ในวันเดียวกันนั้น กองทัพที่นำโดยอ๋องเซวียนออกเดินทางอย่างยิ่งใหญ่
นักพรตเต๋าเทียนอีนั่งอยู่ในรถม้าซึ่งทำให้บรรยากาศดูค่อนข้างอึมครึมมากขึ้น
บรรดาทหารชั้นสูงหลายคนต่างกันคิดว่าฮ่องเต้เลอะเลือน ส่งอ๋องเซวียนผู้ซึ่งไม่มีความรู้นำทัพกองทหารไปยังหนานจ้าว โดยไม่รู้เลยว่าเบื้องหลังมีผู้ช่วยเหลือถึงสองคน
หนึ่งคือฉีจิ่งอวิ๋นผู้ซึ่งมีอำนาจแทรกซึมเข้าไปในหนานจ้าว
ความสำเร็จของฉีจิ่งอวิ๋นในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเป็นที่ประจักษ์แก่ทุกคน แม้แต่ฮ่องเต้ยังแสดงความชื่นชมเช่นกัน ครั้งนี้เขาถูกละเว้นโทษและได้โอกาสแก้ตัวใหม่อีกครั้ง
ใครก็ตามที่มีสายตาเฉียบแหลมสามารถมองสถานการณ์ในหนานจ้าวออก เสด็จลุงหนานจ้าวผู้ยุยงให้เกิดสงครามครั้งนี้จะใช้ประโยชน์ในการลงมืออย่างแน่นอน
ฉีจิ่งอวิ๋นเดินทางไปยังหนานจ้าว เพื่อปฏิบัติตามพระราชกฤษฎีกาลับของฮ่องเต้ ทำให้สถานการณ์ในหนานจ้าวแย่ลง การต่อสู้ภายในทวีความรุนแรงและวุ่นวายมากขึ้น
กองทัพหนานจ้าวที่กำลังขาดขวัญกำลังใจ ประกอบกับปัญหาภายใน ทำให้ความน่าจะเป็นที่อ๋องเซวียนประสบความสำเร็จในการรบนั้นเพิ่มมากขึ้นอีกครึ่งหนึ่ง
ยิ่งไปกว่านั้น เขายังมีผู้คุ้นเคยกับหนานจ้าวและกุมความลับภายใน ทั้งยังรู้จักคู่ต่อสู้เป็นอย่างดีอย่างน่าจาอี๋นั่ว
หลังจากน่าจาอี๋นั่วปลอมตัว นางได้ซ่อนตัวอยู่ในกองกำลังที่เดินทางไปหนานจ้าวพร้อมกับอ๋องเซวียนและนักพรตเต๋าเทียนอี เพื่อสร้างความประหลาดใจครั้งใหญ่ให้กับชาวหนานจ้าวที่ใช้สิ่งนี้เป็นข้ออ้างในการเริ่มสงคราม
ตราบเท่าที่มนุษย์ยังมีความปรารถนา พวกเขาจะถูกนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์
ความปรารถนาและความทะเยอทะยานของน่าจาอี๋นั่วไม่เคยหยุดนิ่ง และทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นด้วยการกดขี่ที่นางต้องเผชิญ แต่สถานการณ์ปัจจุบันไม่เอื้ออำนวยกับนางมากนัก มันกดดันมากเสียจนหายใจไม่ออก
ฮ่องเต้ใช้ประโยชน์ข้อนี้จากนาง หากนางต้องการจะพลิกสถานการณ์ให้ตนเองกลับมาได้เปรียบอีกครั้งนั่นจำเป็นต้องพึ่งพาฉางอันฮ่องเต้ได้วางแผนนี้ไว้ก่อนที่น่าเยี่ยไป๋จะกลับไปยังหนานจ้าว และให้สัญญาว่าจะประทานน่าจาอี๋นั่วให้กับอ๋องเซวียนในฐานะพระสนม
น่าจาอี๋นั่วเป็นเด็กเกเร อ๋องเซวียนอาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนาง ทว่านักพรตเต๋าเทียนอีสามารถควบคุมดูแลน่าจาอี๋นั่วและให้คำแนะนำแก่อ๋องเซวียนได้อย่างเหมาะสมมากที่สุด
หมากเกมนี้ของฮ่องเต้ไม่ได้มีเพียงเท่านี้ ผู้ซึ่งแอบเยาะเย้ยการกระทำของเขาลับหลังจะถูกจับตาดูอย่างใกล้ชิด เมื่อสถานการณ์โดยรวมดีขึ้น เขาจะต้องคิดบัญชีรายคนอย่างแน่นอน
ชิงฮวนเชื่อว่าด้วยความช่วยเหลือของฉีจิ่งอวิ๋นและอ๋องเซวียน จะทำให้สามารถประสบความสำเร็จได้อย่างราบรื่น
ทุกอย่างเป็นไปตามคาด การสู้รบระหว่างหนานจ้าวและมั่วเป่ย ทำให้ระดมกำลังทหารมากกว่าครึ่งของฉางอัน เมืองหลวงจึงกลายเป็นเมืองว่างเปล่า
มีใครบางคนเริ่มเคลื่อนไหว ส่วนฮ่องเต้นั้นได้วางตาข่ายรอไว้อยู่แล้ว
รายงานการต่อสู้ของมั่วเป่ยไปถึงฉางอัน การสู้รบในมั่วเป่ยค่อยๆ เข้าสู่สถานการณ์ยากลำบากและรุนแรงอย่างถึงที่สุด
กองทัพที่นำโดยมู่หรงฉีเป็นเหมือนเสือที่ดุร้าย กล้าหาญและไม่เกรงกลัวสิ่งใด พวกเขาสามารถเอาชนะชาวมั่วเป่ยได้อย่างต่อเนื่อง ข่าวที่น่ายินดีทำให้ฉางอันมีขวัญกำลังใจที่ดีขึ้น
ฮ่องเต้รู้พึงพอใจเป็นอย่างมาก ตลอดหลายปีที่ผ่านมาฉางอันเจริญรุ่งเรืองและมั่งคั่ง
มั่วเป่ยกล้าที่จะบุกฉางอันอย่างกะทันหัน นั่นทำให้ฉางอันไม่เพียงแต่ต้องการจะตบหน้าพวกเขาเท่านั้น แต่ยังต้องการมุ่งตรงไปที่ราชสำนักมั่วเป่ยและทำการครอบงำเมืองนั้นอีกด้วย
ร้านอาหารต้องการใช้ประโยชน์จากช่วงนอกฤดูกาลทำงานล่วงเวลา ซ่อมแซมให้เสร็จเร็วขึ้น โดยไม่เลื่อนการเปิดเพื่อรับรองลูกค้า เดิมทีพวกเขาตกลงกันอย่างดี แต่จู่ๆ หัวหน้าคนงานก็เปลี่ยนใจ
นายช่างซึ่งวางแผนไว้นานแล้วจึงจัดการแผนงานต่อไม่ได้
“ขอบอกตามตรง ระยะเวลาการจวนท่านอ๋องเฮ่าในตอนแรกไม่กระชั้นชิดมากไป ข้าส่งคนงานไปได้อีกสองสามคนจึงยอมรับปาก แต่เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา หัวหน้าเพิ่งมอบหมายงานใหญ่ให้ข้า ดังนั้นข้าจะต้องรีบไปจัดการ ข้าต้องไปทำความสะอาดและสร้างอาคารที่ถูกเผาไหม้ขึ้นใหม่ ตอนนี้จัดการซากปรักหักเสร็จแล้ว จำเป็นต้องเริ่มงานทันที ดังนั้นข้าขอเลื่อนงานของท่านออกไปก่อน”
เจ้าของร้านแสดงท่าทีไม่ยอม “แบบนี้ไม่ถูกต้อง! เจ้ารับปากแล้ว เราตกลงกันไว้ล่วงหน้าแล้ว ทำไมจู่ๆ ถึงมาเปลี่ยนใจ เจ้าทำแบบนี้แล้วอนาคตจะร่วมงานกันต่อไปได้อย่างไร”
หัวหน้าคนงานไม่ต้องการสูญเสียลูกค้ารายนี้ ดังนั้นเขาจึงอธิบายอย่างอดทน “จวนอ๋องเฮ่ามีอำนาจมาก ข้าจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร ข้าได้ยินมาว่าพระสนมของอ๋องเฮ่าบ้าคลั่งมาก ไม่อย่างนั้นนางจะเผาเรือนไปทำไม อ๋องเฮ่าโกรธมาก ข้าไม่กล้าทำให้เขาขุ่นเคือง ข้ายอมไม่รับเงินจากที่นี่แต่ขอรักษาอาชีพตัวเองไว้ดีกว่า”
เหลิ่งชิงเจียวตะลึงงัน จากนั้นจึงหันหน้ากลับมา เมื่อครู่ข้าได้ยินชัดเต็มๆ สองหู จวนอ๋องเฮ่าจะมีพระสนมกี่คนกัน หากไม่ใช่เหลิ่งชิงเหยา? แล้วนางเป็นคนจุดไฟเผาเรือนงั้นหรือ
เขาลุกขึ้นเดินไปหาหัวหน้าคนงานแล้วถามทันทีว่า “เมื่อครู่เจ้าว่าอะไร ใครเป็นคนจุดไฟเผาเรื่องในสวนหนานหู”
เมื่อหัวหน้าคนงานมองเด็กหนุ่มที่สง่างามตรงหน้าไม่สามารถเพิกเฉยได้ ดังนั้นจึงพูดอย่างสุภาพ “ข้าเองก้ได้ยินคนรับใช้ของจวนอ๋องเฮ่าพูดมาอีกที ไม่แน่ใจว่าจริงหรือไม่”
เหลิ่งชิงฮวนไม่ยอมปล่อยมือและถามต่อไปว่า “คนรับใช้พูดว่าอะไร เจ้าบอกข้ามาตามตรง”
เมื่อได้ยินน้ำเสียงและสรรพนามแทนตัวเอง เขาจึงพิจารณาอย่างถี่ถ้วนก่อนจะตอบว่า “พวกนางบอกว่าพระสนมในจวนอ๋องเฮ่าคงจะเสียสติไปแล้ว นางคิดอยู่ตลอดว่าจะมีคนมาทำร้ายจึงจุดไฟเผาเรือน และกล่าวหาว่าหมอวางยาฆ่านาง อ๋องเฮ่าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากส่งนางไปที่หมู่บ้านห่างไกล ข้าแค่ได้ยินพวกคนรับใช้พูดกัน แต่พวกนางพูดอย่างจริงจังมากเลยทีเดียว”
เหลิ่งชิงเจียวหวนนึกถึงครั้งก่อนที่เขาไปจวนอ๋องเฮ่า เขาแอบคิดเช่นนี้ลึกๆ ในใจเช่นกัน ต้องเกิดเรื่องอะไรกับเหลิ่งชิงเหยาแน่นอน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา
แอดขาาาาาา หนีเที่ยวพอหรือยัง มาต่อให้จบบบบบบ...
แอดขาาาาาา 794 และ 797 ตกหล่นหายไปคะแอด ช่วยเก็บมาหน่อยคะ คิคถึงงงงงงงงงง...
แอดขาาาาาา ตอน794และ797 หายไปคะ แอดทำตกหล่นช่วยเก็บกลับมาหน่อยคะ...
อยากทราบว่ามีทั้งหมดกี่ตอนคะ....
หยุดนานแล้วนะคะ ผู้เขียน มีอัพเดทต่อไหมคะ...
ขอบคุณทุกๆๆคนนะคะที่มาบอก แต่พอให้เตรียมทิชชู่นี่ปวดตับ ปวดใจก่อนล่ะ...
อยากรู้จังว่าพระเอกรู้ความจริงว่าผู้หญิงในคืนนั้นเป็นนางเอกตอนไหนคะ ใครอ่านแล้วบอกหน่อยค่ะรบกวนสปอยหน่อยยย...
ขอบคุณนะคะที่หานิยายสนุกๆๆมาให้อ่าน จะรออ่านทุกวันค่ะ...
ขอบคุณมากๆค่ะที่อัพเดทต่อจะตั้งใจอ่านต่อไป...ตอนเรียนยังไม่ตั้งใจขนาดนี้🤗😘😄😅😊...
อย่าเท..กลางทาง..นะแอดนะ😁😁😁...