว่าจะใส่ยาไปไม่มากพอ? งั้นที่เธอถูกมู่หรงฉีมาเห็นเข้าพอดีนี่เป็นเรื่องบังเอิญหรือตั้งใจกันแน่?

ไม่ว่าเธอจะคิดอย่างไร เธอก็คิดไม่ถึงว่ากลับถูกหญิงสาวคนนี้นั้นยืมมือเธอมาเล่นงานกลับ และสาดโคลนใส่เธอ

“ต่อให้เจ้าจะได้สิ่งที่ต้องการแล้วอย่างไร ข้าขอเตือนเจ้าหลังจากนี้ทางที่ดีก็อยู่ในที่ของตัวเอง ไม่อย่างนั้นต่อให้ท่านอ๋องรับเจ้าเอาไว้ชีวิตของเจ้าก็อยู่ในกำมือของข้าอยู่ดี”

ใบหน้าของจือชิวราบเรียบมองไม่ออกว่าเธอรู้สึกอย่างไร ใบหน้าของเธอราบเรียบและดูโง่งมไปนิดๆ “คุณหนูพูดถูกแล้วค่ะ จือชิวยังเป็นสาวรับใช้ของท่านเหมือนเดิมเจ้าค่ะ”

เหลิ่งชิงหลางเหลือบมองเหลิ่งชิงฮวนแวบหนึ่ง เธอทำเพียงแค่ขบกรามแน่น “ยังไม่รีบไสหัวออกไปอีก ยืนบื้ออยู่ทำไมกัน น่าขายหน้า”

เธอจึงพาแม่จ้าวกับจือชิวออกไป แล้วเดินกลับไปยังเรือนจื่อเถิงไปอย่างกระฟัดกระเฟียด

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา