ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 754

เนื่องจากชิงเจียวอยู่ ชิงฮวนจึงไม่ได้นำสิ่งที่ตัวเองคาดเดาบอกกับมู่หรงฉี เธอจึงหยุดพูดไป

มู่หรงฉีทำหน้าสงสัย “น้องห้าอยู่ในกรอบมาโดยตลอด ปกติแล้วเขาจะเอาแต่หมกตัวอยู่ในจวนไม่ไปไหน และไม่เคยติดต่อกับพวกขุนนางในราชสำนักเลย พูดอีกอย่างคือเนื่องจากเขามีชาติกำเนิดที่ไม่ดีก็เลยไม่มีใครคิดจะเปลืองแรงไปประจบเขา

ถ้าบอกว่าเขาคิดอะไรไม่ดี ข้าเองก็ยากที่จะเชื่อ”

“เราจะดูคนจากภายนอกไม่ได้ ปริมาณของน้ำทะเลไม่อาจวัดได้ ไม่ว่าใครบนโลกนี้ก็ล้วนมีสองด้าน เรื่องนี้บอกได้ยาก”

ยกตัวอย่างเช่นพระชายาเฮ่า เวลานางอยู่กับคนอื่นนั้นอ่อนโยนแสนดีและบอบาง ไม่มีใครคิดถึงว่าวิธีการที่นางจะใช้รับมือกับเหลิ่งชิงเหยานั้นจะเป็นวิธีการที่ไม่ดีนัก แน่นอนว่าสิ่งที่นางทำทุกอย่างนั้นก็เพื่อปกป้องความรู้สึกของตัวเอง จะบอกว่าเป็นสิ่งที่ไม่ดีทั้งหมดก็ไม่ได้

คนสามคนต่างคิดต่างกันไปและเงียบกันอยู่ครู่หนึ่ง

ชิงเจียวทำลายความเงียบขึ้นว่า “ตอนนี้พวกเราจะทำอย่างไรดีขอรับ พวกเราควรจะจับใต้เท้าสิงไหมขอรับ”

เหลิ่งชิงฮวนยังคงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง

ตอนนี้คนที่สามารถให้กับสิงซ่างซูได้เพียงคนเดียวคือผู้คุมคนที่ได้รับคำยุยงจากสิงซ่างซูให้ไปลอบฆ่าซุนสือโถว

ถ้าหากว่าเธอนำเรื่องนี้ไปรายงานให้ฮ่องเต้ชรารู้ว่าเชลยจากมั่วเป่ยถูกฆ่าคดีก็จะถูกพิจารณาให้ สิงซ่างซูเองก็อาจจะถูกสอบสวน แต่ปัญหาหลักคือเป็นไปได้ไหมว่าลากคนที่อยู่เบื้องหลังออกมา?

อาศัยเพียงแค่เขากับพระชายาเชียนพบกันที่ร้านน้ำชาร้านหนึ่งนั้นไม่ได้บอกถึงอะไรได้เลยแม้แต่น้อย มันไกลเกินไป อีกอย่างจากที่ชิงเจียวพูดสิงซ่างซูนั้นเคารพนบนอบต่อผู้หญิงคนนั้น หลังจากที่จับมาแล้วเขาจะยอมรับงั้นหรือ

ชิงเจียวยังคงเงียบต่อไป เขาจะสามารถหาเบาะแสได้มากกว่าเดิมไหมนะ รอให้ได้หลักฐานแน่ชัดแล้วจะดีกว่าเดิมไหมนะ

ส่วนมู่หรงฉีนั้นตัดสินใจอย่างเด็ดขาดว่า “ข้าจะรีบเข้าไปในวังเดี๋ยวนี้และขอความเห็นจากเสด็จพ่อ แล้วเข้าจับสิงซ่างซูทันที”

“ถ้าหากว่าเขาไม่ยอมรับผิดล่ะเพคะ”

“อีกฝ่ายหนึ่งโหดเหี้ยมมาก ถ้าหากว่าสิงซ่างซูหลุดอะไรออกมาแม้แต่นิดเดียว อีกฝ่ายหนึ่งจะต้องไม่ปล่อยเขาไปแน่ ดังนั้นพวกเราจะต้องลงมือก่อนจึงจะได้เปรียบ เราลงมือจับสิงซ่างซูทันทีก็จะสามารถคุ้มครองเขาได้ง่าย”

ความกังวลของมู่หรงฉีเองก็ไม่ใช่ว่าไม่มีเหตุผล

ชิงฮวนหยักหน้า “ก็ดีเพคะ ฝ่ายนั้นโหดเหี้ยมมาก ให้ชิงเจียวอยู่ที่กรมอาญาต่อไปหม่อมฉันเองก็ไม่วางใจ”

เมื่อแน่ใจแล้ว ชิงเจียวก็บอกลากแล้วกลับไปที่กรมอาญาเพื่อจับตาดูสิงซ่างซู มู่หรงฉีรีบเข้าไปในวังเพื่อขอคำแนะนำจากฮ่องเต้ชรา

เมื่อมาถึงในวังมู่หรงฉีก็นำเรื่องที่เชลยแคว้นมั่วเป่ยถูกฆ่าและคดีเรื่องสิงซ่างซูฆ่าคนปิดปากรวมถึงเรื่องที่เขากับชิงฮวนสงสัยพูดออกมา

แน่นอนว่าเขายังไม่บอกเรื่องที่ชิงเจียวพบเกี่ยวกับพระชายาเชียนบอกกับฮ่องเต้ชรา

ความขัดแย้งระหว่างพี่น้องและต่างคนต่างฟ้องร้องนั้นเป็นสิ่งต้องห้ามข้อใหญ่ เขาจะพูดสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได

ฮ่องเต้ชรานั้นไม่ได้ลังเลเลยสักนิด พรรคพวกที่เหลืออยู่ของเสด็จลุงรองนั้นเป็นเหมือนเข็มทิ่มตำหัวใจของเขาอยู่จนแทบจะทนไม่ไหวที่เอามันออกไป เมื่อได้ยินรายงานของมู่หรงฉีเขาก็ตกตะลึงและโกรธจัด

“แย่แล้ว แย่แล้วล่ะ!”

ฮ่องเต้คือผู้เป็นหนึ่งในแผ่นดิน ต่อให้ภูเขาไท่ซานถล่มลงตรงหน้าเขาก็นิ่งเฉย เขาตื่นเต้นแบบนี้มู่หรงฉีเองก็รู้สึกแปลกใจ “ทำไมหรือพ่ะย่ะค่ะ”

“เมื่อตอนว่าราชการเช้ามีคนมารายงานเรื่ององค์ชายอันต๋า ทูตมั่วเป่ยอยู่ในระหว่างเดินทางมาฉางอัน สิงซ่างซูเข้ามาขอร้องข้าเองว่าอยากจะหาข้อสงสัยจากปากของใต้เท้าหลู่เพื่อตรวจสอบองค์ชายอันต๋าและข้าอนุมัติไปแล้ว! ถ้าหากว่าเขามีปัญหาจริง ตรงนี้ก็เป็นที่น่าสงสัย!”

มู่หรงฉีเองก็ตกใจ เรื่องที่วันนี้สิงซ่างซูพบกับคนที่ชักใยเบื้องหลังที่ร้านน้ำชานั้น สิ่งที่เหลิ่งชิงเจียวเห็นนั้นไม่แน่ว่าจะไม่ใช่ทั้งหมด หรือว่าในตอนที่ยังไม่มีใครจับสังเกตได้เขาก็ได้ติดต่อกับคนที่ชักใยอยู่เบื้องหลังเรียบร้อยแล้ว?

คนคนนั้นยอมเสี่ยงเพื่อที่จะส่งข่าวและนัดสิงซ่างซูออกมาจะต้องมีภารกิจแน่! ถึงแม้ว่าจะบอกว่าคนของเสด็จลุงรองจะเป็นพวกขององค์ชายอันต๋ามาโดยตลอด แต่ว่าก็เป็นไปได้ว่าพวกเขาจะต่อต้านได้ทุกเมื่อ การลอบฆ่าองค์ชายอันต๋าก็เพื่อปกป้องตัวเอง

ฮ่องเต้ชรามีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีแล้วตวัดปลายพู่กันเป็นราชโองการ เขาสั่งให้มู่หรงฉีไปที่กรมอาญาโดยเร็วเพื่อจับสิงซ่างซู

มู่หรงฉียังไม่ทันได้ขยับตัวก็มีเสียงรายงานมาจากทางด้านนอกอย่างเร่งร้อนและราชองครักษ์วิ่งเข้ามาข้างใน

“กราบทูลฝ่าบาท เกิดเรื่องใหญ่กับองค์ชายอันต๋าในคุกหลวงแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”

มู่หรงฉีหยุดชายชราด้วยความโกรธ “เสด็จพ่ออย่าร้อนใจไป! คุกหลวงเป็นสถานที่อัปมงคล บาดแผลของท่านยังไม่หายดีควรจะอยู่ในวัง ให้ลูกไปเถอะพ่ะย่ะค่ะ”

ราชองครักษ์เงยหน้าแล้วรายงานขึ้นว่า “พระชายาฉีรอท่านอ๋องฉีอยู่ที่นอกวังพ่ะย่ะค่ะ”

ชายชราได้ยินว่าชิงฮวนก็ใจร้อน เขาจึงกลับมานั่งลงอีกครั้ง

“คนเขลาเมื่อรวมอยู่ด้วยกันก็ฉลาดได้ เจ้ารีบไปกับชิงฮวนแล้วก็หลินเฟิง พอได้ความจริงมาแล้วรีบส่งคนเข้ามารายงานในวังทันที”

มู่หรงรับคำสั่งและออกจากวังไปอย่างไม่รอช้า

พออกจากวังมาเขาก็เห็นรถม้าของจวนตัวเอง รองแม่ทัพสูงสุดอวี๋เฝ้าอยู่ที่หน้ารถม้าและเข้ามารับเขาด้วยสีหน้าจริงจัง

“ท่านอ๋อง เกิดเรื่องแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”

มู่หรงฉีพยักหน้าลง “ข้ารู้แล้ว”

ผ้าม่านบนรถม้าถูกเปิดออก ชิงฮวนยื่นหน้าออกมา “หลินเฟิงรู้เรื่องเป็นคนแรก เขาส่งคนเข้าไปในวังเพื่อไปรายงานเสด็จพ่อแล้วก็ส่งข่าวให้หม่อมฉันไปด้วย เขาจะต้องลำบากแน่ หม่อมฉันทนอยู่ในจวนไม่ไหวก็เลยออกมาทันทีเพื่อที่จะมารับท่านไปกรมอาญาด้วยกันเพคะ”

เวลาไม่คอยท่า มู่หรงฉีขึ้นรถทันทีแล้วสั่งให้คนรถกลับรถเพื่อไปยังคุกหลวง

ภายในคุกหลวงนั้นถูกคุ้มกันไว้อย่างแน่นหนาและเข้มงวดไม่ให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องทั้งหมดเข้าไป

คนคุ้นเคยของเหลิ่งชิงฮวนหลายคนกำลังล้อมกันวิพากษ์วิจารณ์ที่กองไฟที่คุอยู่ด้วยใบหน้าตื่นกลัว ชิงเจียวเองก็อยู่ด้วย เมื่อพวกเขาเห็นเธอก็เงียบลง

มีกลิ่นไหม้น่าขยะแขยงลอยอยู่ในอากาศ เป็นกลิ่นเหม็นเหมือนกับกลิ่นเนื้อและเส้นผมที่ถูกเผาจนไหม้ แต่ว่ากลิ่นมันเหมือนกับผสมเขากับอีกกลิ่นที่อธิบายไม่ถูก

ชิงฮวนกำลังสงสัยว่าพวกเขากำลังเผาอะไรกันทำไมใบหน้าของเขาจึงได้ร้อนรนและตื่นกลัว ในมือของเขามีเสียมอยู่อันหนึ่งและทุกคนมีอาวุธครบมือราวกับกำลังมีศัตรูกำลังมา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา