ฉีจิ่งอวิ๋นถูกปล่อยออกจากคุกใต้ดินในชั่วข้ามคืนและขี่ม้าเร็วออกจากเมืองหลวงไปยังหนานจ้าวอย่างเร่งรีบ
สถานการณ์ในฉางอันกำลังจะพลิกผัน เขาหวังว่าตนเองจะได้กลับจากหนานจ้าวไปต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับเสิ่นหลินเฟิงและเหลิ่งชิงฮวนที่ฉางอันให้เร็วที่สุด
ข่าวนักการทูตหนานจ้าวถูกคุมขังถูกรายงานกลับไปยังหนานจ้าวเมื่อนานมาแล้ว
กองทัพหนานจ้าวที่พักแรมอยู่ชายแดนฉางอันทำการรวมพลแลเคลื่อนทัพไปยังฉางอันทันที
สถานการณ์ในหนานจ้าวตอนนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก ฉีจิ่งอวิ๋นบอกกับเสิ่นหลินเฟิงว่าข้อพิพาทภายในหนานจ้าวทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ราชาหนานจ้าวแก่ชราจนไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ทั้งหมดได้อีกต่อไป
รวมทั้งการส่งทหารไปเมืองฉางอันก็ไม่ได้มาจากความตั้งใจราชาหนานจ้าวเช่นกัน เขาผู้ซึ่งรักบุตรชายของตนหวังให้ทั้งสองประเทศอยู่ร่วมกันอย่างสันติ
ทว่าข่าวการเสียชีวิตของ น่าจาอี๋นั่วได้แพร่กระจายกลับไปยังหนานจ้าว ทำให้ข่าวนั้นถูกใช้ปลุกระดมความโกรธของผู้คนมากมาย
ต้องบอกก่อนว่าน่าจาอี๋นั่วนั้นมีอิทธิพลอย่างมากในหนานจ้าว ทุกคนรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรมกับราชาหนานจ้าวภายใต้การโน้มนำของเสด็จลุง ประชาชนทำให้เรือลอยขึ้นได้ ก็ย่อมสามารถทำให้เรือจมลงได้เช่นกัน สังหารองค์หญิงด้วยความเข้าใจผิด ข่มขู่ขุนนาง ความรุนแรงที่ฉางอันกระทำทำให้ราชาหนานจ้าวต้องเปิดศึกการโจมตี เพื่อปลอบโยนความเศร้าโศกของผู้คนในประเทศ
เสด็จลุงหนานจ้าวใช้โอกาสนี้ยึดอำนาจทางทหาร แต่งตั้งคนสนิทของเขาเป็นแม่ทัพ ผู้ดูแลเสบียงอาหารและหญ้าต่างตกเป็นเป้าของเสด็จลุงหนานจ้าว
ฉางอันกำลังเผชิญกับปัญหาในมั่วเป่ย จึงส่งทหารและเหล่านายพลชนชั้นสูงทั้งหมดอย่างมู่หรงฉีกับแม่ทัพอวี๋ไปยังมั่วเป่ย ทำให้ฉางอันขาดทหารผู้มีฝีมือ หนานจ้าวจึงประเมินศัตรูต่ำไป
ราชาหนานจ้าวสั่งให้น่าเยี่ยไป๋ดูแลกองทัพและอำนาจทางทหาร ถือเป็นการสร้างคุณูปการและบารมีในกองทัพฐานรากของประชาชน
น่าเยี่ยไป๋ที่อยู่ในสงครามก่อน เขากลัวมู่หรงฉีจนแทบหมดสติ เอาแต่โหยหาเสื้อผ้าและอาหารชั้นดีของราชสำนัก มีสาวใช้หน้าตางดงามอยู่ข้างกาย เขาปฏิเสธที่จะออกไปร่วมรบโดยอ้างเหตุผลว่าป่วย ราชาหนานจ้าวจึงด่าทอด้วยความโกรธว่า “เสียแรงที่ชุบเลี้ยงมา”
เมื่อฉางอันได้รับข่าว ทุกคนในราชสำนักจึงถกเถียงกัน ต่างพากันเดาว่าฮ่องเต้จะส่งใครไปร่วมรบ
จวนกั๋วกงซึ่งห่างหายจากสนามรบไปนาน เอาแต่ปฏิบัติหน้าที่ของตนเองจนไม่สนใจสงครามอีกต่อไป
แม้ว่าจะมีนายพลหลายคน แต่ก็มีน้อยคนนักที่จะยืนหยัดได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาได้ยินว่าคนของหนานจ้าวเก่งเรื่องการใช้กู่พิษ และอาจนำมาใช้ในยามศึกสงคราม ทุกคนจึงพากับเงียบนิ่ง
ความฉลาดเฉลียวของมู่หรงฉีนั้นสะดุดตาเสียจนบดบังคนอื่นๆ ดังนั้นในระหว่างที่บางคนกำลังเตรียมพร้อมและบางคนกำลังล่าถอยในช่วงศึกสงคราม ทุกคนต่างคาดเดาว่าจักรพรรดิกำลังคิดอะไรอยู่
สายตาเคร่งขรึมของชายชราค่อยๆ กวาดไปยังฝูงชนพร้อมกับชี้ไปที่คนผู้หนึ่ง
ทั้งราชสำนักพากันตกตะลึง
เนื่องจากคนที่ฮ่องเต้เลือกนั้นอยู่เหนือความคาดหมาย
อ๋องเซวียน
กล่าวได้ว่ามีองค์ชายหลายพระองค์ที่เก่งในด้านวรรณกรรมและศิลปะการต่อสู้ พวกเขารู้ทักษะการใช้ม้า ทั้งยังคุ้นเคยกับบทกวี หนังสือและศิลปะแห่งสงคราม ทว่าอ๋องเซวียนนั้นกลับไม่รู้เรื่องอะไรทำนองนี้เลย
เขาเคยอ่านเพียงทฤษฎีในกระดาษ แต่กลับส่งเขาออกไปรบ?
ทุกคนจ้องมองอ๋องเซวียนเป็นตาเดียวกัน
ดูเหมือนว่าเขาจะตกใจอยู่บ้างเช่นกัน
ก่อนจะน้อมรับคำสั่งด้วยน้ำเสียงที่ดังอย่างยินดี
เหล่าข้าราชบริพารต่างพากันกระซิบว่าฮ่องเต้กำลังพยายามส่งเสริมอ๋องเซวียนหรือไม่ พระองค์ทรงเลอะเลือนไปแล้วหรือเปล่า
ชิงฮวนไม่ได้สนใจ เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงดาวในนั้นส่องแสงระยิบระยับ จากนั้นจึงยกมุมริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยและโบกมืออย่างเกียจคร้าน “วางไว้บนโต๊ะ ข้าจะกินภายหลัง”
ผู้คุมลดศีรษะลง วางถาดลงเบาๆ แล้วหันกลับมา “ช่างน่าโมโหเสียจริง เมื่อเห็นการปฏิบัติที่พระชายาฉีอ๋องได้รับในคุก ข้าก็อดคิดถึงการทรมานอย่างไร้มนุษยธรรมที่ข้าต้องทนในตอนนั้นไม่ได้ ช่างต่างกันราวฟ้ากับเหว” เสียงนั้นดูคุ้นเคยเป็นอย่างมาก!
ชิงฮวนเงยหน้าขึ้นทันที แม้ว่าคนที่อยู่ตรงหน้าจะแต่งตัวเหมือนผู้คุม แต่นางตัวเล็กและมีดวงตาที่สดใส เห็นได้ชัดว่านางต้องเป็นหญิงสาวที่ไม่ยอมใครอย่างแน่นอน
คนคุ้นเคยนี่เอง
พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มา ในที่สุดเจ้าก็มาได้เสียที
เธอยืนขึ้นและเดินไปที่โต๊ะ “น่าโกรธตรงไหนกัน ไร้ซึ่งอิสระเหมือนกันไม่ใช่เหรอ ข้าต้องทนลำบากอยู่ในตารองห้องสี่เหลี่ยมเช่นนี้”
น่าจาอี๋นั่วยิ้มประชดประชัน “ท่านสามารถเจอข้าได้เพียงคำสั่งเดียว ยังกล้าบอกว่าตนเองลำบากอีก ข้าวางแผนมาเป็นอย่างดี แต่ไม่คิดว่ายังจะตกหลุมพรางของท่าน ทำเพื่อผู้อื่นแต่กลับเป็นฝ่ายเดือดร้อนแท้ๆ”
“องค์หญิงอี๋นัวพูดเกินไป นี่ถือเป็นเรื่องดีสำหรับเจ้าและข้า”
อี๋นั่วเหล่ตามองไปที่เธอ “ข้าไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนน่ากลัว น่ารังเกียจและไร้ยางอายเท่าท่านอีกแล้ว เหลิ่งชิงฮวน ท่านใช้ประโยชน์จากคนอื่นได้ดีเยี่ยม ไม่คิดเลยว่าที่ผ่านมาข้าคิดว่าตนเองฉลาดที่สุด แต่นั่นเป็นเพียงการคิดไปเองเท่านั้น” ชิงฮวนรู้สึกว่าตนเองควรเจียมตัวมากกว่านี้ เพื่อที่อีกฝ่ายจะได้ไม่โกรธอีก “องค์หญิงอี๋นั่วชมกันมากเกินไป ผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือฮ่องเต้ที่ข้าเคารพต่างหาก องค์หญิงอี๋นั่วได้บรรลุข้อตกลงอย่างมีความสุขกับเสด็จพ่อแล้ว”
อี๋นั่วเยาะเย้ย “นี่เรียกว่าข้อตกลงหรือ มีโอกาสให้ข้าถอยกลับหรือไม่”
เหลิ่งชิงฮวนลูบจมูกตัวเองเบาๆ “ฟังความคับข้องใจของแบบนี้ ข้าไม่ควรจะกินอาหารบนโต๊ะนั้นสินะ เพราะเจ้าอาจวางยาพิษข้าได้”
น่าจาอี๋นั่วตอบกลับ “วิชาไสยศาสตร์กู่อันทรงพลังของหญิงสาวคนนั้นยังทำอะไรท่านไม่ได้ นับประสาอะไรกับความสามารถอันน้อยนิดของข้า”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา
แอดขาาาาาา หนีเที่ยวพอหรือยัง มาต่อให้จบบบบบบ...
แอดขาาาาาา 794 และ 797 ตกหล่นหายไปคะแอด ช่วยเก็บมาหน่อยคะ คิคถึงงงงงงงงงง...
แอดขาาาาาา ตอน794และ797 หายไปคะ แอดทำตกหล่นช่วยเก็บกลับมาหน่อยคะ...
อยากทราบว่ามีทั้งหมดกี่ตอนคะ....
หยุดนานแล้วนะคะ ผู้เขียน มีอัพเดทต่อไหมคะ...
ขอบคุณทุกๆๆคนนะคะที่มาบอก แต่พอให้เตรียมทิชชู่นี่ปวดตับ ปวดใจก่อนล่ะ...
อยากรู้จังว่าพระเอกรู้ความจริงว่าผู้หญิงในคืนนั้นเป็นนางเอกตอนไหนคะ ใครอ่านแล้วบอกหน่อยค่ะรบกวนสปอยหน่อยยย...
ขอบคุณนะคะที่หานิยายสนุกๆๆมาให้อ่าน จะรออ่านทุกวันค่ะ...
ขอบคุณมากๆค่ะที่อัพเดทต่อจะตั้งใจอ่านต่อไป...ตอนเรียนยังไม่ตั้งใจขนาดนี้🤗😘😄😅😊...
อย่าเท..กลางทาง..นะแอดนะ😁😁😁...