ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 83

เสิ่นหลินเฟิงพยักหน้า “ซือหมิงเจ๋อคิดที่จะปลดซิ่วอวิ๋นมานานแล้ว ข้าไม่คาดหวังที่จะได้ความจริงอะไรจากปากเขา คงได้แค่สอบถามจากหญิงรับใช้ข้างกายของแม่นางซิ่วอวิ๋นว่าพอจะได้เบาะแสอะไรบ้างไหม วันนี้รบกวนพี่สะใภ้แล้ว”

ทั้งสองคนทำอะไรไม่ถูกก่อนจะออกมาจากหอคอยคนคลั่งที่น่าขนลุก เมื่อเห็นแสงแดดอันอบอุ่นด้านนอกก็รู้สึกราวกับว่าได้กลับมาสู่โลกมนุษย์

เสิ่นหลินเฟิงต้องการหญิงรับใช้คนนั้นเพื่อสอบถามเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันเกิดคดี เขาส่งเหลิ่งชิงฮวนกลับไปที่เมืองหลวงก่อนจะแยกทางกันตรงครึ่งทาง

กว่าจะมีโอกาสออกมานอกจวนนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เหลิ่งชิงฮวนอยากจะไปเดินเล่นดูรอบๆ ไปดูว่าร้านค้าภายใต้ชื่อของเธอนั้นกิจการเป็นอย่างไรบ้าง

กิจการร้านค้าทั้งสองนั้นไม่ขยับเขยื้อนแต่โชคดีที่นอกเหนือจากโรงเตี๊ยมที่ถูกพวกจินเอ้อร์ทำจนชักหน้าไม่ถึงหลัง ร้านอื่นๆ ก็ยังพอจะอยู่รอดไปได้

เธอไม่สามารถออกไปนอกจวนอ๋องได้ช่วงระยะเวลาหนึ่ง อีกทั้งยังมีแค่เงินห้าพันตำลึงที่เธอไปขูดรีดมาจากมู่หรงฉีดังนั้นเธออยากจะรู้ว่ามีวิธีไหนที่จะทำให้โรงเตี๊ยมกลับมามีชีวิตชีวาได้หรือไม่

เธออ้อยอิ่งอยู่ในโรงเตี๊ยมเป็นเวลานาน ยืนอยู่หน้าหน้าต่างบนชั้นสองมองลงไปบนถนนด้านล่างที่มีคนพลุกพล่าน ทันใดนั้นก็เกิดความคิดแปลกๆ ขึ้นในใจ หากดัดแปลงโรงเตี๊ยมแห่งนี้ให้เป็นร้านขายยา ห้องหรูหราด้านหลังก็เปลี่ยนเป็นห้องผู้ป่วยชั่วคราว ถึงเวลาก็จ้างหมอที่มีฝีมือสักสองสามคนทำเป็นโรงพยาบาลขนาดย่อมเหมือนกับยุคปัจจุบัน

เธอไม่มั่นใจว่ายาในแหวนนาโนของเธอจะไม่มีวันหมด ดังนั้นเธอจึงต้องคิดหาวิธีการใหม่ๆ และใช้ความรู้ที่เธอมีผลิตยาจีนสำเร็จรูป

แม้ความคิดจะเต็มเปี่ยมแต่ความเป็นจริงนั้นโหดร้ายมาก การบูรณะโรงเตี๊ยมนี้จำเป็นต้องใช้ค่าใช้จ่ายจำนวนมาก ทั้งยังไม่สามารถนำเงินห้าพันตำลึงทุ่มให้กับงานนี้ทั้งหมด มันไม่ใช่สิ่งที่เพียงแค่วาดฝันแล้วจะเกิดขึ้นจริงได้

จนเวลาล่วงเลยมาถึงพลบค่ำเธอจึงกลับจวน

เมื่อเข้าประตูมาก็เจอกับมู่หรงฉี เธอนี่มันโชคไม่ดีซวยตลอดปีจริงๆ ตอนกลับมาก็ลืมเปิดปฏิทินโหรคำนวณฤกษ์ยาม

มู่หรงฉียืนอยู่กลางทางเดินไม่ก้าวมาข้างหน้าหรือถอยหลัง จ้องมองเหลิ่งชิงฮวนด้วยท่าทางจับผิด

หากจะหันหน้าหนีเดินไปทางอื่นก็ดูขี้ขลาดไปหน่อย แต่เหลิ่งชิงฮวนคุ้นเคยกับใบหน้ามึนตึงนี้ดีคงจะดีกว่าหากไม่ไปยั่วยุเขา

ขณะที่เธอกำลังจะหันฝีเท้าไปอีกทางมู่หรงฉีก็เอ่ยเสียดสีขึ้นมา “กลัวอะไรหรือ?”

ได้ หันกลับไปก็ได้ มีเพียงผู้กล้าเท่านั้นที่จะได้รับชัยชนะ เผชิญหน้าอย่างกล้าหาญ ไม่มีอะไรให้ต้องเสียใจ

เมื่อหันหน้าหนีมู่หรงฉีก็เอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง "ข้าเคยบอกแล้วว่าหากไม่มีเรื่องอะไรเจ้าก็ไม่ควรออกไปข้างนอก แต่เจ้ากลับทำหูทวนลมทั้งยังทำเป็นมั่นอกมั่นใจ"

รู้สึกเหมือนเธอทำอะไรผิดไป

เหลิ่งชิงฮวนถอนหายใจ “ท่านต้องการจะพูดอะไรกันแน่เพคะ”

“อยากจะชมเจ้าว่าสายตาดี แม้ว่าหลินเฟิงจะเป็นรัชทายาทของจวนกั๋วกงแต่กลับไม่มีความเป็นผู้ลากมากดีเลยแม้แต่น้อย เขาพยายามเรียนรู้และสร้างความก้าวหน้า สตรีที่ยังไม่ออกเรือนจำนวนไม่น้อยทั่วเมืองหลวงต่างก็แอบหมายปองเขา”

เหลิ่งชิงฮวนกะพริบตาปริบๆ “หม่อมฉันกับรัชทายาทเสิ่นออกไปข้างนอกด้วยกันท่านอ๋องยังไม่วางใจอีกหรือเพคะ”

มู่หรงฉีก้าวไปข้างหน้า “หากข้าออกไปข้างนอกกับสตรีนางอื่นทั้งวันจนฟ้ามืด เจ้าจะไม่เดือดไม่ร้อนไม่แยแสเลยหรือ?”

เหลิ่งชิงฮวนขมวดคิ้ว “เมื่อคืนท่านอ๋องก็ไปหลับนอนกับสตรีอื่น หม่อมฉันยังไม่ใจแคบเหมือนท่านเลยนะเพคะ”

มู่หรงฉีสะอึกก่อนความโกรธจะปะทุขึ้นมา คิดจะโมโหก็โมโห ทำหน้าทำตาเหมือนเด็กๆ ในวันเด็ก

“เจ้าจะบอกว่าเมื่อคืนที่ข้าค้างแรมในห้องของจือชิว เจ้าไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย? ไม่คิดจะพูดอะไรเลย?”

เหลิ่งชิงฮวนมองหน้ามู่หรงฉีที่กำลังโกรธจัดด้วยท่าทางเหนียมอายก่อนจะกลืนน้ำลาย “หรือต้องมีพิธีอะไรหรือเพคะ? เป็นครั้งแรกที่เป็นภรรยา ครั้งแรกที่จัดหาสาวใช้ห้องข้างให้หม่อมฉันจึงยังไม่มีประสบการณ์มากนัก หากจัดการได้ไม่ทั่วถึงก็ขอท่านอ๋องอย่าถือโทษเลยนะเพคะ เดี๋ยวครั้งต่อไปก็คุ้นเคยและมีประสบการณ์แล้วเพคะ”

“ยังมีครั้งหน้า?” มู่หรงฉีบีบคำพูดเหล่านี้ออกมาอย่างเย็นชาผ่านซอกฟันของเขา

“ท่านอ๋องแต่งสะใภ้สามคนภายในเวลาหนึ่งเดือนกว่า หากคำนวณแล้วก่อนที่เราจะหย่ากัน หม่อมฉันอาจจะช่วยหาเพิ่มให้ได้อีกสองคนนะเพคะ”

มู่หรงฉีเม้มริมฝีปาก มือที่อยู่ในแขนเสื้อกำแน่น “พระชายาของข้าช่างใจกว้างและมีคุณธรรม เป็นแบบอย่างของสตรีจริงๆ”

“พูดดีเพคะ ตอนไม่มีก็ทำตัวเองให้ดี พอมั่งมีก็สร้างประโยชน์ให้โลกหล้า ที่สำคัญคือสามีของหม่อมฉันมีเงินพอที่จะเลี้ยงดูซ้ำยังมีเสน่ห์ดึงดูดผู้คน หม่อมฉันก็พลอยได้ผลบุญไปด้วย”

“เหลิ่งชิงฮวนหยุดคำพูดของเจ้าไว้แค่นี้จะดีกว่า การทะเลาะวิวาทคือข้อห้ามของสตรีผู้เป็นภริยา อย่ามายั่วโมโหข้า”

“ก็แค่ความผิดเจ็ดข้อไม่ใช่หรือเพคะ เหาเยอะแต่กลับไม่รู้สึกคัน อย่างไรหม่อมฉันก็ไม่ได้ทำผิดเพียงแค่ข้อสองข้อนี่เพคะ” เหลิ่งชิงฮวนเอ่ยอย่ามั่นใจ

คนเราน่ะ แค่หน้าด้านก็ไม่มีใครเทียบได้แล้ว เธอไม่เชื่อหรอกว่าคนอย่างอ๋องฉีจะกล้าทุ่มสุดตัวแบบเธอ

มู่หรงฉีจ้องเธอตาเขม็ง ดวงตาหงส์ที่สวยงามของเขาแทบจะบิดเบี้ยว เขาอ้าปากพะงาบๆ และพูดเพียงประโยคเหยียดหยาม "ไร้ยางอาย"

คำพูดนี้คือความจริงดังนั้นเหลิ่งชิงฮวนจึงไม่ปฏิเสธแต่เดินจากไปอย่างมีชัยราวกับว่าได้รับคำชม

ตอนกลางคืนได้ยินว่ามู่หรงฉีไปที่ห้องของจือชิวอีกครั้ง จือชิวตื่นขึ้นในวันรุ่งขึ้นเพื่อรับใช้เหลิ่งชิงหลางพร้อมกับท่าทางเกาะกำแพงออกมา ซึ่งทำให้ทุกคนสามารถจินตนาการต่อได้

เหลิ่งชิงหลางร้องไห้ครึ่งค่อนคืนสะอื้นอย่างน่าสงสาร แต่ครั้งนี้มู่หรงฉีไม่ได้หลับนอนจนถึงเช้า กลางดึกเขาก็ลุกออกมาและกลับไปที่ห้องตำรา

เหลิ่งชิงฮวนนอนอยู่บนเตียงคิดว่ามู่หรงฉีโกรธเหลิงชิงหลางหรือไม่? ถ้าเป็นเธอ เธอเองก็คงจะอยากลองอะไรใหม่ๆ หรือถ้ามาเป็นคู่ก็อาจจะเร้าใจยิ่งกว่า แต่ทำไมเจ้าเด็กโง่คนนี้ถึงได้สนใจจือชิว

วันรุ่งขึ้นเมื่อลืมตาขึ้นมาก็เห็นเจดีย์สีดำสององค์หน้าตำหนักฉาวเทียน ซึ่งคือองครักษ์หน้ากากผีที่ยืนเฝ้าด้านซ้ายและขวา

บอกว่าได้รับคำสั่งให้มาคุ้มครองพระชายาขณะที่มู่หรงฉีไม่ได้อยู่ในจวน ใครเล่าจะรู้ นี่มันการจับตาหรือเปล่า?

เมื่อก่อนจะมีองครักษ์หน้ากากผีแค่ตอนที่ออกนอกจวน แต่ตอนนี้กลับมีทหารอยู่ทุกหนทุกแห่ง

ทำไมท่านอ๋องถึงได้ทำตัวไร้สาระเหมือนเด็กๆ ไปได้

เหลิ่งชิงฮวนไม่สนใจ แต่ตรงกันข้ามเหลิ่งชิงหลางกลับเดินยิ้มร่าเข้ามาหา

ตั้งแต่ที่นางเลื่อนขั้นให้จือชิวกลายเป็นสาวใช้ห้องข้างอารมณ์ของนางก็ไม่เคยคงที่ เมื่อเห็นว่าเหลิ่งชิงฮวนก็ได้รับการปฏิบัติที่ไม่ต่างจากตัวนางจึงรู้สึกเหนือกว่า

“เจ้าคะยั้นคะยอให้ท่านอ๋องแต่งตั้งคนใหม่ แล้วทำไมท่านอ๋องไม่แยแสเจ้าสักนิดเลยล่ะ? แต่กลับเป็นเจ้าที่ผลักไสท่านอ๋องไปสู่อ้อมแขนคนอื่น พอใจหรือยัง?”

เหลิ่งชิงฮวนมองความเหนื่อยล้าที่ไม่สามารถปกปิดได้ด้วยการแต่งหน้าและยิ้มอย่างมีเลศนัย "นั่นเป็นเรื่องธรรมชาติ เมื่อเห็นว่าชีวิตของน้องสาวข้าไม่ค่อยดี ข้าก็รู้สึกโล่งใจ"

“น่าขัน ชีวิตข้าไม่ดีตรงไหน ท่านอ๋องรักข้ามาก ของพระราชทานจากในวังรวมถึงของหายากจากภายนอกทั้งหมดถูกส่งไปที่เรือนจื่อเถิงแล้ว เกรงว่าแม้แต่ฟางข้าวต้นเดียวก็คงไม่มีมาที่ตำหนักฉาวเทียนล่ะสิ”

“นอกจากนี้ท่านอ๋องยังยอมเลื่อนขั้นสาวใช้มากกว่ายอมแตะต้องพี่สาว ดูท่าถ้าไม่หย่าร้างก็คงจะเป็นหม้ายไปตลอดชีวิต แต่พี่สาวของข้ายังมีอารมณ์มาหัวเราะคนอื่น ช่างใจกว้างเสียจริง”

เหลิ่งชิงฮวนยิ้มและถากถางอย่างตรงไปตรงมา "จวนอ๋องทั้งจวนเป็นของข้า สิ่งที่ให้เจ้าก็แค่ของรางวัลเท่านั้น มีค่าพอให้เจ้าดีใจหรือ? ท่านอ๋องทำทุกวิถีทางเพื่อแต่งเจ้าเข้ามาในจวนแต่สุดท้ายก็เห็นเจ้าเป็นแค่แจกันดอกไม้ วันๆ ได้แต่มองท่านอ๋องระเริงอยู่กับสาวใช้ห่างกันเพียงแค่กำแพงกั้น ความรู้สึกเช่นนี้ ถุยๆ”

เหลิ่งชิงหลางพยายามอย่างที่สุดเพื่อระงับความริษยาในใจ นางชำเลืองไปที่องครักษ์หน้ากากผีทั้งสองและยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ "พูดถึงท่านอ๋อง เขามาหาข้าเมื่อคืนนี้และถามว่าใครคือชู้ของพี่สาว ดูท่าทางโมโหราวกับจะฆ่าคน เจ้าลองเดาสิว่าข้าพูดว่าเป็นใคร?"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา