ตอนที่ 82 นางแกล้งบ้า – ตอนที่ต้องอ่านของ ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา
ตอนนี้ของ ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา โดย เฉลิมพล ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายนิยาย โรแมนติคทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 82 นางแกล้งบ้า จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
เสิ่นหลินเฟิงเบือนหน้ามองเหลิ่งชิงฮวนก่อนจะยื่นมือออกไปอย่างไม่สบายใจ “พี่สะใภ้จับแขนเสื้อของข้าแล้วเดินตามหลังก็ได้ ไม่มองก็คงจะดีกว่า”
เหลิ่งชิงฮวนอดกลั้นความรู้สึกอยากอาเจียนก่อนจะหยิบหน้ากากผ้าขึ้นมาปิดปาก ความรู้สึกกล้ำกลืนเมื่อครู่ดีขึ้นมาหน่อย เธอส่ายหน้า “ไม่เป็นไร”
“เรื่องของท่านน้าซิ่วอวิ๋นนั้นน่าเวทนากว่าที่คิด” เสิ่นหลินเฟิงเอ่ยเพื่อบอกให้เหลิ่งชิงฮวนเตรียมใจไว้ล่วงหน้า “ก่อนหน้านี้ที่ถูกขังนางก็คลุ้มคลั่งราวกับคนบ้า ครั้งแรกที่มานางถูกล่ามโซ่เหมือนกับหมา ทั้งร่างปกคลุมไปด้วยบาดแผล พวกเราใช้เงินเจรจากับหญิงชราจนสามารถแยกนางออกมาอยู่ห้องขังเดี่ยวได้
น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกสงสารและเวทนา
เขาเป็นบุรุษที่แตกต่างกับมู่หรงฉีอย่างสิ้นเชิง ทั้งอ่อนโยน ละเอียดอ่อน เอาใจใส่และยังใจดีเหมือนกับแสงอาทิตย์ที่ทำให้ผู้คนที่ได้ใกล้ชิดรู้สึกสบายใจ
เมื่อเลี้ยวเข้าไปด้านในห้องก่อนจะยืนตรงทางเดิน เสิ่นหลินเฟิงใช้กุญแจที่หญิงชราให้ไว้เปิดประตูแล้วหันหน้ามาเอ่ยกับเหลิ่งชิงฮวน “ถึงแล้ว ระวังตัวด้วย”
เมื่อประตูถูกเปิดออกทางเดินก็เกิดเสียงดังขึ้นมาทันที เสียงกรีดร้องโหยหวนเหมือนแมวถูกเหยียบหาง
ตะเกียงน้ำมันที่ไฟริบหรี่แขวนอยู่บนราวลูกกรงส่องให้เงาในห้องขังชัดขึ้นและดูแปลกตา บนกองหญ้าแห้งด้านในสุดมีร่างสกปรกขดตัวอยู่ในผ้าห่มจนเป็นก้อน เมื่อได้ยินเสียงเคลื่อนไหวตรงประตูใบหน้าที่ผอมซูบก็เงยขึ้นมา
หากไม่ได้เตรียมใจไว้ก่อนเหลิ่งชิงฮวนคงไม่เชื่อสายตาตนเองว่านี่คือท่านน้าซิ่วอวิ๋นที่สวยสง่าในวันนั้น
“ท่านน้า?” เสิ่นหลินเฟิงเอ่ยเรียกเสียงเบา
อีกฝ่ายไม่สนใจเขา ก่อนจะปิดเปลือกตาแล้วฝังใบหน้าลงกับแขนตน
เสิ่นหลินเฟิงไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดีจึงหันหน้าไปมองเหลิ่งชิงฮวน
เหลิ่งชิงฮวนก้าวไปข้างหน้าก่อนจะย่อตัวลง “ข้าคือเหลิ่งชิงฮวนจากจวนอ๋องฉี ครั้งก่อนเราเคยเจอกันที่งานเลี้ยงของเหล่าไท่จวิน ท่านยังจำข้าได้ไหม”
ไม่มีการตอบรับ
“ท่านรู้สึกไม่สบายตรงไหน? รัชทายาทเสิ่นให้ข้ามาช่วยรักษาบาดแผลให้ท่าน”
ซิ่วอวิ๋นเงยหน้ามองเธอด้วยแววตาดุร้าย “ออกไป เจ้าออกไป!”
เหลิ่งชิงฮวนอยากทำการวินิจฉัยเบื้องต้นเกี่ยวกับการทำงานของสมองนาง จึงทำการสแกนสมองของเธอผ่านการX-ray และ MRI เพื่อตรวจสอบระดับการตื่นตัวสูงสุดและต่ำสุด แต่ดูเหมือนนางจะไม่ยอมให้ความร่วมมือ
เธอไม่คุ้นเคยกับขอบเขตในการรักษาประเภทนี้จึงไม่รู้ว่าควรจะเริ่มลงมือจากตรงไหน
“พวกเรามาช่วยท่าน หากท่านหายจากโรคแล้วก็สามารถกลับบ้านได้”
ดวงตาทั้งสองของซิ่วอวิ๋นขรึมลงและแข็งกร้าวเล็กน้อย เมื่อได้ยินคำพูดของเหลิ่งชิงฮวนนางก็ค่อยๆ ซึมลง “กลับบ้าน? บ้านอะไร?”
เสิ่นหลินเฟิงพยักหน้า “ใช่แล้ว ท่านน้า หรือท่านไม่คิดถึงท่านย่าหรือ? นางบ่นคิดถึงท่านอยู่ทุกวันจนแทบบ้าแล้ว”
จู่ๆ ซิ่วอวิ๋นก็ลุกพรวดขึ้นมาจากกองหญ้าแห้ง ยกมือขึ้นมาปัดป่ายไปตรงด้านหน้า “ข้าไม่กลับ ข้าฆ่าคนตาย พวกเขาบอกว่าข้าฆ่าคน มือข้าเปื้อนเลือดกลับบ้านไม่ได้”
“พวกเขาบอกว่าท่านฆ่าคน?” เหลิ่งชิงฮวนมองลึกเข้าไปในดวงตาของนางเอ่ยถามอย่างมุ่งมั่น “ท่านจะฆ่าคนได้อย่างไร? มีใครกำลังหลอกท่านอยู่ใช่ไหม”
ซิ่วอวิ๋นจ้องมองเธอ “ข้าฆ่า ข้าเป็นคนฆ่า ทำไมเจ้าต้องพยายามพูดจาเหลวไหลบอกว่าไม่ใช่ล่ะ”
เสิ่นหลินเฟิงกลัวว่านางจะลงมือทำร้ายเหลิ่งชิงฮวนจึงรีบก้าวไปข้างหน้ายืนบังเธอไว้ “ท่านลองนึกดูดีๆ ตอนนั้นยังมีคนอื่นอยู่ในเรือนอีกไหม? ทำไมรัชทายาทถึงต้องไปหาท่านที่เรือน”
“หากนางมักจะกรีดร้องบ่อยๆ ตามลักษณะร่างกายของคนปกติทั่วไปแล้ว แม้ว่าลำคอจะไม่แหบแห้งแต่ก็จะเกิดความเสียหายที่บริเวณเส้นเสียง แต่เมื่อครู่หม่อมฉันตรวจเส้นเสียงของนางพบว่าไม่มีอะไรผิดปกติ”
เสิ่นหลินเฟิงงุนงง “นี่มันหมายความว่าอย่างไร?”
“ไม่แน่ใจแต่น่าสงสัย การกรีดร้องของนางอาจเป็นเพียงปฏิกิริยาที่แสดงออกมาเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้คน”
เสิ่นหลินเฟิงก็นึกได้ทันที “ท่านหมายความว่าอาการบ้าของนางเป็นเพียงการเสแสร้งหรือ?”
“ท่านมีประสบการณ์มากมายในการตัดสินคดีและดวงตาของก็ฉายแววร้ายกาจ นางกลัวจะเผยไต๋ต่อหน้าท่านจึงแกล้งกรีดร้องเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกทำให้ท่านไม่สามารถสอบสวนนางได้”
“ทำไมนางต้องทำเช่นนี้? หรือเป็นอย่างที่ท่านพูดว่านางใช้สิ่งนี้เพื่อหลบเลี่ยงโทษ”
เหลิ่งชิงฮวนส่ายหน้า “เรื่องนี้หม่อมฉันไม่ค่อยแน่ใจ อาจมีเหตุผลอื่นเช่นความลับบางอย่างที่พูดไม่ได้จนนางต้องแกล้งบ้า และอาจเป็นไปได้ว่าการวินิจฉัยของหม่อมฉันผิดพลาด แต่สุดท้ายแล้วโรคบ้าไม่สามารถระบุได้จากการตรวจร่างกายทั่วไปต้องสังเกตรายละเอียดและพฤติกรรมในชีวิตประจำวันของนาง หม่อมฉันพูดคุยกับนางน้อยเกินไป”
“คดีนี้มีจุดน่าสงสัยมากมาย” เสิ่นหลินเฟิงเอ่ยอย่างหนักแน่น “เพราะความผิดปกติของท่านน้าทำให้การสืบสวนคดีนี้ไม่สามารถดำเนินต่อไปได้ ต้องมีอะไรบางอย่างที่ปกปิดไว้แน่ๆ รอนางตื่นขึ้นมาข้าจะถามนางเสียหน่อย นางทำเช่นนี้ไม่กลัวท่านย่าจะกินไม่ได้นอนไม่หลับน้ำตานองหน้าทั้งวันหรือ”
“หากนางมีเรื่องลำบากใจที่ไม่สามารถบอกใครได้จริงๆ ไม่ว่าท่านจะพยายามเกลี้ยกล่อมแค่ไหนก็ไร้ประโยชน์ ท่านไม่สามารถปลุกคนที่แกล้งหลับได้หรอก”
เสิ่นหลินเฟิงชะงักไปครู่หนึ่ง “หากนางไม่ยอมพูด งั้นข้าจะเริ่มลงมือที่จวนท่านโหว”
“จวนท่านโหวคงไม่อยากให้ท่านยื่นมือเข้าไปยุ่งเรื่องนี้”
อย่างไรเสียทุกคนล้วนมาจากตระกูลที่ร่ำรวย หากเรื่องเช่นนี้เผยแพร่ออกไปคงไม่ใช่เรื่องดี อีกทั้งซิ่วอวิ๋นยังเป็นเพียงคนนอกที่ไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกัน การจัดการเรื่องนี้อย่างเงียบๆ คนเป็นความต้องการของจวนท่านโหว หากเสิ่นหลินเฟิงยึดติดกับเรื่องนี้ไม่ยอมปล่อยจวนท่านโหวคงไม่พอใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา
แอดขาาาาาา หนีเที่ยวพอหรือยัง มาต่อให้จบบบบบบ...
แอดขาาาาาา 794 และ 797 ตกหล่นหายไปคะแอด ช่วยเก็บมาหน่อยคะ คิคถึงงงงงงงงงง...
แอดขาาาาาา ตอน794และ797 หายไปคะ แอดทำตกหล่นช่วยเก็บกลับมาหน่อยคะ...
อยากทราบว่ามีทั้งหมดกี่ตอนคะ....
หยุดนานแล้วนะคะ ผู้เขียน มีอัพเดทต่อไหมคะ...
ขอบคุณทุกๆๆคนนะคะที่มาบอก แต่พอให้เตรียมทิชชู่นี่ปวดตับ ปวดใจก่อนล่ะ...
อยากรู้จังว่าพระเอกรู้ความจริงว่าผู้หญิงในคืนนั้นเป็นนางเอกตอนไหนคะ ใครอ่านแล้วบอกหน่อยค่ะรบกวนสปอยหน่อยยย...
ขอบคุณนะคะที่หานิยายสนุกๆๆมาให้อ่าน จะรออ่านทุกวันค่ะ...
ขอบคุณมากๆค่ะที่อัพเดทต่อจะตั้งใจอ่านต่อไป...ตอนเรียนยังไม่ตั้งใจขนาดนี้🤗😘😄😅😊...
อย่าเท..กลางทาง..นะแอดนะ😁😁😁...