เมื่อยืนอยู่นอกห้องขังของฉีจิ่งอวิ๋น ชิงฮวนรู้สึกไม่สบายใจปนตื่นเต้น
เธอรู้สึกขอบคุณทุกคนที่ช่วยเหลือในยามยากลำบาก
แม้ว่าฉีจิ่งอวิ๋นจะเข้าหาเธอด้วยแรงจูงใจซ่อนเร้นบางอย่าง แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาได้ช่วยเหลือในเรื่องการเงินไว้มากมาย
ขอเพียงมีเงินมากพอ นั่นทำให้สามารถรับมือกับความยากลำบากที่ชีวิตมอบให้เราได้อย่างใจเย็น แม้ว่าจะหมดหวัง แต่ก็ยังมีความหวังที่จะมีชีวิตรอด
เธอยอมรับว่าฉีจิ่งอวิ๋นฉลาดและมีความสามารถมาก เขาไม่เพียงแต่มีหัวทางการค้าธุรกิจเท่านั้น แต่ยังมีความเป็นผู้นำและทักษะการออกคำสั่งที่โดดเด่นอีกด้วย หากเขาได้รับโอกาสในการแสดงศักยภาพได้มากขึ้น เขาอาจไม่ด้อยไปกว่าเสิ่นหลินเฟิงและมู่หรงฉีด้วยซ้ำไป
ผู้คุมหลินเปิดประตูห้องขังด้วยตัวเอง ก่อนจะเชิญชิงฮวนเข้าไปด้วยความเคารพ “เชิญขอรับ พระชายา”
คนที่นั่งหันหลังอยู่ข้างในหันหน้ากลับมาทันที ใบหน้าซูบผอมส่องแสงเจิดจ้าภายใต้แสงจ้า ดวงตาเปล่งประกายด้วยความสดใส ก่อนจะหันหน้าหนีเข้าหากำแพงโดยไม่พูดอะไร
เขานั่งตัวตรงราวกับกำลังรู้สึกประหม่าอย่างเห็นได้ชัด
ชิงฮวนถือกล่องอาหารไว้ในมือก้าวเข้าไปในประตูห้องขังพร้อมกับไล่ผู้คุมออกไป
เธอเดินเข้าไปข้างหลังของเขา จากนั้นเปิดกล่องอาหารและหยิบเนื้อตุ๋นพะโล้ที่เพิ่งซื้อมาวางข้างนอก ต่อด้วยเหล้าหนึ่งเหยือก
ห้องขังอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของเหล้าและเนื้อ ชวนให้น้ำลายสอ
“ข้ารู้ว่าเจ้าชอบกินอาหารของหอฝูเซิง แต่น่าเสียดายตอนนี้ดึกแล้วใกล้เวลาปิดร้าน ข้าจึงทำได้แค่เคาะประตูร้านอาหารใกล้ๆ แล้วซื้อเครื่องเคียงสองสามอย่าง” อีกฝ่ายลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันกลับมานั่งชันเข่า จากนั้นค่อยๆ ยกมือถอดหน้ากากออก
ชิงฮวนเงยหน้าขึ้น ทำให้เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยในความทรงจำ แม้ว่าเธอจะรู้จักตัวตนของเขาเมื่อนานมาแล้ว แต่ก็อดไม่ได้ที่จะตื่นเต้น
“ไม่คิดเลยว่าจะได้เจอเจ้าอีก เจ้าปิดบังพวกเราเสียแน่นหนา”
ฉีจิ่งอวิ๋นวางหน้ากากไว้ด้านข้างอย่างเงียบๆ “ข้าคิดว่าพวกท่านคงจะเกลียดข้า ข้าก็เลยไม่กล้าเผชิญหน้ากับพวกท่าน”
ชิงฮวนทำอะไรไม่ถูก ได้แต่นั่งลงบนเก้าอี้ที่ผู้คุมยกมาให้ “เจ้าไม่ได้ทำอะไรผิดกับพวกเราเสียหน่อย ทำไมพวกเราต้องเกลียดเจ้าด้วย”
ฉีจิ่งอวิ๋นลดสายตาลง คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันช้าๆ ขนตาหนาปกคลุมจนสร้างเงาใต้ดวงตาเล็กน้อย
“ข้าทำผิดต่อฉางอัน”
“ฉางอันไม่ใช่ครอบครัวของข้า เกี่ยวบ้าอะไรกับข้า”
คำพูดหยาบคายของเหลิ่งชิงฮวนทำให้ฉีจิ่งอวิ๋นที่กำลังเศร้าเมื่อครู่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ น้ำเสียงของเขาอ่อนลงกว่าเมื่อครู่
“ข้าเคยโกหกพวกท่านนะ”
“แต่เจ้าก็เคยช่วยเหลือและช่วยชีวิตข้าไว้เช่นกัน” ชิงฮวนพูดพลางเหล่มองขวดเหล้าที่พื้น “ข้ากำลังตั้งครรภ์จึงดื่มไม่ได้ เจ้าดื่มแทนแล้วกัน อาหารในคุกแย่มาก ข้าวฟ่างหยาบๆ พวกนั้นเกรงว่าเจ้าคงกลืนไม่ลงแน่”
ฉีจิ่งอวิ๋นหยิบเหล้าขึ้นมาดื่มอึกใหญ่ พร้อมกับถามอย่างติดตลก “เหล้าตัดหัว?”
ชิงฮวนส่งเสียงทำเสียงถ่มน้ำลายเบาๆ “เจ้าพูดอะไร ไม่เป็นมงคลเอาเสียเลย ดื่มเหล้าให้อิ่มท้องก่อน ข้ามีอะไรจะบอก”
ฉีจิ่งอวิ๋นมองดูเธอ จากนั้นเงยหน้าขึ้นและดื่มเหล้าโดยไม่ลังเล “ท่านอยากจะพูดอะไร”
“ฮ่องเต้ยินดีให้โอกาสเจ้ากลับตัวกลับใจ”
ฉีจิ่งอวิ๋นผงะไปชั่วขณะ พร้อมกับทำหน้าตาไม่เชื่อ “จริงหรือ”
ชิงฮวนพยักหน้า “ฮ่องเต้อยากจะมอบภารกิจอันยากยิ่งให้กับเจ้า หากทำสำเร็จ...พระองค์จะโทษให้เจ้าทันที แต่พระองค์ทรงตรัสไว้ว่าโทษประหารชีวิตสามารถให้อภัยได้ แต่ยากที่จะหลบหนี เจ้ามีสองทางเลือกเท่านั้น”
“หนทางไหน”
“ประการแรก เจ้าต้องบอกมาให้ชัดเจนว่าใครช่วยเจ้าออกจากคุกใต้ดินเมื่อห้าปีก่อน ฮ่องเต้ต้องการลงโทษอย่างรุนแรง”
ฉีจิ่งอวิ๋นนิ่งเงียบ ก่อนจะเปิดเปลือกตามอง “กล่าวคือเอาชีวิตของคนอื่นมาแลกกับโอกาสรอดชีวิตของข้า? ข้าคิดว่าตนเองคงทำอย่างนั้นไม่ได้ เมื่อห้าปีที่ก่อน แม้ว่าข้าจะใช้วิธีการที่น่ารังเกียจ แต่เขาช่วยชีวิตข้าเอาไว้และทำข้อตกลงกัน ข้าจะทรยศต่อเขาไม่ได้”
ชิงฮวนยิ้มเล็กน้อย “หากฮ่องเต้ไม่สามารถรับประกันความปลอดภัยของข้าได้ เจ้าคิดว่าข้าควรพาอวิ๋นเช่อไปที่ไหน”
ฉีจิ่งอวิ๋นนิ่งเงียบ ที่ชิงฮวนสามารถมายืนได้เช่นวันนี้และขอโอกาสต่างๆ แทนเขา นั่นแปลว่าฮ่องเต้สั่งคุมขังเพราะอยากจะปกป้อง
“หากภารกิจสำเร็จ ข้าจะกลับเข้าเมืองหลวงทันที”
ชิงฮวนพยักหน้า “” ดูเหมือนว่าทุกครั้งที่ข้าตกอยู่ในอันตราย เจ้าก็จะโผล่มาตลอด ข้าดีใจมากที่ได้รู้จักเพื่อนอย่างเจ้า ไม่สิ...พี่น้องอย่างเจ้า เจ้าจงไปที่หนานจ้าวอย่างสบายใจเถอะ ข้าจะส่งคนไปดูแลพ่อกับแม่เจ้าอย่างดี”
“ขอบคุณมาก”
ฉีจิ่งอวิ๋นหยิบเหล้าขึ้นมาดื่มเพื่อซ่อนความเศร้าบนใบหน้า
ผู้คุมหลินกระตุ้นด้วยเสียงต่ำนอกห้องขัง
ชิงฮวนรู้ว่าเธอควรออกไปจึงยืนขึ้น “อีกไม่นาน หลินเฟิงกับผู้คุมหลินจะเป็นคนจัดการให้เจ้าออกไปจากที่นี่และตรงไปยังหนานจ้าว ดังนั้นระวังตัวด้วย”
ฉีจิ่งอวิ๋นไม่ลุกขึ้น แต่หยิบนกหวีดไม้ไผ่ออกมาและส่งให้ชิงฮวน “ข้ามอบให้ท่าน”
ชิงฮวนถือมันไว้ในมืออย่างสงสัย “นี่คืออะไร”
ฉีจิ่งอวิ๋นยิ้ม “น่าเสียดายที่เป็นถึงผู้นำองครักษ์อินทรีคนปัจจุบัน แม้แต่สิ่งนี้ยังไม่รู้จักแล้วจะรับตำแหน่งนั้นได้อย่างไร”
ชิงฮวนผงะไปครู่หนึ่งก่อนจะเข้าใจในทันที เธอถือมันไว้ในมือด้วยรอยยิ้มและพูดอย่างสุภาพ “ขอบคุณมาก”
ก่อนจะออกจากห้องขังเธอหันกลับมาอีกครั้ง “ตัวข้ายังระลึกถึงบุญคุณที่เจ้าช่วยชีวิตไว้เสมอ”
เธอไม่รู้ว่าทำไมตนเองถึงพูดประโยคนั้นออกไป และเริ่มรู้สึกเสียใจหลังจากพูดจบ ทว่ากลับรู้สึกขัดแย้งในเวลาเดียวกัน ควรพูดออกไปนั้นถูกต้องแล้ว...
ฉีจิ่งอวิ๋นยังคงเงียบเช่นเดิม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา
แอดขาาาาาา หนีเที่ยวพอหรือยัง มาต่อให้จบบบบบบ...
แอดขาาาาาา 794 และ 797 ตกหล่นหายไปคะแอด ช่วยเก็บมาหน่อยคะ คิคถึงงงงงงงงงง...
แอดขาาาาาา ตอน794และ797 หายไปคะ แอดทำตกหล่นช่วยเก็บกลับมาหน่อยคะ...
อยากทราบว่ามีทั้งหมดกี่ตอนคะ....
หยุดนานแล้วนะคะ ผู้เขียน มีอัพเดทต่อไหมคะ...
ขอบคุณทุกๆๆคนนะคะที่มาบอก แต่พอให้เตรียมทิชชู่นี่ปวดตับ ปวดใจก่อนล่ะ...
อยากรู้จังว่าพระเอกรู้ความจริงว่าผู้หญิงในคืนนั้นเป็นนางเอกตอนไหนคะ ใครอ่านแล้วบอกหน่อยค่ะรบกวนสปอยหน่อยยย...
ขอบคุณนะคะที่หานิยายสนุกๆๆมาให้อ่าน จะรออ่านทุกวันค่ะ...
ขอบคุณมากๆค่ะที่อัพเดทต่อจะตั้งใจอ่านต่อไป...ตอนเรียนยังไม่ตั้งใจขนาดนี้🤗😘😄😅😊...
อย่าเท..กลางทาง..นะแอดนะ😁😁😁...