ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 84

สรุปบท ตอนที่ 84 ชันสูตรศพ: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา

ตอน ตอนที่ 84 ชันสูตรศพ จาก ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 84 ชันสูตรศพ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายนิยาย โรแมนติค ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา ที่เขียนโดย เฉลิมพล เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

หัวใจของเหลิ่งชิงฮวนสั่นสะท้าน มู่หรงฉีคงไม่หูเบาขนาดนั้นหรอกใช่ไหม? แม้ว่าเขารังเกียจเรื่องที่เธอสูญเสียพรหมจรรย์แต่เขาก็ปิดปากและไม่เปิดเผยข้อมูลใดๆ ต่อโลกภายนอก

ส่วนเหลิ่งชิงหลางก็เป็นที่รู้กันดีว่านางไม่เคยพูดต่อหน้ามู่หรงฉี ไม่เช่นนั้นหากมู่หรงฉีเค้นถามจนนางพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในสำนักชีก็ย่อมไม่เป็นผลดีอะไรกับนาง

“คงไม่ใช่เพราะท่านอ๋องมาสอบถามจากเจ้า แต่เป็นเจ้าที่วิ่งแจ้นไปพูดจาไร้สาระต่อหน้าเขาสินะ เจ้ากล้าพูดไหมล่ะว่าชายชู้นั้นเป็นใคร อย่างมากก็คงพูดได้แค่ว่าตอนอยู่จวนมหาเสนาบดีข้ายั่วยวนไปทั่วสินะ”

“แล้วจะทำไม? ที่สำคัญคือท่านอ๋องเชื่อข้า หนำซ้ำยังส่งคนมาจับตาดูเจ้า”

เหลิ่งชิงฮวนไม่เดือดไม่ร้อน “น้องสาวอวดฉลาดจริงๆ แต่สุดท้ายก็กลายเป็นตบหน้าท่านอ๋อง ต่อให้ข้าจะทำตามกฎหรือไม่ใบหน้าเขาก็ไม่ยินดียินร้ายอยู่แล้ว มิน่าล่ะเขาถึงได้หนีไปขลุกอยู่ในห้องของจือชิว ไม่แยแสเจ้าเลยสักนิด”

“ความสัมพันธ์ระหว่างเจ้ากับท่านอ๋องก็ไม่ได้ดื่มด่ำ เพราะเพียงแค่จือชิวคนเดียวก็ทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเจ้าขาดสะบั้นได้ หากข้าหาสาวงามเข้ามาในจวนให้ท่านอ๋องอีกหลายคนคาดว่าท่านอ๋องคงจะลืมทางเข้าเรือนจื่อเถิงแล้ว”

แววตาของเหลิ่งชิงหลางฉายแววกังวลขึ้นมาทันทีและเหลิ่งชิงฮวนก็เดาถูกจริงๆ เมื่อคืนนางน้อยอกน้อยใจอยู่คนเดียว ตอนที่มู่หรงฉีเข้าไปในเรือนจื่อเถิงนางก็เลือกคำพูดไม่ถูก จึงพยายามเติมเชื้อไฟใส่ร้ายเหลิ่งชิงฮวน

แต่มู่หรงฉีกลับมีสีหน้าจริงจัง เขาจ้องมองนางด้วยท่าทางอยากจะกัดกินคนดังนั้นนางจึงต้องกลืนคำพูดทั้งหมดลงไปด้วยความกลัว ก่อนที่มู่หรงฉีจะเดินออกไปที่ห้องของจือชิวด้วยความโกรธและทิ้งนางไว้ที่ลานบ้าน

นางรู้สึกอายและโมโห จึงร้องไห้อยู่ครึ่งค่อนคืน

คำพูดเหยียดหยามเมื่อครู่ก็เป็นเพียงแค่การตบตาเท่านั้น

“เหลิ่งชิงฮวน เจ้ากลัวว่าท่านอ๋องจะสนุกไม่พอหรือไง”

เหลิ่งชิงฮวนยิ้มอย่างพอใจ “ดอกไม้บานเพียงดอกเดียวไม่นับว่าเป็นวสันต์ฤดู แต่หากดอกไม้ร้อยดอกรวมอยู่ด้วยกันถึงจะเป็นสวนวสันต์ ยิ่งคนมากก็ยิ่งสนุกตั้งโต๊ะไพ่นกกระจอกได้หลายโต๊ะเลย ไม่เพียงแต่ท่านอ๋องที่จะมีความสุข แต่จะคิดว่าข้านั้นเหมาะสมกับตำแหน่ง ส่วนน้องสาวเจ้าก็เทียบกับนางสนมคนอื่นไม่ได้ โชคไม่เข้าข้างจริงๆ”

เหลิ่งชิงหลางโกรธมากจนหน้าอกกระเพื่อมก่อนจะยกนิ้วชี้มาที่เธอ นางพูดคำว่า "เจ้า" อยู่นานสองนานก็พูดอะไรไม่ออก

“เจ้ากำลังยุยงให้ท่านอ๋องหลงใหลในสุราและนารี!”

“ข้ากำลังช่วยท่านอ๋องสืบทอดเชื้อสายตระกูลและให้กำเนิดลูกหลานต่างหาก แต่ว่านี่ก็เป็นความคิดของน้องสาวตั้งแต่แรกมิใช่หรือ?”

ใบหน้าของเหลิ่งชิงหลางแดงเถือก เหลิ่งชิงฮวนจับจุดนางได้อยู่หมัด มีเรื่องของจือชิวเป็นกระจกเงาสะท้อนให้เห็นว่าหากเหลิ่งชิงฮวนสรรหาสตรีเข้ามาในจวนอีกก็จะมีผู้ช่วยมากมาย ส่วนนางก็จะมีศัตรูเพิ่มขึ้นมาเท่านั้น

แม้เหลิ่งชิงฮวนจะไม่สนใจ แต่นางสนใจ

นางเกือบจะย่ำพื้นดินใต้ฝ่าเท้าจนกลายเป็นหลุม แล้วหันหลังเดินจากไปด้วยความโกรธ

ช่วงบ่ายเสิ่นหลินเฟิงก็มา

เมื่อเหลิ่งชิงฮวนได้ข่าวก็รีบไปที่ห้องโถงทันที องครักษ์หน้ากากผีนายหนึ่งเดินตามหลังเธอไป ส่วนอีกคนไปไหนก็ไม่รู้

เสิ่นหลินเฟิงเห็นเธอใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นลึกลับขึ้น “พี่สะใภ้ ข้าขอคุยด้วยหน่อย”

“ปัง” เขาปิดประตูห้องรับรองกันให้องครักษ์หน้ากากผีคนนั้นอยู่ข้างนอก

“ทำไมหรือ? คดีมีความคืบหน้าอะไร?”

เสิ่นหลินเฟิงทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อย "เป็นเพราะข้าไม่มีทางเลือกอื่น จึงต้องมาขอความช่วยเหลือจากพี่สะใภ้อีกครั้ง"

“แต่จวนท่านโหวจะยอมตกลงได้อย่างไร”

“ข้าทำการตรวจสอบมาแล้ว เพราะรัชทายาทตายโหงจวนท่านโหวจึงนำโลงศพของเขาไปไว้ที่วัดฝ่าหวาเพื่อทำบุญเจ็ดวันก่อนฝัง และวันนี้คือวันสุดท้าย”

เหลิ่งชิงฮวนตกใจ “แอบชันสูตร?”

เสิ่นหลินเฟิงพยักหน้าอย่างแน่วแน่ เขาตัดสินใจได้นานแล้ว “ข้าตรวจสอบแผนผังวัดรวมถึงเวลาทำวัตรของพระสงฆ์แล้ว ตอนนี้ยังไม่ได้ตอกฝาโลง เพียงแต่พวกคนในศาลาว่าการไม่มีใครยอมรับทำเรื่องนี้ อีกทั้งข้าเองก็มีความรู้เพียงน้อยนิด ดังนั้นจึงมาขอให้พี่สะใภ้ช่วย”

ศพที่หยุดหายใจเป็นเวลาเจ็ดวันรวมกับอากาศในหน้าร้อน ไม่รู้ว่ากลิ่นจะน่าสดชื่นเพียงใด เหลิ่งชิงฮวนได้ยินก็รู้สึกคันคอ

“แน่นอนว่าหากพี่สะใภ้ลำบากใจจริงๆ ก็ให้ทำเป็นว่าหลินเฟิงไม่เคยพูดอะไร ข้าเพียงได้ยินว่าพี่สะใภ้กล้าจะผ่าเปิดท้องรองผู้บัญชาการทหาร คิดว่าท่านแตกต่างจากสตรีทั่วไปจึงได้บุ่มบ่ามมา”

เหลิ่งชิงฮวนบ้ายอและคำชื่นชมของเสิ่นหลินเฟิงนั้นทำให้เธอรู้สึกภาคภูมิใจ เธอตบหน้าอกและตอบตกลง “หม่อมฉันไปกับท่านได้ แต่ว่าขอบเขตของนิติเวชศาสตร์นั้นหม่อมฉันไม่ได้ชำนาญมาก ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าสามารถช่วยอะไรได้บ้าง”

เสิ่นหลินเฟิงมั่นใจในพี่สะใภ้ตัวน้อยของเขา “หลินเฟิงเชื่อว่าหากพี่สะใภ้ไปจะต้องช่วยได้มาก”

ทั้งสองคนเจรจากันก่อนเสิ่นหลินเฟิงจะออกไปเพื่อจัดการ เหลิ่งชิงฮวนกลับไปที่เรือน เตรียมถุงมือยางทางการแพทย์ หน้ากากป้องกัน เก็บอุปกรณ์การแพทย์ที่จำเป็นไว้ในห่อผ้าที่ถืออยู่ในมืออย่างพะรุงพะรัง ก่อนจะวางแผนออกเดินทาง

โตวโตวเข้ามาขวางเธอ “คุณหนูจะไปไหนเจ้าคะ? พาบ่าวไปด้วยนะเจ้าคะ”

เหลิ่งชิงฮวนโบกมือของเธออย่างไม่สนใจ “เด็กน้อยจะตามไปดูเรื่องสนุกหรือไง”

โตวโตวไม่ขยับไปไหน “ดึกแล้วนะเจ้าคะ คุณหนูออกไปกับรัชทายาทเสิ่นสองต่อสองดูไม่เหมาะไม่ควรเดี๋ยวจะถูกคนเอาไปนินทาได้นะเจ้าคะ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา