ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 76

สุดท้ายก็ถูกลากเข้ามาร่วมดูอะไรสนุกๆ

เหลิ่งชิงฮวนบิดขี้เกียจอย่างพึงพอใจแล้วเหลือบมองไปยังในห้อง ท่านรองแม่ทัพสูงสุดกำลังยื่นคอออกมามองด้านนอกอย่างสงสัย

เธอเดินเข้าไปในห้องแล้วถามอย่างตรงไปตรงมาว่า “เมื่อครู่เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่เจ้าคะ”

รองแม่ทัพสูงสุดหดคอกลับ “ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ข้าสลบไปพอลืมตาขึ้นมาพวกเจ้าก็วุ่นวายกันอยู่ที่นี่แล้ว”

เหลิ่งชิงฮวนหัวเราะ “คิก” ออกมา “ไม่บอกความจริง? ถ้าไม่อย่างนั้นข้าจะปักเข็มไปก้นของท่านนะเจ้าคะ?”

รองแม่ทัพสูงสุดอะไรเขาก็ไม่กลัว กลัวเพียงแค่การใช้เข็มจิ้มลงไปบนก้น เจ็บน่ะก็ไม่เท่าไร ช่างน่าอับอายเสียเหลือเกิน เมื่อได้ยินเหลิ่งชิงฮวนพูดออกมาแบบนี้เขาก็ยอมแพ้ในทันที

“ข้าพูดได้หรือ ยานั่นแม่จ้าวเป็นคนวางยาก็จริง แต่เหมือนกับว่าจือชิวนั้นได้เตรียมการมาก่อนแล้วนางจึงอาศัยจังหวะตอนที่แม่จ้าวคอยดูแลข้ากินข้าวแอบเทซุปไก่นั่นทิ้ง และเหลือเอาไว้นิดหน่อย”

“ท่านเห็น?”

“ไม่ใช่หรอก ตั้งแต่ที่วันนั้นเจ้าพูดประโยคนั้นกับข้า ข้าก็รู้สึกใจหายและไม่กล้าที่จะนอนหลับ พอมีคนของพระชายารองเข้ามาในห้อง สติของข้าก็ล่องลอยไป

“ท่านเองก็ไม่ได้กินซุปไก่นั่นหรือเจ้าคะ”

“แม่จ้าวเอาแต่คอยจ้องข้า ข้าจะไม่กินได้อย่างไร? ไม่ใช่ว่าเจ้าเก็บพิษหญ้าไว้ขาดให้ข้าหรือ ข้าถึงได้แอบกินและคิดจะตาย”

ในวันนั้นเดิมทีเป็นแค่คำพูดนึกสนุก แต่เหลิ่งชิงฮวนนั้นรู้ดีว่าในเมื่อเหลิ่งชิงหลางวางแผนไว้แบบนี้แล้วก็ต้องลงมืออย่างไม่เลือกวิธี ถ้าหากท่านรองแม่ทัพสูงสุดไม่ยินยอมก็เกรงว่าไหนเลยจะต้องสร้างโอกาสขึ้นมาเอง และจับจือชิวยัดเข้าสู่อ้อมอกของท่านรองแม่ทัพสูงสุด อีกทั้งท่านรองแม่ทัพสูงสุดยังเป็นคนที่เธอไม่กล้าด้วย เบื้องหลังเธอจึงทำได้เพียงลงมือลับหลังนิดหน่อย

เหมือนกับเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ ถ้าหากจือชิวไม่ระวังตัวและวางหมากกันเอาไว้หนึ่งก้าว เมื่อแม่จ้าวจากไปและเก็บชามและตะเกียบไปจนหมด นั่นก็เพื่อให้ไม่ให้มีหลักฐานสาวถึงตัว และไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเหลิ่งชิงหลางเลยแม้แต่นิด

ในเมื่อรองแม่ทัพสูงสุดไม่มีอะไรสงสัยจริงๆ ละก็เขาควรจะโกรธแค้นจือชิวที่เธอไร้ยางอาย

ดังนั้นที่คุยเล่นกันอยู่ค่อนวันครั้งนั้น เหลิ่งชิงฮวนจึงได้มอบนยาที่กินแล้วสบายใจให้กับเขา กันไว้ดีกว่าแก้ คิดไม่ถึงว่าเธอจะส่งคนมาลงสนามจริงๆ

“หลังจากนั้นล่ะเจ้าคะ? ท่านอ๋องก็เข้ามา?”

“ย่อมต้องไม่ง่ายแบบนั้น” รองแม่ทัพสูงสุดยื่นศีรษะออกไปมองนอกห้องก่อนจะแบะปากออกมา “หลังจากนั้นเจ้าหนุ่มนั่นก็แอบย่องเข้ามาแล้วอุ้มจือชิวมาวางไว้บนเตียงของข้าแล้วถึงได้ทำทีเป็นเดินออกไป พอเขาไปจือชิวก็ลุกขึ้นทันทีแล้วลงจากเตียงไป ข้าเองก็แกล้งหลับจนไม่กระดุกกระดิกตัวและไม่กล้าส่งเสียงออกมา”

เหลิ่งชิงฮวนหรี่ตาลง “เห็นได้ว่าจือชิวคนนี้ไม่ธรรมดา คิดไม่ถึงเลยว่ามู่หรงฉีจะวางกับดักนางแบบนี้ มู่หรงฉีเสียเปรียบอย่างที่พูดอะไรไม่ได้ มิน่าเล่าเมื่อครู่สีหน้าของเขาถึงได้ไม่น่าดูแบบนั้น เมื่อครู่นี้ทำไมท่านถึงไม่เปิดเผยละครฉากนี้ของจือชิวกันเจ้าคะ?”

“”ล้อเล่นอะไรกัน ถ้าหากว่าข้าไม่ได้หมดสติไปคนอื่จะไม่เข้าใจผิดเหรอว่าข้าได้เห็นเรือนร่างของจือชิวไปหมดแล้ว? แล้วพระชายารองมาโยนความผิดให้ข้าขึ้นมาจะทำอย่างไรล่ะ”

เหลิ่งชิงฮวนหัวเราะเบาๆ ในลำคอ “นึกว่าท่านจะไม่กลัวมู่หรงฉีเสียอีก คิดไม่ถึงเลยนะเจ้าคะ นั่นยังไม่ถึงเวลาที่แท้จริงเจ้าค่ะ”

“ให้รับดาบนั้นแทนนั้นทำได้ แต่วาสนาเรื่องความรักจะมาแย่งไปไม่ได้ ถ้าหากว่าวันนี้ข้าตกหลุมพราง ท่านอ๋องเปิดประตูเข้ามาแล้วเห็นพวกข้ากำลังนอนกอดกันอยู่บนเตียง หน้าตาในสังคมของตาแก่อย่างข้าคงไม่ต้องการแล้ว? วันนี้ข้าถึงเพิ่งจะพบว่าผู้หญิงนั้นช่างวุ่นวาย ผู้หญิงเยอะก็ยิ่งวุ่นวายไปอีก ชีวิตนี้ต่อให้ข้าได้ดิบได้ดีขนาดไหนก็ไม่มีทางที่จะมีภรรยามากเด็ดขาด”

เด็กน้อยผู้น่าสงสาร

เหลิ่งชิงฮวนจึงทำได้เพียงแค่พูดปลอบเสียงอ่อนโยน “ที่จริงแล้วนะเจ้าคะ สิ่งที่เห็นได้มากบนโลกใบนี้คือไม่เพียงแต่ท่านอ๋องของท่านที่ตาบอดและยินดีที่จะกินผักที่เน่าเสียในชามของตัวเอง เรื่องน่าปวดหัวพวกนี้ก็สมน้ำหน้าเขาแล้วเจ้าค่ะ”

ในที่สุดรองแม่ทัพสูงสุดก็ทนไม่ไหว บางคำพูดหากไม่พ่นออกมาก็จะไม่มีความสุข “ในเมื่อพระชายาในท่านอ๋องรับจือชิวไว้แล้ว ท่านไม่กลัวว่าจะเพิ่มเรื่องให้กับตัวเองหรือ”

เหลิ่งชิงฮวนถอนหายใจออกมาหนัก “ข้าเองก็ไม่อยาก ใครให้ท่านอ๋องของท่านเป็นพวกมักมากหลายใจกันเล่า เห็นใครก็ชอบคนนั้น?”

“ท่านอ๋องของพวกข้ามักมากหลายใจ? ” ท่านรองแม่ทัพสูงสุดหัวเราะออกมาเสียงดัง จนแผลปริจนหายใจออกมาแล้วเจ็บปวดอยู่ภายใน เขาร้อง “โอดโอย” ออกมา

“เขาติดตามท่านอ๋องมาตลอดไม่เคยห่างมาตั้งแต่ท่านอ๋องยังเล็กจนโต ท่านอ๋องดูแลตัวเองมาอย่างดี แม้แต่ยุงตัวเมียสักตัวก็ไม่ยอมให้เข้าใกล้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงผู้หญิง เกรงว่าตอนนี้ท่านจะยังไม่ประสาอยู่ ตอนแรกพระสนมฮุ่ยเฟยได้ประทานสาวใช้ข้างห้องที่สวยมากสองคนมาให้กับท่านอ๋อง แต่ก็ล้วนถูกท่านอ๋อง ส่งไปเลี้ยงม้าที่คอกม้าอยู่สองปี

หลายปีมานี้ทุกครั้งที่ได้รับชัยชนะกลับมาเมืองหลวง สาวน้อยสาวใหญ่ในเมืองหลวงต่างรายล้อมอยู่ที่ข้างทางเพื่อดูเขาขี่ม้าไปบนถนนสายยาว มีคนจำนวนไม่น้อยที่แทบบ้าคลั่งและยังมีขุนนางจำนวน ไม่น้อยที่แทบจะอยากส่งลูกสาวตัวเองแต่งเข้ามาในจวนฉีอ๋อง ออกมาพบกับการเผชิญหน้าทุกรูปแบบ และทุกวิถีทาง ท่านอ๋องเองก็ไม่เคยชายตามองใครมาก่อน?”

เหลิ่งชิงฮวนรู้สึกว่าสิ่งที่ท่านรองแม่ทัพสูงสุดเบาะกับตนเกี่ยวกับมู่หรงฉีนั้นราวกับเป็นคนละคนกัน ครั้งแรกที่ได้พบกับเขา เขากำลังโอบกอดเหลิ่งชิงหลางเอาไว้ ดวงตาเล็กๆ ของเขาหรี่ลงราวกับจะเจาะเข้าไปในคอเสื้อของคนอื่น ดูแล้วราวกับเป็นชายบ้ากาม

บางคำพูดนั้นฟังก็พอแล้ว อย่าถือเป็นจริงเป็นจัง

แต่เรื่องที่เขาเป็นจุดสนใจของผู้คนนั้นเป็นเรื่องจริง ไม่น่าแปลกใจที่เขาจะหยิ่งผยองได้แบบนี้ และมักจะคิดว่าคนอื่นพยายามทำอะไรกับตน ช่างหน้าไม่อาย

เมื่อหยิบยกข้อดีของเหลิ่งชิงหลาง ทนพยายามวางกับดักกับทหารอย่างรองแม่ทัพสูงสุด รองแม่ทัพสูงสุดก็ไม่ได้เปิดโปงเธอ และไม่ให้เหลิ่งชิงฮวนสอดมือเข้ามาโดยง่าย เขาบอกว่าต้องรอให้อาการของตนเองดีขึ้นก่อน แล้วจึงจะไปลงมือจัดการอัดคน

เรื่องราวของจือชิวภายในจวนนั้นถูกแพร่ออกไป

เดิมทีเจ้านายในจวนออกนั้นมีจำนวนไม่มาก เรื่องจุกจิกเองก็มีน้อย แต่ตั้งแต่เหลิ่งชิงฮวนกับเหลิ่งชิงหลางเข้ามาในจวน ก็มีเรื่องสนุกเกิดขึ้นไม่หยุด เรื่องน่าอับอายของจือชิวนั้นยิ่งน่าตื่นเต้น ผู้คนต่างรอบคุยเรื่องนี้กันอย่างสนุกสนาน จนจนคนทั้งเมืองต่างรอคอยดูว่ามู่หรงฉีจะจัดการอย่างไรกับจือชิว

มู่หรงฉีข่มกลั้นความโกรธที่มี อย่างไม่รู้ว่าจะไประบายออกที่ไหน กำจัดจือชิวนั้นง่ายมาก เขาแค่ให้พ่อบ้านโยนเธอออกไปก็เรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้เธอยังมีประโยชน์ในการเชือดไก่ให้ลิงดู เหลิ่งชิงหลางนั้นเลือกสาวใช้ที่ดูฉลาดอีกสักสองคนก็พอแล้ว

เป็นไปจนมาถึงตอนนี้ เขาเองก็ไม่แน่ใจว่าตนนั้นติดกับดักของจือชิวหรือว่าติดกับดักของเหลิ่งชิงหลางกันแน่ สำหรับเรื่องนี้นั้นเขาไม่ได้เก็บเข้ามาใส่ใจนัก สิ่งที่เขาโกรธก็คือท่าทีที่เหลิ่งชิงฮวนมีต่อเขาในเรื่องนี้

ถูกผู้หญิงชั่วร้ายมองดูอย่างมีความสุขบนความทุกข์ของเขาก็ไม่สำคัญ แต่เหมือนกับมีน้ำมันมาราดลงบนกองไฟ เธอนั้นเอาอกเอาใจจือชิวมากเกินไปรึเปล่า เธอไม่สนใจเขาเลยสักนิด และยังเติมน้ำมันด้วยการส่งเสริมจือชิวอีก

เธอแค่กลัวว่าจะไม่เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นบนโลกนี้

เมื่อถึงเวลาช่วงครึ่งบ่ายเหลิ่งชิงหลางร้องไห้จนตาบวมแดงไปหมด และเข้ามาหาเขา ด้านหลังของเธอตามมาด้วยจือชิว เมื่อเข้าประตูมาพวกนางก็คุกเข่าลงและขอให้มู่หรงฉ๊ให้อภัย

“เดิมทีหม่อมฉันนั้นเพียงแค่หวังดี ถึงได้ส่งือชิวไปดูแลท่านรองแม่ทัพสูงสุด แต่ใครจะรู้กันล่ะเพคะว่าจะเกิดเรื่องน่าอับอายขึ้นอย่างกะทันหัน หม่อมฉันสั่งสอนคนของหม่อมฉันได้ไม่ดีพอ ซึ่งเป็นความรับผิดชอบที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ของหม่อมฉัน ท่านอ๋องโปรดอภัยด้วย”

มู่หรงฉีมองเธอแวบหนึ่ง โดยที่ยังไม่พูดอะไรออกมา

เหลิ่งชิงหลางเงยหน้าขึ้นอย่างประหม่า “เมื่อสักครู่นี้หม่อมฉันกลับไปยังเรือนจื่อเถิงแล้ว ก็ได้ไล่ถามบ่าวรับใช้ในเรือนถึงได้รู้ว่า หญิงรับใช้ในเรือนนั้นมีเรื่องไม่สบายใจ และนึกว่าซุปไก่นั่นตุ๋นเอามาให้หม่อมฉัน ดังนั้นพวกนางจึงทำตามความเคยชินโดยการใส่ยาที่ทำให้หลับสบายลงไปเพคะ

แม่จ้าวนั้นไม่รู้เรื่องนี้นางจึงเอาซุปไก่ถือไปให้จือชิว จึงทำให้เกิดเรื่องเข้าใจผิดในวันนี้ขึ้นมา ทั้งหมดเป็นความผิดของหม่อมฉันเองเพคะ จือชิวเองก็ได้รับความเสียหาย หากท่านอ๋องต้องการลงโทษละก็โปรดลงโทษหม่อมฉันเถอะเพคะ”

ดวงตาของมู่หรงฉีทอประกายวาบสำหรับคำพูดของเหลิ่งชิงหลางนั้นเห็นได้ชัดว่าไม่น่าเชื่อถือ ยาที่ทำให้นอนหลับสบายปกติแล้วไม่มีทางที่จะทำให้เกิดอาการอย่างที่จือชิวพูด ชิงหลางนั้นเห็นแก่ความสำคัญของนายและบ่าวดังนั้นจึงได้ออกหน้าแทนนางและโยนความรับผิดชอบทั้งหมดไปให้สาวใช้คนอื่น?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา