ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 763

รถม้าเคลื่อนตัวกลับไปอย่างช้าๆ ระหว่างทางก็ได้รับข่าวที่ส่งมาจากองครักษ์อินทรี กล่าวว่านักพรตเต๋าเทียนอีผ่าตัดเสร็จสิ้นแล้ว ราบรื่นเป็นอย่างมาก อีกฝ่ายได้รับการโต้กลับได้แล้ว

ทั้งสองเงียบไปครู่หนึ่ง

เช่นนี้ก็เป็นโอกาสที่ดีอย่างหนึ่ง แต่ยังมิสามารถหาคนกระทำลับหลังอยู่เบื้องหลังได้ และกลับมามือเปล่า โดยเฉพาะความน่าสงสัยที่เกี่ยวกับพระชายาเชียน ยังคงพิสูจน์มิได้ เป็นเรื่องที่เสียเปล่า มันน่าสงสัยแต่ทว่ามิมีหลักฐานเลย

ทั้งคู่จึงห่อเหี่ยวพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย

มู่หรงฉีเป็นคนเอ่ยขึ้นมาก่อน “เป็นครั้งแรกที่เห็นน้องห้าตื่นตัวและควบคุมอารมณ์มิได้เช่นนี้ ก็จริงอยู่ที่ปกติแล้วเขาจะเคร่งขรึม ทว่าพูดคุยปกติ มิได้มีความผิดปกติใดๆ เลย หรือเพราะวันนี้เขาจะโดนคุณไสยอันใดบางอย่าง อารมณ์ก็เลยเปลี่ยนไปกะทันหัน?”

ก็เป็นไปได้

ทว่าชิงฮวนก็ยิ่งชอบที่จะมองไปยังปัญหาในมุมมองของทางการแพทย์เสียมากกว่า

สถานการณ์แบบนี้ก็มิได้แปลกมากนัก มีใครหลายคนอาจจะป่วยทางจิตเพราะอุปสรรคทางใจ เมื่อเขาได้รับการกระตุ้นจากสิ่งเร้าบางอย่าง ก็จะระเบิดออกมาอย่างกะทันหัน และอารมณ์ปั่นป่วนขึ้นมา

ชิงฮวนสงสัยอ๋องเชียนมาตั้งแต่แรกแล้ว ตอนนี้ท่าทางการแสดงออกที่ผิดปกติของเขา ยิ่งทำให้ความน่าสงสัยนี้ลึกขึ้นเล็กน้อย

บางทีความโหดร้ายนี้อาจจะเป็นนิสัยที่แท้จริงของเขาก็ได้ เพียงทว่าจงใจซ่อนมันไว้ มิให้ผู้ใดล่วงรู้ และความโดดเดี่ยว ความขี้ขลาด แม้กระทั่งนิสัยขี้อายของเขาที่แสดงออกในอดีตที่ผ่านมากลับเป็นเพียงการแสร้งทำ

ทุกคนต่างถูกเขาหลอก

“มิใช่ว่าเขาควบคุมอารมณ์มิได้” ชิงฮวนพูดอย่างมั่นใจ “เขามีอาการป่วย เป็นโรคจิตแตกแยกคลั่งต่างหาก”

มู่หรงฉีมิเข้าใจความหมายในคำพูดของชิงฮวน “แตกแยกอันใดรึ?”

“นี่เป็นโรคชนิดหนึ่ง เป็นความผิดปกติทางจิต ก็พูดได้ว่าหลังจากที่เขาได้รับการกระตุ้นบางอย่าง ก็จะคลั่งขึ้นมาอย่างกะทันหัน เปลี่ยนเป็นบ้าคลั่ง มีแนวโน้มที่จะเริ่มจู่โจม”

“จะเป็นไปอย่างไรกัน?” มู่หรงฉีตะลึง “น้องห้าขี้ขลาดขี้อายมาตั้งแต่ยังเล็ก แล้วก็มิเคยเป็นเช่นวันนี้มาก่อนเลย”

“ท่านมิได้อยู่ที่เมืองหลวงตลอดนี่ ท่านมิเคยเห็น ก็มิได้หมายความว่าจะมิเป็น ดูจากปฏิกิริยาของพระชายาเชียนเมื่อครู่นี้ เห็นได้ชัดว่าเขาเคยมีอาการกำเริบเช่นนี้มาก่อน”

มู่หรงฉีเงียบ “ถ้าหากวันนี้มิได้เห็นกับตา ข้าคงมิเชื่อเด็ดขาด มิเคยคิดเลยว่าน้องห้าจะโหดร้ายเช่นนี้”

“เขาซ่อนมันไว้ลึกเกินไป วันนี้แค่เผยมันออกมาเท่านั้น และก็มีความเป็นไปได้ว่า จงใจแกล้งเป็นบ้าใบ้ ก็เพื่อปกปิดการโต้กลับของพระชายาฉี”

มู่หรงฉีเงียบไป

“ท่านมิคิดเลยรึว่าเบาะแสที่เราได้รับมามันน่าสงสัย”

“น่าสงสัยอันใด?”

“ได้รับเบาะแสมากมายมาง่ายเกินไป โดยเฉพาะน้องห้าวันนี้ที่จู่ๆ ก็นิสัยเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน”

ชิงฮวนก็ยังครุ่นคิดจากสิ่งที่เห็นในวันนี้มาตลอด และเชื่อมโยงกับเบาะแสและข้อสงสัยก่อนหน้านี้ขึ้นมา ค่อยๆ คลี่คลายความสงสัยของอ๋องเชียนที่ตนมี เมื่อได้ยินคำพูดของมู่หรงฉี ในใจก็กระตุกขึ้นมาอีกครั้ง

“ท่านมิเชื่อว่าเรื่องพวกนั้นเกี่ยวข้องกับอ๋องเชียนรึ?”

มู่หรงฉีพยักหน้าอย่างสองจิตสองใจ และพูดถึงความข้องใจของตนออกมาอีกครั้ง

“เบาะแสมากมายหลายอย่างชี้ไปทางจวนอ๋องเชียน ดูเหมือนจะยืนยันการคาดเดาของเราไปทีละก้าว หากสมมติว่าข้ามิเข้าใจนิสัยใจคอของงน้องห้า อาจจะเชื่อโดยมิต้องสงสัยใดๆ และลงโทษเขาเดี๋ยวนั้น

แต่ว่า เจ้าคิดว่าสตรีลึกลับที่มิเปิดเผยตัวตนผู้นั้นกระทำการมิดชิดมิมีข้อบกพร่องใดๆ อยู่ตลอด จะเปิดเผยหลักฐานตามใจชอบเช่นนี้รึ?

ในระยะเวลาสั้นๆ มิกี่วัน มีหลักฐานที่เห็นได้ชัดมากมายขนาดนั้นเปิดเผยต่อหน้าเราทีละคน อาจดูเหมือนว่าใช่ แต่ความจริงมันมิใช่เลย เป็นเรื่องที่เข้าใจยาก แทนที่จะพูดว่าเราขุดคุ้ยความน่าสงสัยของน้องห้าออกมาทีจะขั้นทีละตอน สู้พูดว่ามีใครชักนำให้เราสงสัยน้องห้าไปทีละขั้นทีละตอนจะดีกว่า”

นางกำนัลรับใช้ที่มาจากครอบครัวที่ต่ำต้อย แม้ว่าจะกลายมาเป็นเจ้านาย ก็ยังถูกบีบคั้นและถูกเยาะเย้ยอยู่ดี การที่นางจะอยู่รอดในวังได้ มันมิง่ายเลย จะวางแผนได้อย่างไรกัน?

นี่แหละ!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา