ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 775

สรุปบท ตอนที่ 775 หลอกถามอ้อมๆ: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา

อ่านสรุป ตอนที่ 775 หลอกถามอ้อมๆ จาก ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา โดย เฉลิมพล

บทที่ ตอนที่ 775 หลอกถามอ้อมๆ คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายนิยาย โรแมนติค ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย เฉลิมพล อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

พระสนมหลินเฟยอีกแล้วงั้นรึ!

ดวงตาของชิงฮวนหรี่ลง “นางรู้ได้อย่างไรเพคะ?”

“เมื่อก่อนตอนที่ข้ายังอยู่ในวังหลวง มีครั้งหนึ่งที่อาการกำเริบนางมาเห็นเข้าพอดี นาง...ข้าหมายถึงหรงกุ้ยเหรินคุกเข่าลงบนพื้นเพื่อขอขมากับสิ่งที่เกิด และได้อธิบายอาการป่วยของข้าให้นางฟัง นางใจกว้างมากไม่เพียงแต่จะไม่ได้ตำหนิข้าเท่านั้น แต่ยังพูดโน้มน้าวให้หรงกุ้ยเหรินเรียกหมอหลวงมาวินิจฉัยอาการให้ข้าด้วย”

จากที่ชิงฮวนได้ยินสิ่งอ๋องเชียนพูดก็รู้ได้เลยว่าความรู้สึกที่เขามีต่อพระสนมหลินเฟยมีแต่ความรู้สึกขอบคุณและความรู้สึกดี ๆ ให้

ในความทรงจำของชิงฮวน พระสนมหลินเฟยเป็นคนเฉยเมยและชอบความสงบ ค่อนข้างแยกตัวจากโลกภายนอก ละทางโลกอย่างมาก แม้จะอยู่ในตำแหน่งสนมแต่ก็ไม่เคยทำตัวเย่อหยิ่งเพราะเป็นที่โปรดปรานเลย ไม่ได้สนิทสนมกับใครในวังหลวงและไม่เคยล่วงเกินใคร

นอกเสียจากงานพระศพของไทเฮาในตอนนั้นที่นางเป็นฝ่ายเสนอตัวไปเฝ้าสุสานหลวง ตัวเองไม่ค่อยมีภาพความทรงจำอะไรในตัวพระนางเลย

แต่ว่าในช่วงนี้กลับมีเงื่อนงำที่บ่งชี้ไปยังพระสนมหลินเฟยอย่างต่อเนื่องไม่หยุด ทำให้ชิงฮวนไม่สามารถเพิกเฉยต่อการมีตัวตนอยู่ของพระนางได้

ครั้งก่อนตอนที่เยี่ยนผินตกน้ำไป ก็เป็นพระสนมหลินเฟยที่เคยไปหาเยี่ยนผินเพื่อปลอบใจมาก่อนหน้านี้

ปมด้อยของอ๋องเชียนคืออะไร พระสนมหลินเฟยก็รู้ดีเช่นกัน

เรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับพระนางจริงหรือไม่?

ถ้าหากเป็นพระนางจริง เพราะเหตุใดนางถึงต้องการออกจากวังหลวงไป? ออกให้ห่างจากข้างกายตาเฒ่าฮ่องเต้? สุสานหลวงอยู่ไกลจากเมืองหลวงเล็กน้อย เกินกว่าที่อำนาจจะควบคุมได้ถึง และหลายสิ่งหลายอย่างก็อยู่นอกเหนือการควบคุมของนาง ข้อนี้และที่ชิงฮวนยังไม่สามารถเข้าใจได้

“ถ้าเช่นนั้นตอนนี้ท่านรู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง?”

“แม้ว่าทำแล้วจะรู้สึกเจ็บปวดมาก แต่ข้ารู้สึกว่าจิตใจผ่อนคลายขึ้นมาก เพราะยังไงเสียตอนที่ยังเด็กอาจจะทนไม่ได้ แต่พอตอนนี้มาเจออีกครั้ง ดูเหมือนว่าจะไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว กาลเวลาทำให้บาดแผลบางส่วนถูกเยียวยาจนหายเจ็บปวด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ข้าแต่งงานไปแล้ว ได้อยู่ห่างจากวังหลวงที่เสมือนกรงขังที่ทำให้คนหดหู่ใจนั่นได้ สามารถทำในสิ่งที่ตัวข้าชอบทำภายใต้การสนับสนุนของกงสี่ ข้ารู้สึกว่าข้าผ่อนคลายลงไม่น้อย”

ชิงฮวนนึกไม่ถึงว่าการสะกดจิตในครั้งนี้จะได้ผลกับอ๋องเชียนอย่างมาก หากเขาสามารถเผชิญหน้ากับหัวใจของตัวเองได้ ก็จะสามารถเอาชนะอุปสรรคนี้ไปได้

สำหรับนิสัยที่ชอบปิดกั้นตนเองที่ยังมีอยู่และความวิตกกังวลต่าง ๆ ที่มี เป็นอุปนิสัยที่สร้างขึ้นสะสมมานานหลายปีแล้ว ไม่สามารถทำให้หายได้ในชั่วข้ามคืน ต้องใช้เวลาที่ยาวนานและต้องคอยเปลี่ยนทีละนิดทีละน้อยโดยมีพระชายาเชียนค่อยอยู่เคียงข้างเขา

ชิงฮวนเขียนใบสั่งยาให้เขา บอกวิธีการกินยาให้และสิ่งต่าง ๆ ที่ต้องระวังในทุก ๆ วัน อ๋องเชียนค่อย ๆ ได้สติกลับมา และขอบคุณชิงฮวนจากใจจริง

เขาผ่อนคลายจิตใจลงได้ ขณะเดียวกันชิงฮวนเองก็โล่งอกไปเปลาะหนึ่งเช่นกัน

คาดไม่ถึงว่าเรื่องนี้จะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับอ๋องเชียน ถ้าเช่นนั้นก็ล้างข้อสงสัยในตัวหรงกุ้ยเหรินทั้งหมดลงได้ เป็นไปได้ไหมที่จะลองไปหาเบาะแสสักหน่อยจากทางหรงกุ้ยเหริน?

ในวังหลวง ณ สวนอุทยานหลวง

หรงกุ้ยเหรินแขวนนกฮวาเหมยไว้บนต้นไม้ จากนั้นก็หันกลับมาเห็นพระสนมฮุ่ยเฟย จึงรีบคุกเข่าก้มหัวทำความเคารพทันที

พระสนมฮุ่ยเฟยให้นางลุกขึ้น และก้าวไปข้างหน้าเพื่อหยอกล้อกับนกฮวาเหมย จากนั้นก็เอ่ยชมจากใจ “นกฮวาเหมยสวยงามมากเลย กรงนกนี้ก็ไม่เหมือนใครช่างพิเศษอย่างมาก เป็นของที่ฝ่าบาทเพิ่งพระราชทานเป็นรางวัลอันนั้นใช่หรือไม่?”

หรงกุ้ยเหรินรู้สึกประหม่าเล็กน้อย กวาดสายตาไปรอบ ๆ ตัวพระสนมฮุ่ยเฟยอย่างระมัดระวัง ภูมิหลังที่สูงเกินเอื้อมของพระสนมฮุ่ยเฟยทำให้นางละอายใจตัวเองเล็กน้อย และก็ไม่รู้ว่าคำถามที่พระสนมฮุ่ยเฟยอยู่ ๆ ก็ถามขึ้นมามีความนัยอะไรหรือไม่ กังวลว่าหากตัวเองเลือกใช้คำพูดผิด จึงพูดอย่างระมัดระวังตัว

“เรียนพระสนมกุ้ยเฟย นกฮวาเหมยตัวนี้คือนกที่ท่านอ๋องเชียนถวายให้ฝ่าบาท กรงนกอันนี้ก็เป็นเขาที่ทำการแกะสลักด้วยตัวเองออกมา ฝ่าบาทจึงพระราชทานสิ่งนี้ให้กับหม่อมฉันเพคะ”

เมื่อพูดถึงเรื่องชาติกำเนิด หรงกุ้ยเหรินก็รู้สึกอัดอั้นใจจนลุกลี้ลุกลน และก็เห็นด้วยกับคำพูดของพระสนมฮุ่ยเฟยอย่างมาก

“น่าเสียดาย ดูเหมือนว่าจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องชาติกำเนิด เหมือนว่าแม่นางคนนั้นก็มาจากตระกูลชนชั้นสูงเช่นกัน แต่น่าเสียดายที่พ่อของนางได้หมั้นหมายนางให้กับคนอื่นไว้แล้ว และยังได้รับอนุญาตกับไทเฮาแล้วด้วย แน่นอนว่าไทเฮาไม่สามารถกลับคำได้อย่างแน่นอน ผู้หญิงคนเดียวจะอนุญาตให้อภิเษกเข้าไปสองตระกูลได้ไง”

พระสนมฮุ่ยเฟยตั้งสติขึ้นมาทันที “ลืมไปแล้วว่า เมื่อก่อนเจ้าเคยเป็นคนสำคัญหน้าพระพักตร์ไทเฮา คอยปรนนิบัติอย่างใกล้ชิด แน่นอนว่าต้องรู้อยู่แล้วว่าหญิงสาวบ้านไหนที่โดดเด่นจนทำให้ไทเฮาพระราชทานงานอภิเษกให้”

หรงกุ้ยเหรินลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “วันนั้นไทเฮาทรงห้ามไม่ให้พวกหม่อมฉันเข้าไปปรนนิบัติข้างกาย ใครก็ห้ามเข้าใกล้ ได้ยินเพียงแค่ไทเฮาทรงพิโรธมากและโยนถ้วยชาลงพื้น หม่อมฉันอยากเข้าไปเก็บก็ถูกลู่กงกงห้ามเอาไว้

มองผ่านม่านก็เห็นท่านอ๋องรองคุกเข่าตรงหน้าไทเฮา พูดคำพูดอะไรสักอย่างประมาณว่าชั่วชีวิตชาตินี้หากไม่ได้ก็จะไม่แต่งงาน จากนั้นลู่กงกงก็ดุใส่และไล่ข้าออกไป

ต่อมาท่านอ๋องรองทรงคุกเข่าที่หน้าวังฉืออันไม่จากไปไหน ร้องไห้อ้อนวอนขอให้ไทเฮาให้ทรงเรียกรับสั่งที่พระราชทานออกไปกลับคืนมา พวกหม่อมฉันถึงได้รู้ว่าพระองค์กำลังขอร้องไทเฮาเรื่องการพระราชทานการอภิเษกสมรส”

พระสนมฮุ่ยเฟยขมวดคิ้วอย่างสงสัย “ไทเฮาทรงยกแม่นางคนนั้นให้อภิเษกกับคุณชายตระกูลใดหรือ? ถึงขนาดยอมให้ท่านอ๋องรองต้องทนรับความอยุติธรรมนี้และไม่ยอมให้สมปรารถนา?”

หรงกุ้ยเหรินส่ายศีรษะอีกครั้ง “ในปีนั้น ดูเหมือนว่าจะไม่เคยได้ยินว่าไทเฮาพระราชทานงานอภิเษกสมรสให้ลูกหลานตระกูลไหนเลยนะเพคะ เป็นไปได้ไหมว่าแค่ไม่ชอบเฉย ๆ รู้สึกว่าไม่เหมาะสมกับท่าอ๋องรองหรือเปล่า?”

“ในปีนั้นคือช่วงปีไหนงั้นหรือ?” พระสนมฮุ่ยเฟยใช้นิ้วนับ จำได้ค่อนข้างเลือนราง

“เป็นปีที่ฝ่าบาทขึ้นครองราชย์มาแล้วสองปี หม่อมฉันจำได้อย่างชัดเจน”

ไม่ถูกสิ พระสนมฮุ่ยเฟยขมวดคิ้ว หากเป็นตอนที่ฝ่าบาทขึ้นครองราชย์ในปีที่สอง ไทเฮากำลังยุ่งอยู่กับการเลือกสนมให้กับฮ่องเต้ เพื่อจะขยายวังหลังอยู่เลย ปรารถนาอย่างแรงกล้าให้สตรีผู้มีคุณธรรมและสง่างามทั้งหลายมาอยู่ไว้ในวังหลวง จะยอมให้ผลประโยชน์ตกไปอยู่ในมือคนอื่นได้ยังไง?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา