ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 809

ประโยคเดียวช่วยดึงสติเสนาบดีเหลิ่งและเหลิ่งชิงเฮ่อที่กำลังสับสนท่ามกลางความโกลาหลจนพวกเขาลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท เมื่อเสิ่นหลินเฟิงเอ่ยขึ้นมาก็ถึงได้สติ

“ใช่ ใช่ ต้องรีบช่วยคนก่อน”

เหลิ่งชิงเฮ่อเดินจากไป “ข้าจะไปหาชิงฮวน”

เสิ่นหลินเฟิงคว้าแขนเขาไว้ “ตอนนี้พี่สะใภ้อยู่ในคุกสวรรค์ การออกไปโดยไม่ได้รับอนุญาตเท่ากับเป็นการหลบหนี ประตูพระราชวังก็ปิดอยู่ พวกเราเข้าพบฝ่าบาทไม่ได้ อีกทั้งการไปๆ มาๆ ก็เสียเวลา ไม่สู้รีบพาชายารองเข้าไปรักษาในคุกสวรรค์ดีกว่า”

“แต่ฝ่าบาทมีรับสั่งว่าห้ามใครเข้าไปหานาง”

“ตอนนี้พระสนมฮุ่ยเฟยเองก็อยู่ในคุกสวรรค์ พวกเราใช้ข้ออ้างนี้เข้าไปด้านใน หากมีใครซักถามก็บอกว่ามาเยี่ยมพระสนมฮุ่ยเฟย”

แม้ว่าข้ออ้างนี้จะดูเหมือนคนโง่ที่หลอกตัวเองได้แต่หลอกคนอื่นไม่สำเร็จ แต่คนอื่นก็คงไม่มีทางมาซักไซ้ไล่เลียง แบบนี้เรียกว่าอาศัยช่องโหว่ทะลวงเข้าไป

เสนาบดีเหลิ่งได้ยินดังนั้นก็เห็นด้วย

เขารีบสั่งเหลิ่งชิงเฮ่อ “เรียกคนขับรถม้ามาเร็ว”

ก่อนจะหันหน้ากลับไปหาพระชายาเฮ่า “หมอในจวนล่ะ? รีบเรียกเขามาปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้ชิงเหยาก่อน เดี๋ยวระหว่างทางขรุขระจะลำบาก”

พระชายาเฮ่ามองเด็กน้อยในอ้อมอกไม่เงยหน้าขึ้นมา “เขากลับไปส่งข่าวที่จวน ตอนนี้ไม่อยู่”

ท่าทางเหยียดหยามเช่นนี้ทำให้เสนาบดีเหลิ่งต้องข่มความโกรธเอาไว้ รู้สึกว่าความสง่างามในฐานะหัวหน้าขุนนางกำลังถูกยั่วยุ ซึ่งเป็นเรื่องที่ทนไม่ได้

คนอื่นตั้งมากมายแต่ให้หมอกลับจวนไปรายงาน? ยิ่งไปกว่านั้นประตูเมืองก็ปิดแล้วจะเข้าเมืองไปรายงานได้อย่างไร?

ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาถามหาเหตุผลอะไร ต่อให้ฆ่านางตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์

“หากวันนี้ลูกของข้าปลอดภัยก็ดี แต่หากเกิดอะไรขึ้นกับนาง ข้าจะให้เจ้าชดใช้ด้วยชีวิต!”

เสิ่นหลินเฟิงก็ไม่ได้อยู่เฉยๆ เพราะเหลิ่งชิงเหยาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เนื่องจากอาการบาดเจ็บของนาง เขาจึงใช้เท้าเตะประตูและเข้าไปด้านใน ก่อนจะช่วยกันลากผ้านวมเปื้อนเลือดพร้อมกับร่างของเหลิ่งชิงเหยาออกมา และหามนางออกไป

เหลิ่งชิงเฮ่อได้ขับรถม้าไปที่ประตูแล้ว ทั้งสามคนจัดแจงวางเหลิ่งชิงเหยาให้ดีก่อนจะรีบขับรถม้าไปที่เมืองหลวง

พระชายาเฮ่าไม่คิดจะชำเลืองสายตามองทั้งสามคนเลยแม้แต่น้อย ความเย่อหยิ่งจองหองเช่นนี้แตกต่างจากภาพที่นางเคยแสดงต่อหน้าทุกคนในอดีตมาก

ไม่มีใครสนใจเรื่องนี้ ทุกคนกำลังรีบร้อนช่วยชีวิต

เสิ่นหลินเฟิงบังคับม้าเร็วขึ้นนำหน้าไปเรียกให้เปิดประตูเมือง เพื่อให้รถม้าแล่นไปได้ตลอดทางโดยไม่มีสิ่งกีดขวาง

เซวียอี๋เหนียงร้องไห้จนเสียงแหบแห้ง นางนั่งอย่างไร้เรี่ยวแรงอยู่บนรถม้าพลางสะอื้นเรียกชื่อเหลิ่งชิงเหยา

นางกังวลว่าลูกสาวของนางจะแบกรับแรงกระแทกบนถนนไม่ไหว แต่นางก็หวังในทางตรงกันข้ามว่ารถม้าจะเร็วขึ้นอีก

โชคดีที่วันนี้แสงจันทร์สว่าง พอเข้าเมืองมาทุกอย่างก็ราบรื่น ทุกคนคิดว่าเหลิ่งชิงฮวนสามารถทำให้คนตายฟื้นคืนชีพได้ และตราบใดที่เหลิ่งชิงเหยายังมีลมหายใจเฮือกสุดท้าย นางก็จะรอดอย่างแน่นอน

เสียงเกือกม้าดังบนถนนที่เงียบสงัด

คืนนี้ คือคืนที่นอนไม่หลับในคุกสวรรค์

พระสนมฮุ่ยเฟยไม่คาดคิดมาก่อนว่านางจะมีเพื่อนโต้เถียงและเล่นสนุกกันในคุกสวรรค์

เดิมทีนางคิดว่าอีกสักพักก็คงจะได้กลับไป แต่ใครจะรู้ สถานที่นี้มีชีวิตชีวามากกว่าวัง พระสนมฮุ่ยเฟยจึงอยู่ต่ออีกสองวัน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา