ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 768

ชิงฮวนหยิบถ้วยชาขึ้นมาจิบเบา ๆ ไม่รีบร้อน รอให้พระชายาเชียนเป็นฝ่ายเอ่ยพูดก่อน

แต่พระชายาเชียนยังรู้สึกเกรงใจอยู่เล็กน้อยจึงพูดออกมาอย่างเหนียมอาย “พี่สะใภ้สามท่านเป็นบุคคลสำคัญในเมืองหลวง และเป็นเทพเซียนที่ชาวบ้านต่างยกย่อง ปกติข้าจะไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามเข้าหาเช่นนี้ ที่จริงแล้วในใจนั้นชื่นชมท่านอย่างมากเลย ปรารถนามานานแล้วว่าอยากจะเป็นเหมือนพี่สะใภ้สี่กับองค์หญิงลี่ว์อู๋ที่สามารถเป็นเพื่อนกับท่านได้”

ชิงฮวนเม้มริมฝีปากและเอ่ยพูดอย่างสุภาพ “ล้วนเป็นสะใภ้ครอบครัวเดียวกัน ทำไมถึงพูดจาห่างเหินเช่นนี้เล่า? ครอบครัวเดียวกันก็ควรจะไปหาสู่กันบ่อย ๆ”

พระชายาเชียนเกือบจะดีใจจนลุกขึ้นมากระโดดโลดเต้น ร่างกายที่พิงอยู่ก็อยู่ไม่สุข ตื่นเต้นเสียจนมีเหงื่อไหลออกมาที่ปลายจมูก จากนั้นนางก็ขยับบั้นท้ายเข้าไปหาชิงฮวน

“ถ้าเช่นนั้นข้าก็ขอไม่เกรงใจที่จะแอบพูดเรื่องของตัวเองให้พี่สะใภ้สามได้ฟัง ท่านอ๋องของข้าก็เป็นเหมือนอย่างที่ท่านพูด เขาไม่กล้าคุยกับคนอื่น พอพูดทีก็จะหน้าแดงและประหม่า มีอาการตื่นเต้นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อหน้าเสด็จพ่อและพี่สาม เขาจะประหม่าจนหายใจไม่ออก และจะเป็นลมได้ทุกเมื่อ ท่านว่าเขาป่วยเป็นโรคใช่หรือไม่?”

ชิงฮวนพยักหน้า “ใช่ ไม่อาจตัดความเป็นไปได้ที่ว่าเขาอาจจะเป็นโรคกลัวการเข้าสังคม”

คำศัพท์ใหม่เช่นนี้พระชายาเชียนไม่เคยได้ยินมาก่อนจึงรู้สึกสงสัยอย่างมาก “พี่สะใภ้สามรีบบอกข้ามาเร็ว ๆ เถอะ นี่มันคือโรคอะไรกันแน่ มีหนทางที่จะรักษาหรือไม่?”

โรคนี้ไม่สามารถอธิบายได้อย่างชัดเจนด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำได้ ชิงฮวนจึงอธิบายอาการและภัยอันตรายที่จะเกิดขึ้นคร่าว ๆ ให้กับพระชายาเชียน

“ข้าไม่ได้ต้องการพูดขู่ขวัญให้ตื่นตกใจแต่อย่างใด เพียงแต่โรคนี่ดูเหมือนไม่มีพิษไม่มีภัยร้ายแรง แต่อาจส่งผลกระทบร้ายแรงต่อการใช้ชีวิตปกติของคนคนหนึ่งได้ ทำให้คนผู้นั้นเป็นคนปิดกั้นตัวเอง เป็นคนน้อยเนื้อต่ำใจโทษตัวเอง ถึงกระทั่งมีอาการซึมเศร้าจนเกิดอยากฆ่าตัวตายก็เป็นได้ ดังนั้นต้องให้ความสำคัญอย่างมากอย่าได้ปล่อยเลยตามเลย”

พระชายาเชียนตบต้นขาตัวเอง “พี่สะใภ้สามท่านพูดถูกที่สุด! ท่านอ๋องของข้าเขาเองก็เจ็บปวดใจเช่นกัน คิดอยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง แต่ว่าก็ไม่สามารถเอาชนะตัวเองได้มาโดยตลอด

เมื่อข้าเล่าให้กับคนในครอบครัวฟัง พวกเขาต่างบอกว่าไม่มีอะไรที่ต้องกังวล มีเพียงข้าเท่านั้นที่เข้าใจว่าท่านอ๋องเขาทุกข์ใจกับเรื่องนี้มากมาโดยตลอด ปรารถนาที่จะหลุดพ้นจากการถูกควบคุมและการผูกมัดเหล่านี้อยู่ตลอดเวลา เขาอยากจะใช้ชีวิตอย่างผ่อนคลาย

รวมถึงวันเทศกาลไหว้บ๊ะจ่างวันนั้นด้วย ข้าขอให้เขาชวนทุกคนไปล่องเรือด้วยกันเพื่อหวังว่าเขาจะได้มีปฏิสัมพันธ์กับทุกคนมากยิ่งขึ้น และจะเป็นประโยชน์ต่อตัวของเขาเอง ใครจะไปรู้ว่า เขากลับ... ต่อไปเกรงว่าเขาคงจะไม่ฟังข้าอีกแล้ว”

ชิงฮวนลองถามคำถามที่สงสัยอยู่ในใจขึ้นมา “วันนั้นเขาก็ดูปกติดีอยู่ ๆ ทำไมถึงสูญเสียการควบคุมกะทันหันได้ล่ะ?”

พระชายาเชียนกัดริมฝีปากล่างเบา ๆ แล้วส่ายหัว “ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน”

“เมื่อก่อนเคยมีเรื่องแบบนี้มาก่อนหรือไม่?”

พระชายาเชียนครุ่นคิดอย่างลังเลเล็กน้อยและพยักหน้าเบา ๆ “เคยเป็นอยู่ เขาเห็นเลือดไม่ได้ ทุกครั้งที่เห็นเลือด ดูเหมือนจะควบคุมอารมณ์ตัวเองเอาไว้ไม่ได้”

นี่ก็ถูกต้องแล้ว ครั้งก่อนที่จวนอ๋องเซวียนเพราะเขาเห็นตนเองกำลังเจาะเลือดคนอื่นอยู่ อารมณ์ที่แสดงออกจึงดูผิดปกติไปอย่างเห็นได้ชัด

“ถ้าเช่นนั้นเขาน่าจะตรงกับอาการผิดปกติทางจิต เพราะว่าเจอกับการกระตุ้นบางอย่างที่ทำให้ไม่มีความสุขเข้าจึงสร้างปมขึ้นมาในจิตใจ เมื่อใดก็ตามที่มีสถานการณ์กระตุ้นอารมณ์เกิดขึ้นก็จะทำให้นึกถึงความทรงจำที่ไม่มีความสุขนั้น ด้วยเหตุนี้จึงไม่สามารถควบคุมตัวเองได้”

“ถ้าเช่นนั้นจะทำอย่างไรดี?”

“จะต้องให้เขายินยอมที่จะร่วมมือรักษาถึงจะได้ ไม่สามารถบังคับฝืนใจได้”

พระชายาเชียนมีความลำบากใจเล็กน้อย “แต่ว่าพวกผู้ชายเป็นพวกชอบรักษาหน้าตัวเองอย่างมาก เขายอมพูดอะไรก็ได้แต่คงไม่มีทางยอมรับว่าตัวเองป่วยแน่นอน หากจะให้เขาร่วมมือเข้ารักษาคงไม่ใช่เรื่องง่าย”

ชิงฮวนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ล้วงมือเขาไปในแขนเสื้อแล้วหยิบยาลดความวิตกกังวลประเภทเบนซินไดอะซิเจนออกมาหนึ่งเม็ดมอบให้พระชายาเชียน “มีวิธีใดบ้างที่จะให้น้องห้ากินยาเม็ดนี้ตอนนี้หรือไม่?”

พระชายาเชียนรับมาไว้ในมือ และเกิดความสงสัยเล็กน้อย ไม่เข้าใจถึงความหมายที่ต้องการจะสื่อ

ชิงฮวนพูดอธิบายต่อว่า “บังเอิญวันนี้ข้าเอายารักษาโรคนี้ติดตัวมาด้วยหนึ่งเม็ด ตอนนี้เขากำลังอยู่กับพี่สามของเขาตามลำพังคงจะเครียดน่าดู ขอเพียงได้ทานยานี้เข้าไป อาการก็ของเขาก็จะทุเลาลงเล็กน้อย ต้องให้เขาได้ลองลิ้มรสความหอมหวานนี้ก่อน แน่นอนว่าย่อมต้องยินดีให้ความร่วมมือในการรักษาเป็นแน่”

พระชายาเชียนเรียกสาวใช้ที่อยู่ข้างนอกเข้ามาทันทีโดยไม่แม้แต่จะคิด และมอบยาให้นาง จากนั้นก็กระซิบสั่งสองสามประโยคเบา ๆ

“เปลี่ยนน้ำซุปน่ะไม่ได้เปลี่ยนเครื่องยา มีแค่ถั่วลันเตาเหลืองที่เปลี่ยนลูกเล่นใหม่เท่านั้น ข้าเองก็เพราะได้ยินพี่สะใภ้รองพูดถึงจึงรีบไปทันที”

หัวใจของชิงฮวนสั่นไหวเล็กน้อย “พี่สะใภ้รองก็ชอบไปโรงน้ำชาแห่งนี้ด้วยหรือ?”

พระชายาเชียนส่ายหน้า “สุขภาพร่างกายของพี่สะใภ้รองท่านเองก็ใช่ว่าจะไม่รู้ เรื่องอาหารการกินพิถีพิถันอย่างมาก ทางพี่รองก็ทนไม่ได้ที่นางจะต้องไปกินของที่ไม่สะอาดของร้านชาเหล่านี้ นางยังแนะนำข้าให้กินน้อย ๆ หน่อยด้วย แต่ว่านางก็รู้ดีว่าข้าเป็นคนตะกละ พอมีขนมมาใหม่ก็ไม่ลืมที่จะแจ้งให้ข้าทราบ”

หลังจากนั้นชิงฮวนก็มักจะเหม่อลอย จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวตลอดเวลา

เธอกำลังคิดว่าคำพูดจาของพระชายาเชียนแท้จริงแล้วเป็นเรื่องจริงหรือกำลังโกหกกันแน่? หรือว่านางจะรู้แล้วว่าตัวเองกำลังหยั่งเชิงอยู่ จึงจงใจเบี่ยงเบนความสงสัยของตัวเองอย่างงั้นหรือ?

และเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับพระชายาเฮ่าหรือไม่?

จริง ๆ แล้วนี่เป็นแค่การทำตามความชอบของผู้อื่น หรือว่าจงใจทำเช่นนี้กันแน่น่ะ?

“พี่สะใภ้สาม พี่สะใภ้สาม?”

พระชายาเชียนเห็นว่านางใจลอยจึงเรียกขานขึ้นมาสองครั้ง “กำลังคิดอะไรอยู่หรือเจ้าค่ะ?”

ชิงฮวนค่อย ๆ เรียกสติกลับคืนมา “คาดว่าใช้เวลาไม่นาน ยาที่น้องห้ากินเข้าไปน่าจะออกฤทธิ์แล้วล่ะ”

เธอจึงลุกขึ้นยืนและกล่าวลา “อีกสักครู่ท่านสามารถเอ่ยถามกับน้องห้าตรง ๆ ได้เลยว่าหลังจากที่เขากินยาเข้าไปแล้วรู้สึกว่ากล้ามเนื้อและจิตใจดูผ่อนคลายลงเล็กน้อยใช่หรือไม่ ถ้าหากเขารู้สึกถึงผลลัพธ์ของยา และยินดีให้ข้ารักษาเขาล่ะก็ ก็ให้เขามาหาข้าที่จวนอ๋องฉีได้ทุกเมื่อ”

พระชายาเชียนพูดขอบคุณครั้งแล้วครั้งเล่า และออกไปส่งชิงฮวนนอกเรือนด้วยความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความหวัง เพื่อออกจากจวนไปพร้อมกับมู่หรงฉี

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา