ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 765

มู่หรงฉีและเหลิ่งชิงฮวน ทั้งสองเงียบกันไปตลอดทาง ต่างคนต่างมีความกังวล และหยุดรถม้าเมื่อผ่านมาที่จวนมหาเสนาบดีเพื่อเข้าไปรับอวิ๋นเช่อ

ยังมิทันได้เข้าไปยังประตูของจวนมหาเสนาบดี ก็ได้ยินเสียงหัวเราะ “คิกคัก” ราวกับไก่ของอวิ๋นเช่อ ดังออกมา เหล่าคนรับใช้ก็เห็นชิงฮวนหดคอหัวเราะ

อวิ๋นเช่อกำลังเขวี้ยงดินโคลนอยู่กับเหลิ่งเซียง ผู้ใหญ่และเด็กน้อยคนหนึ่งเล่นจนมือเต็มไปด้วยโคลนสีเหลือง ผนังฉากกั้นสีหมึกอย่างดีของจวนมหาเสนาบดีเปรอะเปื้อนไปด้วยโคลนจนเปลี่ยนไปจากเดิม

ชิงฮวนจำได้ว่า ผนังฉากกั้นคืนจันทร์งานริมน้ำฉางเจียงในฤดูใบไม้ผลินี้เป็นความพยายามของเหลิ่งเซียงที่ข้ามภูเขาไปเชิญจิตรกรชื่อดังที่เกษียณแล้วมาวาดจนเสร็จ

นี่เป็นสิ่งที่เหลิ่งเซียงภูมิใจมาโดยตลอด ทุกครั้งที่มีแขกมาที่จวน เขาก็จะแวะตีราคากับแขกตรงหน้าผนังฉากกั้นโดยแฝงความโอ้อวดเอาไว้

ณ ตอนนี้ เหลิ่งเซียงกับอวิ๋นเช่อผู้เป็นหลานชาย ทั้งคู่ปั้นโคลนสีเหลืองเป็นก้อนๆ อย่างมิยอมกัน แล้วเหวี่ยงแขนไปทางผนังฉากกั้นสีหมึก จนมันไป “แผละ” อยู่บนผนัง

โคลนสีเหลืองกระจายไปทั่วทิศ

ทั้งสองปรบมือและโห่ร้อง บนเคราของเหลิ่งเซียงเองก็เต็มไปด้วยโคลนสีเหลือง

เหลิ่งชิงฮวนกับมู่หรงฉีมองหน้ากัน และส่ายหัวอย่างช่วยมิได้

ครั้งหนึ่งในอดีต ชิงฮวนเกลียดพ่อห่วยๆ ที่ใจร้ายและลำเอียงคนเดิมผู้นี้เป็นอย่างมาก ทว่าก็มิรู้เลยว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่บุญคุณความแค้นของเขากับผู้เป็นมารดาลดลงไป เรื่องราวบางอย่างก็ปล่อยวางไปแล้วเช่นกัน

เหลิ่งเซียงหันหน้าไปเห็นพวกชิงฮวน ก็รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อทักทายมู่หรงฉีอย่างแสดงความเคารพ

เหลิ่งชิงฮวนกำลังสั่งสอนมู่หรงอวิ๋นเช่อที่ทั้งเนื้อทั้งตัวเต็มไปด้วยโคลนสีเหลือง อวิ๋นเช่อใช้มือที่เปื้อนโคลนสีเหลืองจับแขนเสื้อของมู่หรงฉีเพื่อขอความช่วยเหลือ มู่หรงฉีจึงพาเขาไปล้างมือ สายตาเต็มไปด้วยความเอ็นดู

เหลิ่งเซียงเหลือบมองไปที่ชิงฮวน ก่อนจะกระแอมไออย่างวางมาด “ตามพ่อมาสิ”

นี่คือมีเรื่องจะพูดสินะ

ชิงฮวนตามหลังเหลิ่งเซียงไปยังห้องตำราของเขา

เหลิ่งเซียงมิได้สังเกตเห็นโคลนสีเหลืองบนเคราของตนเลย เขานั่งลงหลังโต๊ะ วางมาด และพยายามทำให้ตนดูน่าเกรงขาม

บุตรสาวผู้นี้หัวแข็งดื้อรั้น มิต้องพูดถึงว่านางข่มมันไว้มิได้เลย ชายชราผู้เป็นฮ่องเต้ก็คิดร้ายอยู่หลายครั้ง แต่ก็มิมีประโยชน์ ทว่าพลังที่แสดงออกมาคือ ตนจะแพ้มิได้

เขากระแอมเบาๆ “เรามาเข้าประเด็นกันเลยดีกว่า ตอนนี้ท่านอ๋องฉีเจริญรุ่งเรืองดั่งพระอาทิตย์กลางท้องฟ้า ค่อนข้างเป็นจุดสนใจ”

ชิงฮวนยักไหล่อย่างช่วยมิได้ “นั่นก็เพราะคนอื่นสนับสนุน ท่านอ๋องเขามิเคยโอ้อวด”

“ท่านอ๋องทำตัวสงบนิ่งขรึม แต่เจ้าทำตัวเอิกเกริก เป็นจุดสนใจเกินไป”

นี่เป็นการเริ่มสั่งสอนตน

มีคนเคยใช้ประโยค “ฟังสิ่งที่ท่านพูด ดีกว่าอ่านหนังสือเป็นสิบปี” เพื่อพูดสรรเสริญความรู้เชิงลึกเรื่องการเป็นข้าราชบริพารของเหลิ่งเซียง ผู้ที่เพิ่งจะเข้ามาใหม่ในราชสำนักล้วนหวังว่าจะได้รับคำสั่งสอนสักสองสามคำจากเหลิ่งเซียง นอกจากเหลิ่งชิงฮวนจะตั้งใจด้วยความเคารพแล้ว ก็มิได้แสดงความเบื่อหน่ายใดๆ ออกมา

มิต้องมองไปที่อื่นเลย มันคงเป็นเพราะเขาเล่นเขวี้ยงโคลนกับอวิ๋นเช่อ

“ข้ายอมฟังคำสอนของพ่อ”

เหลิ่งเซียงกระแอมในลำคอ “บัดนี้ฝ่าบาทชราลง ในยามสถานการณ์ที่ละเอียดอ่อน เจ้าสามารถได้รับคำชื่นชมจากฝ่าบาท สร้างความภูมิใจเพื่อพ่อ แต่เจ้าต้องรู้ไว้ว่า ต้นไม้ใหญ่ย่อมโดนลม ผู้ที่มีชื่อเสียงเงินทอง ก็มักจะดึงดูดคนได้ง่าย และจะนำมาสู่ความวุ่นวาย หากเจ้าโอ้อวดเกินไป มันจะกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของประชาชนอย่างเลี่ยงมิได้ เรื่องบางเรื่อง ก็มิควรจะอวดเก่ง”

“ถ้าหากท่านพ่ออยากให้ลูกสาวมิทำตัวขายหน้า มันก็สายไปเสียแล้ว มันยังมีอีกประโยคหนึ่งที่เรียกว่า ต้นไม้หวังอยู่นิ่ง หากแต่ลมกลับมิหยุดพัก ถ้าพวกข้ามิเริ่ม ก็ทำได้เพียงถูกเฆี่ยนตีเท่านั้น”

เหลิ่งเซียงโน้มตัวไปด้านหน้าเล็กน้อยและกดเสียงต่ำ

“การเริ่มนั่นเจ้าหมายความว่าอันใด? ให้ชิงเจียวแอบตรวจสอบสิงซ่างซูอย่างลับๆ รึ? หรือไล่ตามพรรคพวกที่เหลือของเสด็จอารอง? หรือว่ามีส่วนร่วมในคดีของอ๋องเซวียน และรับสั่งให้น่าจาอี๋นั่วฆ่าตัวตายเสีย? ปลายมีดเช่นนี้มีเพียงจะทำให้มีดที่พวกเจ้าถือคม มิใช่ผู้ถือมีด

พ่ออยากจะเตือนเจ้าเอาไว้ ผู้มีสติปัญญา หากมิเติบโตอย่างเต็มที่เช่นอ๋องเซวียน! ก็ต้องซ่อนความสามารถไว้เช่นอ๋องเฮ่า หรือมิเช่นนั้น ก็รีบถอนตัวเสียในตอนที่ยังรุ่งโรจน์เช่นอ๋องรุ่ย

ท่านอ๋องฉีตอนนี้อยู่บนยอดผาเรียบร้อยแล้ว มิมีทางถอย เขายิ่งจำเป็นต้องให้ผู้อื่นสนับสนุนเขา ประคองเขาให้สูง ถึงจะข้ามผ่านและประสบความสำเร็จได้!”

ชิงฮวนตะลึงเล็กน้อย เรื่องของชิงเจียวมิได้ถูกซ่อนจากเหลิ่งเซียง และเขายังพูดโน้มน้าวให้ตนรวบรวมกำลังอย่างนั้นหรือ?

พูดจาวกไปวนมา ที่แท้ก็เพราะเรื่องนี้นี่เอง

พ่อของตนเดิมพันไว้กับสมบัติสองชิ้นมาตลอด คนหนึ่งคือมู่หรงฉี ส่วนอีกคนหนึ่งคืออ๋องเฮ่า วันนี้คะยั้นคะยอให้ตนบ่มเพาะพลัง เหวี่ยงแหไปทั่ว ประเด็นสำคัญก็คือจับปลาของตัวเองรึ? ถึงแม้จะยืนต่อแถวก่อน แต่ท่านมิกลัวจะต่อผิดแถวหรือ?

เอ่อ...

ในตอนนั้นชายชราผู้เป็นฮ่องเต้บีบบังคับให้มู่หรงฉีวางแผนร้ายกับเสิ่นหลินเฟิง ตนยังพึมพำในใจอยู่เลย นึกมิถึงเลยว่าจะมีความลึกซึ้งเช่นนี้?

เมื่อนางแก่ตัวไปแล้ว มู่หรงฉีได้เผชิญหน้ากับกลุ่มดอกไม้งามสะพรั่ง เขาจะยังซื่อสัตย์อยู่เปล่า? จักรพรรดิในอดีตก็เป็นแบบอย่าง แล้วเหลิ่งชิงฮวนอย่างนางจะพร่ำเพ้อหาอะไรกัน?

ต่อหน้าพ่อตา คำพูดหวานๆ เช่นนี้มิได้ต้องการอันใดใช่หรือไม่?

“ท่านพูดเก่งขนาดนี้ได้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”

“ก็เก่งมาตลอด เจ้าอยากได้อันใด ในฐานะสามี แม้จะต้องพลีชีพ ก็ย่อมหามาให้ได้ สิ่งที่เจ้าดูหมิ่น แม้ว่าจะมีค่ามหาศาล ในฐานะสามีก็ย่อมละทิ้งมันได้เหมือนรองเท้า”

ประโยคเหล่านี้มีความหมายชัดเจน หรือว่าคนซื้อบื่อนี่จะเดาเป็นอื่น?

ชิงฮวนเหลือบมองท่าทางกระอักกระอวนของเหลิ่งเซียง ก่อนจะเม้มปาก “กลับจวนเถอะ”

“ดี”

มู่หรงฉีไม่แม้แต่จะมองไปที่เหลิ่งเซียงเลย มือซ้ายจูงอวิ๋นเช่อ ส่วนมือขวาก็จูงชิงฮวน “กลับจวนกัน”

ครอบครัวสามคนพ่อแม่ลูกหลังจากกล่าวลาแล้วก็จากไปพร้อมกัน

เหลิ่งชิงเฮ่อส่งทั้งสามออกไปที่ประตูจวนมหาเสนาบดี

เหลิ่งเซียงส่ายหน้าอย่างช่วยมิได้ “ตามหลังผู้ใหญ่ หมามิกัดหรอก”

เหลิ่งชิงเฮ่อมิเข้าใจเล็กน้อย “หมาที่ไหนกัดรึ”

เหลิ่งเซียงพึมพำเบาๆ “หากรากฐานมิมั่นคง จะถูกผู้คนพังกำแพงลงไป”

เหลิ่งชิงเฮ่อก็ยิ่งฉงน “ชิงฮวนเป็นคนฉลาด มิมีทางสับสนปัญหาความถูกผิดแน่”

เหลิ่งเซียงส่ายหน้าอีกครั้ง “พี่น้องอย่างพวกเจ้าสองคน นิสัยเหมือนกัน ตามรอยท่านปู่ของพวกเจ้า การสืบต่อนิสัยกันมาชั่วอายุคนเช่นนี้ เป็นพวกยอมหักดีกว่ายอมงอ มิไหลไปตามกระแสน้ำ ก็เหมือนกับขอบมุมบนก้อนหิน ที่จะต้องถูกน้ำไหลเชี่ยวกัดกรอนจนเรียบในมิช้าก็เร็ว มิเช่นนั้น ความเข้ากันมิได้ของเจ้าจะถูกผู้อื่นบีบคั้น เหมือนเช่นเหล่าขุนนางทุกคน”

เหลิ่งชิงเหยาคัดค้านเหลิ่งเซียงขึ้นมา และมิได้ไว้หน้าเลยแม้แต่น้อย “ท่านพ่อคิดมากเกินไป ชิงฮวนสามารถยืนอยู่ในระดับความสูงในปัจุบันได้ เพราะได้รับความชื่นชมจากผู้คน อาศัยความสามารถของนางและยังมีคุณธรรมที่ผู้คนเชื่อมั่น มิประจบประแจงและแอบอิงอิทธิพลของผู้อื่น นี่ถึงจะเป็นรากฐานที่มั่นคงที่สุดในการดำรงชีวิตอย่างสงบสุข”

เหลิ่งเซียงยิ้มก่อนจะหันหลังกลับมาตบไปที่บ่าของเหลิ่งชิงเหยาเบาๆ และพูดอย่างมีความหมายลึกซึ้ง “เรามารอดูกัน”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา