ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 776

ทันทีที่ชิงฮวนเข้าวัง พระสนมฮุ่ยเฟยก็เล่าผลลัพธ์ของการที่พระองค์ไปหยั่งเชิงกับหรงกุ้ยเหรินให้นางฟังอย่างละเอียดตั้งแต่ต้นจนจบ

เกี่ยวกับเรื่องซุบซิบนินทาของเสด็จลุงรอง เมื่อก่อนตอนที่อยู่ที่เหอตงมู่หรงฉีเคยเล่าให้ตัวเองฟังแล้ว แต่ว่าความขัดแย้งกันของคนรุ่นก่อน ๆ เป็นเพียงคำเล่าลือไม่มีมูล ซึ่งค่อนข้างแตกต่างจากข้อเท็จจริงที่มีอยู่

ชิงฮวนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ท่านแน่ใจหรือ?ว่าเป็นปีที่คัดเลือกสนม?”

“แน่นอนสิ ไทเฮาแทบทนรอไม่ไหวที่จะยัดคนจำนวนมากมายให้เสด็จพ่อของเจ้า เสด็จพ่อของเจ้าเป็นเหมือนปลากระดี่ได้น้ำ ตั้งแต่ตอนนั้นที่เริ่มแปรเปลี่ยนพระทัยไปเป็นอื่น ถ้าหรงกุ้ยเหรินไม่พูดถึงเรื่องนี้ ข้าก็คงลืมไปแล้ว”

ชิงฮวนไม่ได้สนใจคำครวญครางของพระสนมฮุ่ยเฟยและถามตรง ๆ ไปว่า “ครั้งนั้นมีการแต่งตั้งนางสนมไปทั้งหมดกี่คนหรือเพคะ?”

“นับแทบไม่ถ้วนเลยล่ะ” พระสนมฮุ่ยเฟยส่งเสียงฮึดฮัดด้วยความโกรธ “ถึงอย่างไรเสียตอนที่เข้าไปถวายความเคารพฮองเฮาในวันรุ่งขึ้น มีคนมากมายคุกเข่าเรียงรายเต็มตำหนัก ฮองเฮาถึงกลับกัดฟันและกระอักเลือด แต่ก็ไม่วายแสร้งทำเป็นคนมีคุณธรรมและความเอื้ออารี อีกทั้งยังมอบคทาหยกหยูอี้หนึ่งอันให้พระสนมหลินเฟยอีกด้วย

ส่วนข้าก็หันหน้าหนีแล้วจากออกไป ขี้เกียจจะมองหน้านางที่ทำเป็นเสแสร้งแกล้งทำ ตอนนั้นในสวนอุทยานหลวงยังได้พบกับเสด็จลุงรองของพวกเจ้าที่รีบควบม้ากลับมาจากทางใต้ พอมาถึงก็มุ่งตรงไปที่ตำหนักฉืออันเพื่อขอร้องไทเฮาให้พระราชทานงานแต่งงานให้เขา”

“ท่านบอกว่าพระสนมหลินเฟยก็เข้าวังในปีนั้นด้วยหรือเพคะ?”

“ไม่ใช่แค่นาง เสียนเฟยและสนมอาวุโสอื่นก็ได้รับการแต่งตั้งในปีนั้นเช่นกัน แต่เนื่องจากชาติกำเนิดของพระสนมหลินเฟยดี และยังได้รับการโปรดปรานจากเสด็จพ่อของเจ้า จึงได้รับการแต่งตั้งเป็นสนมเฟยเลย ซึ่งแตกต่างจากคนอื่น ๆ ที่ต้องไต่เต้าขึ้นมาทีละขั้น

นับดูแล้วข้าได้รับความโปรดปรานจากเสด็จพ่อของเจ้าที่จริงก็แค่สามปี จากนั้นเขาก็เปลี่ยนใจไป และหลังจากพระสนมหลินเฟยถวายตัวได้ไม่นาน นางก็ตั้งครรภ์เป็นอ๋องเฮ่า ตอนที่พระองค์ไม่มีใครถึงนึกขึ้นได้ว่าได้ทอดทิ้งข้าเป็นเวลานาน หากไม่ใช่เพราะว่าต่อมามีฉีเอ๋อร์ ชั่วชีวิตของข้าก็อ้างว้างน่าดู”

ในใจของชิงฮวนมีเรื่องที่ต้องคิดอยู่ ความรู้สึกปลงใจและเศร้าใจของพระสนมฮุ่ยเฟยในวัยแรกแย้มที่พูดมาต่อจากนี้ล้วนฟังไม่เข้าหัวเลยสักนิด

เธอกำลังคิดเรื่องอื่นอยู่

คงไม่ใช่ว่าในตอนนั้นคนที่แย่งชิงคนรักของเสด็จลุงรองไปจะเป็นตาเฒ่าฮ่องเต้จริง ๆ หรอกนะใช่ไหม?

ฮองไทเฮาถูกใจแม่นางคนนี้ให้ฮ่องเต้ และได้ออกพระราชโองการลงไป หลังจากนั้นเสด็จลุงรองก็ทราบข่าวจึงได้รีบวิ่งม้าเร็วข้ามคืนข้ามวันกลับมาเพื่อเข้าวังมาขัดพระราชโองการของไทเฮา

ผลปรากฏว่าไทเฮาลำเอียงเข้าข้างตาเฒ่าฮ่องเต้ หรือบางทีเพราะกังวลเรื่องอย่างอื่นจึงไม่ได้ตอบตกลง แต่กลับยัดเยียดแม่นางคนนี้เข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของลูกชายคนโตให้คอยอยู่ปรนนิบัติรับใช้ และก็ทำการพระราชทานงานอภิเษกอีกงานให้กับลูกชายคนรองของตัวเอง

สุดท้ายเพราะเรื่องนี้เป็นเหตุให้เสด็จลุงโกรธมาก จึงได้ต่อต้านตาเฒ่าฮ่องเต้ ท้ายที่สุดแล้วหญิงงามในใต้หล้าทั้งหมดก็ถูกตาเฒ่าครอบครองเอาไว้คนเดียวหมดเลย

วนไปวนมาก็กลับมาที่เดิมอีกครั้ง ผู้หญิงที่เสด็จลุงชอบยังคงวนเวียนอยู่ในวังหลวง

ตอนที่เสด็จป้ารองน้อยเนื้อต่ำใจก็เคยพูดจาแรง ๆ ออกมา บอกว่าเสด็จลุงรองกับผู้หญิงคนนั้นมีลูกนอกสมรสด้วยกัน จึงถูกไทเฮาตำหนิไปยกหนึ่ง ตั้งแต่นั้นมาเสด็จลุงรองก็ยอมฝืนใจรับเสด็จป้ารอง ตอนนี้พอมาคิด ๆ ดูแล้วเหมือนว่าท่านลุงจะถูกบีบบังคับอะไรสักอย่างทำให้ไม่เป็นตัวของตัวเอง

หากเป็นเช่นนี้จริง ๆ พระสนมหลินเฟยและเสียนเฟยก็มีโอกาสเป็นไปได้พอ ๆ กัน แต่พระสนมหลินเฟยน่าสงสัยมากที่สุด

นั้นก็หมายความว่าก่อนหน้านี้ที่ตัวเองตั้งข้อสงสัยต่าง ๆ นานาในตัวอ๋องเชียนก็ถูกล้มล้างจนหมดสิ้น ต้องเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง

เบาะแสอันแรกที่มีก็คือมีการใช้นกแก้วในการส่งจดหมายเพื่อดึงดูดสิงซ่างซูและพระชายาเชียนไปเจอกันที่จู่เฟิงไจ จากนั้นก็ใช้ชิงเจียวทำเป็นส่งผิดให้กับตัวเอง

จากเรื่องนี้จะเห็นได้ว่าชิงเจียวได้เปิดเผยตัวตนของตัวเองออกมาโดยไม่รู้ตัวแล้ว ดังนั้นข่าวกรองทั้งหมดที่ได้รับมาไม่สามารถเชื่อได้ แต่สิ่งนี้ก็สามารถทำให้ทราบได้ว่าคนผู้นี้ต้องสนิทกับพระชายาเชียน ไม่เพียงแต่จะรู้ว่าที่จวนของนางเลี้ยงนกหงส์หยกชนิดนี้อยู่ และยังคุ้นเคยกับนิสัยและงานอดิเรกของนางเป็นอย่างดีอีกด้วย

ยังมีอีกเบาะแสหนึ่งก็คือ เพราะอะไรวันนั้นพระชายาเชียนถึงได้บังเอิญไปอยู่คนเดียวที่ห้องรับรองพิเศษที่สิงซ่างซูเคยไปพอดีด้วย? จำได้ว่าเหมือนชิงเจียวจะเคยพูดว่าห้องรับรองพิเศษทั้งหมดในวันนั้นถูกจองเอาไว้หมดแล้ว

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ชิงฮวนก็ได้สติทันที หลังจากที่ออกจากวังก็เรียกเทียนซื่อทันทีและสั่งให้นางส่งคนไปที่จู่เฟิงไจเพื่อสอบถามว่าคนที่จองห้องรับรองพิเศษในวันนั้นเป็นใครมาจากไหน มีรูปพรรณสัณฐานเป็นอย่างไร

เมื่อเธอกลับมาถึงจวนอ๋องฉี เทียนซื่อก็ได้นำข่าวที่ไปสอบถามกลับมารายงาน

จากที่เสี่ยวเอ๋อร์เล่ามา ในเวลานั้นคนที่จองห้องรับรองพิเศษนั้นมีทั้งหมดสามคน พวกเขาได้เหมารวมห้องรับรองพิเศษทั้งหมดและยังจ่ายเงินมัดจำเอาไว้แล้วด้วย เป็นคนรวยที่ใจกว้าง เวลานั้นในโรงน้ำชาเหลือห้องว่างแค่เพียงสองห้องเท่านั้น ห้องหนึ่งก็คือห้องของเหลิ่งชิงเจียวและอีกห้องหนึ่งก็คือห้องของสิงซ่างซู หลังจากที่เหลิ่งชิงเจียวจากออกไปแล้ว ทั้งสามคนก็เดินตามหลังกันออกไป

ในบรรดาสามคนนั้น เสี่ยวเอ๋อร์ก็ไม่ได้เห็นใบหน้าของพวกเขาอย่างชัดเจนตั้งแต่มาจนจากออกไป แต่มีสิ่งเดียวที่สังเกตเห็นและจำได้ดีก็คือ เมื่อตอนที่คนที่เป็นหัวหน้าจะมอบเงินรางวัลให้ก็สังเกตเห็นว่าที่มือข้างหนึ่งที่นิ้วขาดไปหนึ่งนิ้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา