ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 79

ที่เรือนจื่อเถิง สาวรับใช้รีบวิ่งเข้ามาภายในห้องของเหลิ่งชิงหลาง ”ฮูหยินเจ้าคะ ฮูหยิน ท่านอ๋องกำลังมาที่นี่เจ้าค่ะ”

เหลิ่งชิงหลางที่กำลังนอนเอนกายอยู่บนตั่งก็ลุกพรวดขึ้นมา ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความดีใจ “ท่านอ๋องมาแล้ว? เร็ว รีบเอาน้ำมาล้างหน้าให้ข้า และเปลี่ยนชุดด้วย”

แม่จ้าวทำตามทันที นางหยิบผ้าไหมที่ทั้งบางและนุ่มลื่นออกมาจากหีบผ้า “ล้างหน้าทำไมกัน แต่งตัวราวกับจะเข้าวังอย่างนั้นแหละ ผู้ชายเห็นแล้วมันจะดูน่าสนใจที่ไหนกัน รีบเปลี่ยนเป็นกระโปรงชุดนี้เถอะเจ้าค่ะ”

เหลิ่งชิงหลางที่มือกำลังวุ่นวายทำนั่นนี่ก็ถอดกระโปรงที่ยับย่นออกแล้วแม่จ้าวก็เข้ามาล้อมเธอไว้ จากนั้นก็ส่งกระโปรงให้กับเด็กหญิงรับใช้ที่ยืนอยู่ด้านหลังเพื่อให้เธอเอาไปเก็บ จากนั้นก็ปรนนิบัติเหลิ่งชิงหลางเปลี่ยนชุดใหม่

แม้จะบอกว่าไม่ได้บางเหมือนกับปีกของจักจั่น แต่เมื่อสวมใส่แล้ว ภายใต้แสงเทียนก็ทำให้เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งวับๆ แวมๆ เต็มไปด้วยความยั่วยวน

เหลิ่งชิงหลางรู้สึกขัดเขินเล็กน้อย “บางเกินไป”

แม่จ้าวเอาปิ่นทองออกจากผมของเธอ ผมของเธอยาวสยายลงมา ทำให้เธอดูสบายๆ และอ่อนหวาน “นอนอยู่บนตั่งนี้นะเจ้าคะ ไม่ต้องลงที่พื้น”

มู่หรงฉีได้เดินอาดเข้ามาในเรือนจื่อเถิงแล้วและพาความโกรธมาด้วย ติงเซียงรีบเข้าไปทำความเคารพต่อเขา

“จือชิวล่ะ” มู่หรงฉีถาม

ติงเซียงชะงักไป จากนั้นก็ยกมือขึ้นชี้ไปทางห้องของจือชิว

มู่หรงฉีสาวเท้าเข้าไปและผลักประตูเข้าไปอย่างไม่ลังเล

จือชิวคิดไม่ถึงว่ามู่หรงฉีจะมาหาตนที่นี่ เธอลุกขึ้นทันทีและจัดเสื้อผ้าของตัวเองให้เรียบร้อยและทำตัวไม่ถูก

“ท่านอ๋อง?”

มู่หรงฉีหยุดฝีเท้าอยู่ที่หน้าห้องของจือชิวอยู่นานอย่างลังเลว่าจะเข้าไปหรือไม่เข้าไป ทำไมช่วงนี้เขาถึงได้สูญเสียความเยือกเย็นไปอยู่เรื่อยนะ ในขณะที่เขากำลังมีน้ำโหอยู่ เขาจะมาที่ห้องของผู้หญิงคนนี้ทำไมกัน

ผ่านไปนานจือชิวจึงได้สติกลับมาและรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจขึ้นทันที “เชิญท่านอ๋องเข้ามาเพคะ ที่ของบ่าวนั้นคับแคบ คงลำบากท่านอ๋องแล้ว”

ห้องถูกทำความสะอาดใหม่มาก่อนจึงสะอาดเรียบร้อย แม้แต่เตียงไม้แกะสลักและผ้าห่มเครื่องนอนล้วนเป็นของใหม่ เหลิ่งชิงหลางนั้นทำได้ดีในเรื่องนี้

มู่หรงฉียกขาก้าวเข้าไปด้านใน ประตูที่อยู่ด้านหลังเขาถูกปิดลงอย่างเงียบเชียบ

ติงเซียงเหลือบมองไปทางเรือนหลังหลัก เธอยกม่านแล้วเดินเข้าไปพร้อมกับรายงานอย่างระมัดระวังว่า “เรียนฮูหยิน ท่านอ๋องไปที่ห้องของจือชิวแล้วเจ้าค่ะ”

“อะไรนะ” เหลิ่งชิงหลางชะงักไป หัวใจของเธอดำดิ่งลงไป “นังจิ้งจอก!”

เธอลุกขึ้นจากตั่งแล้วพุ่งออกไปด้านนอก แต่ถูกแม้จ้าวเข้ามาห้ามเอาไว้ “ฮูหยินเจ้าคะ ท่านจะทำอะไรกันเจ้าคะ”

เหลิ่งชิงหลางพูดอย่างโกรธแค้นว่า “ข้าจะทำอะไรได้ล่ะ ข้าเป็นถึงเจ้านายแต่กลับยังไม่เคยได้รับความโปรดปรานสักครั้ง จะให้นังนั่นได้ไปก่อนข้างั้นหรือ งั้นหลังจากนี้ข้าจะมีที่ยืนในจวนอ๋องได้อย่างไร”

“ฮูหยินเข้าใจหลักตรงนี้ดี ท่านอ๋องจะไม่ทราบหรือเจ้าคะ”

เหลิ่งชิงหลางชะงักไป “แม่จ้าวหมายความว่าอย่างไร”

แม่จ้าวก้มหน้าลง “เกรงว่าท่านอ๋องจะรู้แล้ว และเข้าใจว่าเรื่องเมื่อวานเป็นความผิดของบ่าว นี่คงกำลังงอนฮูหยินอยู่ถึงได้จงใจทำแบบนี้ให้ท่านเห็น ถ้าหากท่านเข้าไปยุ่ง ท่านอ๋องจะต้องไม่พอใจแน่เจ้าค่ะ”

เหลิ่งชิงฮวนค่อยๆ ถอยกลับมา ใบหน้าของเธอห่อเหี่ยว “ถ้าเป็นแบบที่เจ้าพูด คงจะเป็นข้าที่แพ้แล้วล่ะ ที่ถูกเด็กนั่นเล่นงานเข้า”

แม่จ้าวยอมรับผิดอย่างผิดหวัง “ทั้งหมดเป็นเพราะบ่าวเลินเล่อเอง”

เหลิ่งชิงหลางไม่มีความที่อยากจะซักไซ้เอาความแล้ว เธอนั่งอยู่บนตั่งและเหม่อลอยอยู่นาน เธอรู้สึกว่าเหมือนไฟแผดเผาในใจ มันช่างผ่านไปได้ยากเย็นเหลือเกิน

เธอนิ่วหน้าถามแม่จ้าวว่า “ท่านอ๋องไปหรือยัง”

แม่จ้าวส่ายหน้า “ยังไม่ไปเจ้าค่ะ อีกอย่างเทียนดับหมดแล้ว”

เหลิ่งชิงหลางแทบจะเด้งผึงขึ้นมา “ข้าแต่งเข้าจวนอ๋องมาตั้งนานแล้ว ท่านอ๋องไม่เคยค้างที่ห้องข้าเลยด้วยซ้ำ แต่กลับอยู่ที่ห้องนังจิ้งจอกนั่น?”

เธอประคองลมหายใจของตัวเองอย่างรวดเร็ว “แม่จ้าว ข้าทนไม่ไหวแล้ว เจ้าไปเคาะประตูแล้วไปบอกว่าข้าหมดสติไป ข้าป่วย!”

แม่จ้าวยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม “ฮูหยินเจ้าคะ ทำแบบนี้ไม่เหมาะสมเจ้าค่ะ”

“นี่มันเวลาไหนกันแล้ว ยังจะมาสนเรื่องเหมาะสมไม่เหมาะสมอีกหรือไง ถ้าหากมู่หรงฉีไม่ลุกออกจากตัวของจือชิวละก็ วันนี้ข้าจะแขวนคอตัวเองในห้องนี่แหละ”

แม่จ้าวถอนหายใจ “ฮูหยินเจ้าคะ นี่มันเวรกรรมอะไรกัน มันจะไม่เป็นการดูแคลนตัวเองหรือเจ้าคะ”

เหลิ่งชิงหลางขบกรามแน่น ความอิจฉาและความเกลียดชังทำให้เธอขาดเหตุผล “ข้าให้เจ้าไป เจ้าก็ไปสิ! พูดพล่ามอะไรอยู่ได้!”

แม่จ้าวลังเลไปเล็กน้อยและไม่สามารถเอาชนะเธอได้จึงเปิดประตูห้องออกไป เหลิ่งชิงหลางอยู่ข้างหน้าต่างและกำลังเอียงหูไปฟัง

แม่จ้าวเดินมาถึงหน้าเรืองรอง นางก็เคาะประตูห้องอย่างระวัง แต่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับ เธอจึงเคาะต่อไป

มีเสียงของจือชิวดังลอดออกมา “ใคร?”

“ฮูหยินหมดสติไป จือชิว ยาที่ปกติฮูหยินกินเจ้าเอาไปวางไว้ที่ไหน”

รอที่หน้าประตูอยู่นานประตูก็ยังไม่เปิดออก ผ่านไปสักพักจือชิวจึงพูดขึ้นว่า “ท่านอ๋องบอกว่าไม่ให้กินยาส่งเดช แม่จ้าวไปเชิญหมอจากในจวนให้มาดูอาการเถิด”

แม่จ้าวไม่พูดอะไรแล้วหันหลังกลับ

เหลิ่งชิงหลางโมโหจนแทบร้องไห้ออกมา

“ทำไมเขาถึงทำกับข้าแบบนี้ แถมยังจงใจทำให้ข้าขายหน้าอีก ข้าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่ออะไร”

เธอร้องไห้ราวกับเด็กน้อยพร้อมกับพูดคร่ำครวญออกมา

ประตูห้องของจือชิวยังคงปิดอยู่

ต่อมาจนเมื่อถึงช่วงหลังเที่ยงคืนไปแล้ว มู่หรงฉีก็ยังไม่ไป เหลิ่งชิงหลางบ่นจนเหนื่อยและง่วงแล้ว เธอทนต่อไปไม่ไหวแล้วจริงๆ เธอจึงล้มตัวลงแล้วหลับไปทั้งน้ำตา

วันถัดมาเมื่อลืมตาขึ้น เธอก็มึนหัวอย่างหนัก หนังตาเองก็หนักและบวมเป่งออกมา

จือชิวกับแม่จ้าวต่างรออยู่ที่ด้านนอกห้อง เมื่อได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวภายในก็เข้ามา

จือชิวถือกะละมังใส่น้ำเข้ามา เธอเดินเข้ามาตัวสั่น ใบหน้ามีความอ่อนเพลีย เมื่อเห็นว่าเมื่อคืนเธอถูกทรมานมาจนเหนื่อย

เธอเอาผ้าชุบน้ำส่งให้กับเหลิ่งชิงหลาง “คุณหนูคะ เช็ดหน้าหน่อยเจ้าค่ะ”

คอเสื้อเลื่อนเปิดออกเล็กน้อย และมีร่องรอยที่เคยมีความสุขอยู่บนลำคอรำไร

เหลิ่งชิงหลางจ้องไปที่เธอราวกับงูพิษที่กำลังจ้องเหยื่อ “ท่านอ๋องไปแล้ว?”

จือชิวพยักหน้า “ไปแล้วเจ้าค่ะ”

“ไปเมื่อไร”

“ตอนใกล้ฟ้าสางเจ้าค่ะ”

“เหนื่อยไหม”

จือชิวลังเลเล็กน้อยก่อนจะค่อยบิปาก “เหนื่อยเจ้าค่ะ”

ผ้าชุบน้ำที่อยู่ในมือของเหลิ่งชิงหลางถูกโยนใส่หน้าของเธอ “ทำไมเจ้าถึงไม่เหนื่อยตายไปเสียล่ะ ไม่ได้เจอผู้ชายมาหลายชั่วโคตรหรือไง ดูท่าทางของเจ้าที่เหมือนผีดิบตอนนี้สิ จะเอาไปให้ใครดูกัน ยืนตรงหน้าข้ายืนได้ไม่มั่นงั้นหรือ ขาสองข้างจะสั่นทำไมล่ะ”

จือชิวไม่กล้าเถียง เธอเงียบขรึมโดยที่ไม่พูดอะไร

“ข้ายกเจ้าขึ้นมา เจ้ากลับลืมบุญคุณและมาปิดหูปิดตาข้า ทำไมข้าถึงมองไม่ออกถึงร่างปีศาจจิ้งจอกที่อยู่ในตัวเจ้าแต่แรกกันนะ”

เหลิ่งชิงหลางยังคงพูดด่าพล่ามต่อไปไม่หยุด เธอยิ่งด่าก็ยิ่งโกรธ เกลียดเสียแทบจะเข้าไปกรีดหน้าของเธอให้เละ แต่ว่าตอนนี้จือชิวเป็นคนของมู่หรงฉีแล้ว ถ้าเธอลงมือก็จะกระทบไปถึงคนอื่น ไม่ใช่ว่าไม่กล้าลงมือ อย่างเดียวที่เธอกลัวคือจะไปทำลายภาพลักษณ์ที่อยู่ในใจของมู่หรงฉี

เธอเรียกแม่จ้าวเข้ามา “ตอนนี้จือชิวเป็นคนของจวนอ๋องแล้ว มีกฎบางอย่างที่นางยังต้องได้รับการสั่งสอน เดิมทีเจ้าก็เป็นผู้ที่มีหน้ามีตาในจวนรองเสนาบดี ได้ยินมาว่าพวกพี่สาวน้องสาวนั้นก่อนที่จะออกเรือนก็ได้เจ้าเป็นคนสั่งสอนเรื่องกฎระเบียบต่างๆ ข้ายกจือชิวให้เจ้าแล้วกัน”

ยืมมีดฆ่าคน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา