ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 80

จือชิวคุกเข่าลง “ฟุบ” ตรงหน้าของเหลิ่งชิงหลาง “คุณหนูเจ้าคะ ต่อให้จือชิวเป็นคนของจวนอ๋อง แต่ก็เป็นบ่าวของท่านนะเจ้าคะ คุณหนูโปรดอภัยให้บ่าวสักครั้งนะเจ้าคะ”

เหลิ่งชิงหลางมองเธออย่างโกรธแค้น “เรื่องนี้ข้าทำเพื่อเจ้านะ นอกจากกฎระเบียบแล้วยังต้องเรียนรู้เรื่องวิธีการแย่งความโปรดปรานด้วย ให้ท่านอ๋องหลงจนโงหัวไม่ขึ้น สุดท้ายก็แทนที่ด้วยความสำเร็จของเจ้าไงล่ะ”

จือชิวตกตะลึง เธออ้อนวอนด้วยความหวาดกลัว “บ่าวไม่กล้าเจ้าค่ะ บ่าวไม่กล้าเลย คุณหนูเจ้าคะ บ่าวเพียงแค่อยากรับใช้ท่าน หลังจากนี้บ่าวจะไม่ไปเจอท่านอ๋องแล้วเจ้าค่ะ คุณหนูปล่อยบ่าวไปนะเจ้าคะ”

“ไม่เจอ?” เหลิ่งชิงหลางยิ้มเย็น “ใครจะเชื่อกันล่ะ นอกจาก นอกจากเจ้าจะทำลายใบหน้าของนังจิ้งจอกนั่นทิ้งไปเสีย!”

จือชิวนิ่งค้างไป

“ไปให้พ้น!”

แม่จ้าวเข้ามาดึงเธอไว้ “เจ้าอย่าอย่าได้มาให้ฮูหยินเห็นให้ไม่สบายใจอีก ไป ไป ไป ออกไปข้างนอกได้แล้ว”

นางทำแม้แต่ฉุดลากจือชิวออกไปด้านนอกแล้วแอบหยิกใต้ซี่โครงของเธอ

จือชิวสะบัดมือของเธอออกอย่างแรง แล้วถลึงตาใส่ด้วยความโกรธ “อย่านึกว่าข้าไม่รู้นะว่าที่ข้ามีวันนี้ได้ทั้งหมดเป็นเพราะท่านมอบให้ ทางที่ดีท่านอย่ามาบีบข้ามากเกินไปนัก ไม่อย่างนั้น แม่จ้าว เราสองคนใครจะตายก่อนก็ยังไม่แน่นะ”

แม่จ้าวหัวเราะเสียงเย็น “หึ หึ” ออกมา “บ่าวแก่เพียงแค่ทำตามคำสั่งของฮูหยิน หากแม่นางจือชิวมีตรงไหนไม่พอใจก็ให้ไปพูดกับเจ้านาย ข่มขู่บ่าวแก่ไปก็เท่านั้น เรื่องกฎระเบียบจะเรียนหรือไม่เรียน?”

จือชิวยกมือขึ้น เธอกัดฟันแน่นแล้วหยิกไปบนร่างของตัวเองสองครั้ง จากนั้นม้วนแขนเสื้อขึ้นก็เห้ฯเป็นรอยช้ำ “ข้าเรียนเจ้าค่ะ ย่อมต้องเรียน ถ้าหากว่าคืนนี้ท่านอ๋องมาอีกครั้งข้าจะให้ท่าอ๋องดูรอยช้ำพวกนี้อย่างพอใจ พอท่านถามขึ้นมา ข้าก็จะตอบว่าท่านเป็นคนมอบให้”

แม่จ้าวเหลือบตามองไปที่รอยช้ำเหล่านั้นและรู้สึกกลัวนิดหน่อย จือชิวลงมือกับเธอหนัก คนที่สามารถลงมือกับตัวเองได้หนักขนาดนี้นั้น ถ้าหากว่ามีความสามารถนั่นก็เป็นเพราะถูกบีบ

เธอจำยอมถอยให้ก้าวหนึ่ง “คุณหนูเองก็ทำเพื่อแม่นางจือชิว อย่างไรเสียกฎระเบียบในจวนอ๋องนั้นมีมาก เพื่อไมให้เจ้าล่วงเกินท่านอ๋องไปโดยที่ไม่รู้เรื่อง ข้าจะให้เจ้าเรียนคำสอนหญิงก่อนสองเล่ม”

จือชิวเมื่อเห็นก็รับเอาไว้ และร้องหึออกมาเสียงเย็นและเดินเซกลับห้องของตัวเองไป

แม่จ้าวพูดทิ้งท้ายอย่างโหดร้ายไว้ว่า “นังเด็กไมม่ซื่อสัตย์ ทำไม่เจ้าไม่เหนื่อยไปจนตายนะ”

เมื่อเหลิ่งชิงฮวนได้ยินเรื่องสนุกนี้เธอก็กำลังกินอาหารเช้าอยู่ โจ๊กวันนี้ใส่กุ้งกับไก่สับด้วย เธอรู้สึกคาวเล็กน้อย จึงกินไปได้สองคำก็ทำหน้าเหมือนจะอาเจียนอออกมา

เมื่อนับๆ ดูแล้ว เธอตั้งครรภ์มาเกือบสองเดือนแล้ว อาการแพ้ท้องยังหนักขนาดนี้ เด็กคนนี้เองก็ไม่รู้จะรักแม่ของตัวเอง ทำเป็นแต่การทรมาณ

แม่หวังเดินข้ามประตูมาก็มองเหลิ่งชิงฮวนด้วยความเป็นห่วง “คุณหนูช่วงนี้ท่านทานอะไรได้น้อยนะคะ อีกทั้งได้ยินเสียงท่านอาเจียนออกมาสองครั้งแล้ว จะให้ข้าไปตามหมอมาไหมเจ้าคะ”

โตวโตวเองก็ทำให้เธอสบายตัวขึ้น เธอเงยหน้าขึ้นแล้วพูดออกมาว่า “คุณหนูเองก็เป็นหมอ จะทำให้วุ่นวายทำไมกันเจ้าคะ”

เหลิ่งชิงฮวนดื่มน้ำล้างปาก เธอเหลือบมองแม่หวังและพูดเสียงเรียบว่า “ไม่ต้องหรอก อากาศร้อนท้องไส้เลยไม่ดีน่ะ”

ดวงตาของแม่หวังวาว เห็นได้ชัดว่าเธอเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง

แม่นมเตียวที่ยุ่งอยู่ในจวนก็พูดขึ้นว่า “ต้องโทษข้า ครั้งก่อนแม่นางโตวโตวเคยกำชับกับข้าแล้วว่าท่านกินขิงไม่ได้เพราะจทำให้ท้องไส้ปั่นป่วนได้ง่าย โจ๊กวันนี้ข้าใส่ขิงสับลงไปเพื่อดับคาว ครั้งหน้าบ่าวจะระวังนะเจ้าคะ”

เหลิ่งชิงฮวนชะงักไป แม่นมเตียวกำลังพูดไกล่เกลี่ยให้ตัวเอง มิน่าเล่าเธอจึงรู้มาแต่แรกแล้ว หรือว่ามู่หรงฉีจะเป็นคนกำชับกับเธอกันนะ

เธอเหลือบมองสีหน้าของแม่นมเตียวแวบหนึ่ง ใบหน้าของเธอยังคงดำคล้ำเหมือนเดิม เธอเข้ามาเก็บโจ๊กอาหารทะเลของเหลิ่งชิวฮวนไป “ข้าจะไปทำบะหมีมาให้พระชายาใหม่นะเพคะ”

ผ่านไปไม่นาน บะหมี่เส้นทำมือที่ถูกทำขึ้นใหม่ก็ถูกถือเข้ามา น้ำซุปใสขลุกขลิก แม้แต่ความคาวของน้ำมันก็ไม่มี เหลิ่งชิงฮวนลองชิมดูคำหนึ่งก็กลืนลงไปอย่างง่ายดาย ถูกปากเธอมาก

แม่นมเตียวนำชามบะหมี่ทิ้งไว้ตรงหน้าเธอแล้วเดินออกไป

เหลิ่งชิงฮวนเรียกเธอเอาไว้ “เจ้ารู้หมดแล้ว?”

แม่นมเตียวพยักหน้า “แม้ว่าพระชายาจะระวังตัวมากแล้ว แต่ว่าบ่าวนั้นมาจากวัง เคยรับใช้เหล่านางสนมที่เคยตั้งครรภ์และรับผิดชอบเรื่องอาหารการกินของท่าน สำหรับท่านแล้วเรื่องการหารควรต้องรัดระวังในทุกวัน รสชาติอาหารที่ท่านชอบรวมถึงปริมาณอาหารที่ท่านกินข้างเองก็รู้ดีเพคะ”

“เช่นนั้นเหตุใดเจ้าต้องช่วยปิดบังแทนข้า?”

“ท่านอ๋องรับสั่งมาว่าให้ดูแลพระชายาให้ดีเพคะ”

เหลิ่งชิงฮวนหัวเราะออกมาเบาๆ “เขาใจดีขนาดนี้เลยหรือ”

“บ่าวได้รับคำสั่งให้มาคอยจับตาดูพระชายาเพคะ แต่ท่านอ๋องเองก็มีรับสั่งมาว่าหากท่านมีอะไรผิดปกติก็ให้บ่าวไปถาม”

เหลิ่งชิงฮวนวางตะเกียบในมือลง แม้แต่น้ำซุปเธอก็ดื่มไปจนเกลี้ยง เธอเหยียดกายออกอย่างขี้เกียจและพูดพร้อมรอยยิ้มว่า “อร่อย ฝีมือเจ้าดีวันดีคืนเลยนะ”

แม่นมเตียวยิ้มจนตาหยีอย่างที่น้อยครั้งจะทำ “พระชายาอยากกินอะไรโปรดสั่งมา แม้ว่าบ่าวจะโง่ แต่บ่าวก็จะไปหัด”

เหลิ่งชิงฮวนพูด “ขอบคุณ” ออกมาอย่างจริงใจ

แม่นมเตียวเก็บชามและตะเกียบออกไป โตวโตวราวกับจิงโจ้ที่กระโดดเข้ามาในห้อง เธอกระโดดโลดเต้นเข้ามาในห้องเพื่อพูดเรื่องสนุกที่เพิ่งได้ยินมา

เมื่อได้ยินว่าเหลิ่งชิงหลางรำคาญจนโมโห จือชิวก็ถูกลงโทษ ชิงฮวนก็หัวเราะออกมา ในที่สุดการแสดงชั้นยอดก็เริ่มขึ้น ต่างฝ่ายต่างตีกันจนบาดเจ็บกันทั้งสองฝ่าย เพียงแต่น่าเสียดายที่เธอนั้นไม่ได้ดูละครฉากนี้ตอนที่มันกำลังออกอากาศ อีกทั้งการเล่าเรื่องของโตวโตวนั้นยังไม่ดีเลยจริงๆ

โตวโตวมองไปที่เหลิ่งชิงฮวนด้วยความประหลาดใจ เธอคิดว่าสิ่งที่คุณหนูของเธอสนใจนั้นทำไมไม่หมือนกับคนอื่น หรือว่าคุณหนูได้ยินทที่เธอพูดไม่ชัดกัน เมื่อคืนนี้ท่านอ๋องไปค้างที่ห้องของจือชิวนะ

ท่านอ๋องกับพระชายายังไม่เคยเข้าหอกันเลย แต่กลับไปนอนกับหญิงรับใช้ก่อน อีกทั้งได้ยินมาว่าผู้หญิงคนนั้นตื่นเช้ามาและออกเดิน ขาทั้งสองข้างของเธอก็สั่นไปหมด

ท่านอ๋องนั้นดุร้ายขนาดไหนกันนะ คุณหนูรอเองก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ คุณหนูของเธอกลับยังคงเฉยเมยอยูเหมือนเดิมแบบนี้

ถ้าหากว่าเธอรู้ว่าเมื่อคืนนี้มู่หรงฉีไปที่ห้องของจือชิวเพราะคุณหนูของเธอกระตุ้นละก็ เธอคงจะกระอักเลือดออกมา

หลังจากกินอาหารเช้าแล้ว ก็มีคนมาหาคือรัชทายาทเสิ่นแห่งจวนกั๋วกง

ไม่กี่วันมานี้เธอไม่ได้ไปเยี่ยมเหล่าไท่จวินที่จวนเลย เหลิ่งชิงฮวนเองก็รู้สึกเป็นกังวลนิดหน่อย เธอรีบเดินไปยังโถงรับแขก เสิ่นหลินเฟิงก็รีบเข้ามาอย่างหงุดหงิด เมื่อเห็นเธอก็ราวกับว่าเขาได้เห็นแสงแห่งความหวัง

“พี่สะใภ้ ท่านมาแล้ว”

แม้จะบอกว่าเสิ่นหลินเฟิงยังไม่เคยไปลงสนามรบ แต่ว่าอย่างไรเสียเขาก็เป็นคนที่เห็นโลกมามาก นิสัยไม่ได้ใจร้อนเหมือนกับมู่หรงฉี ทำไมวันนี้ถึงได้ดูร้อนรนกันนะ

“เป็นอะไรไป แต่ว่ามีเรื่องอะไรสำคัญหรือไง”

เสิ่นหลินเฟิงไม่พูดพล่ามเขาเปิดประเด็นอย่างตรงไปตรงมาว่า “มีเรื่องเกิดขึ้นจริง ไม่อย่างนั้นข้าคงไม่มารบกวนพี่สะใภ้ถึงที่นี่ ข้าพียงอยากจะถามท่านว่าท่านรักษาอาการบ้าได้ไหม คือได้รับการกระทบกระเทือนจิตใจอย่างกะทันกันเลยทำให้จิตไม่ปกติ แล้วพูดจาซี้ซั้วไปเรื่อยจำพวกนั้น”

เหลิ่งชิงฮวนขมวดคิ้วเล็กน้อย “ข้าเองก็ไม่แน่ใจ ต้องลองดูว่าเป็นโรคบ้าแบบไหน ถ้าหากว่ามีเรื่องมากระทบจิตใจจนทำให้ขาดเหตุผลไปอย่างกะทันหัน หรือถ้าหากมีอาการดีใจหรือตกใจจนเสียสติสามารถบรรเทาได้ มีโรคบ้าบางชนิดที่ต้องระบายความร้อนและระบายไฟออกมาหรือกดอาการทางประสาท อาจจะต้องใช้ยาและการพูดคุยเพื่อทำการรักษาในระยะยาว อีกทั้งบางครั้งอาจจะกลับมาเป็นอีกได้”

“ตามที่ท่านพูดคือยังมีโอกาสใช่หรือไม่” เสิ่นหลินเฟิงมีความยินดีขึ้นบนใบหน้าทันที เขามองเหลิ่งชิงฮวนอย่างคาดหวัง

เหลิ่งชิงฮวนไม่กล้าสรุป “เรื่องนี้นั้นขึ้นอยู่กับตัวบุคคล อีกทั้งข้าเองก็ไม่ได้ชำนาญ”

“เช่นนั้นพี่สะใภ้ช่วยไปกับข้าหน่อยได้ไหม” เสิ่นหลินเฟิงมองมาที่เธออย่างคาดหวัง

“ไปไหนน่ะ”

“หอคอยคนวิปลาส”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา