ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 85

สรุปบท ตอนที่ 85 องครักษ์หน้ากากผีคนนี้ฝีมือเก่งกาจ: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา

อ่านสรุป ตอนที่ 85 องครักษ์หน้ากากผีคนนี้ฝีมือเก่งกาจ จาก ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา โดย เฉลิมพล

บทที่ ตอนที่ 85 องครักษ์หน้ากากผีคนนี้ฝีมือเก่งกาจ คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายนิยาย โรแมนติค ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย เฉลิมพล อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ยัยเด็กนี่ต้องได้ยินข่าวลืออะไรมาแน่ๆ แต่เหลิ่งชิงฮวนไม่สนใจ

“เหรอ? แต่ข้ากลับคิดว่าออกไปข้างนอกกับรัชทายาทเสิ่นก็เหมาะสมดีออก เจ้าอย่าไปเชื่อคำพูดยุยงพวกนั้นมาก ข้ามีธุระกลับมาแล้วจะเล่าให้เจ้าฟัง กลัวแต่ว่าเจ้าจะตกใจจนกรีดร้อง”

โตวโตวยังคงยืนนิ่งไม่ยอมขยับไปไหน “ท่านอ๋องจะโกรธเอานะเจ้าคะ เมื่อวานเขาก็รอคุณหนูอยู่ครึ่งค่อนวัน”

“รอข้า?” เหลิ่งชิงฮวนเยาะเย้ยเบาๆ “วันที่ข้าอยู่ตำหนักฉาวเทียนกลับไม่เห็นเงาของเขา แต่ทุกครั้งที่ข้าออกไปข้างนอกเขากลับใส่ใจข้าขึ้นมา”

เธอดึงมือของโตวโตวออกแล้วเดินออกจากตำหนักฉาวเทียนไปคนเดียว โตวโตวที่อยู่ด้านหลังก็ร้อนรน

เมื่อออกมาจากตำหนักด้านหลังของเหลิ่งชิงฮวนก็มีหางงอกออกมาสองหาง คือองครักษ์หน้ากากผีสองคนที่มู่หรงฉีส่งมาเพื่อติดตามเธอ พวกเขายังคงสวมหน้ากากผีที่ดูดุร้าย สวมชุดองครักษ์ที่ทำจากผ้าแพร เดินไปเดินมาบนถนนก็มีแต่เสียงร้องว้าว

เสิ่นหลินเฟิงนั่งรอเธออยู่หน้ารถม้า เมื่อเห็นองครักษ์หน้ากากผีสองคนก็เอ่ยอย่างไม่พอใจ “พวกเจ้าสองคนอีกแล้วรึ?”

หนึ่งในองครักษ์หน้ากากผีเอ่ย “ท่านอ๋องมีรับสั่งให้พวกกระหม่อมดูแลความปลอดภัยของพระชายาห้ามหย่อนยานแม้แต่นิดเดียว เมื่อวานพวกกระหม่อมก็ถูกลงโทษ ขอรัชทายาทเสิ่นโปรดอภัย”

เหลิ่งชิงฮวนจนปัญญา แค่ฉีดยาสลบให้พวกเขาคนละเข็มคงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร อยากตามก็ตามมา ไม่เห็นมีอะไรต้องกลัว

“ช่างเถอะ อยากตามก็ตามมา แค่ไม่เกะกะก็พอ”

เสิ่นหลินเฟิงก็ไม่สนใจอะไร “นี่ก็ดึกแล้วกว่าจะกลับมาถึงเมืองก็น่าจะกลางดึก ท่านบอกท่านพี่หรือยังเขาจะได้ไม่เป็นห่วง”

บอกให้เขารู้ ก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

เหลิ่งชิงฮวนโกหก “เขาไม่ได้อยู่ในจวน แต่หม่อมฉันกำชับคนไว้แล้ว”

เสิ่นหลินเฟิงถึงได้โล่งใจ เชิญเหลิ่งชิงฮวนขึ้นรถม้า ส่วนเขายังคงนั่งอยู่ด้านหน้าข้างคนขับรถม้า องครักษ์หน้าผีสองคนก็ควบม้าตามมาด้านหลัง

รถม้าออกจากเมืองตรงไปยังวัดฝ่าหวา เมื่อมาถึงวัดก็ยามดึกแล้ว เสิ่นหลินเฟิงลงจากรถม้าพร้อมกับเหลิ่งชิงฮวนก่อนจะแอบเข้าไปในวัด

องครักษ์หน้ากากผีสองคนเดินตามหลังมา เหลิ่งชิงฮวนเหลือบมองท่าทางของพวกเขา นี่มันแอบเข้ามาที่ไหน เรียกว่ายกพวกตีกันชัดๆ

เธอหันหน้าไปพูดอย่างจริงจัง “ข้ากับรัชทายาทเสิ่นมีเรื่องสำคัญต้องทำ พวกเจ้าไม่ต้องตามมา”

องครักษ์หน้ากากผีที่พูดเป็นคนแรกชำเลืองมองสหายที่อยู่ข้างๆ "พวกกระหม่อมแค่เดินตาม ไม่พูดอะไร พระชายาก็ทำเป็นว่าพวกกระหม่อมไม่มีตัวตนเป็นพอ"

เหลิ่งชิงฮวนพลิกข้อมือของเธอและหยิบเข็มเงินสองเล่มออกมา "ข้ารู้ว่าพวกเจ้ามีฝีมือมาก แต่ข้าเองก็วางยาโดยที่ไม่มีใครรู้ได้เหมือนกัน แต่หากพวกเจ้ากลัวว่าจะไม่มีอะไรกลับไปรายงาน ข้าจะมอบเข็มให้พวกเจ้าสองเล่ม ดีไหม?"

องครักษ์หน้ากากผีจ้องมองเธอด้วยความลำบากใจและหมดสติไปโดยไม่รู้ตัว ชายร่างใหญ่อีกคนจ้องมาที่เธอ จากนั้นก็นั่งคุกเข่าลงกับพื้นไม่ได้เดินตามไป

เสิ่นหลินเฟิงหัวเราะเบาๆ “ปลูกถั่วเหลืองทำเต้าหู้จริงๆ ของอย่างหนึ่งย่อมพิชิตอีกอย่างได้ ปกติองครักษ์สองคนนี้ก็คอยติดตามท่านอยู่แบบนี้หรือ”

ปกติเธอแทบไม่มีโอกาสได้ออกไปข้างนอกเลยด้วยซ้ำ เหลิ่งชิงฮวนหัวเราะเบาๆ “พวกเขาก็แค่รู้จักเอาตัวรอด”

ทั้งสองคนสบตาและยกยิ้ม ก่อนจะเดินเลาะทางเดินไปด้านหน้าวัด ท้องฟ้ามืดสนิท ประตูวัดปิดแน่น มีเสียงสวดมนต์ดังออกมาจากด้านใน

เสิ่นหลินเฟิงมองท้องฟ้า “โลงศพของคุณชายใหญ่อยู่ที่เจดีย์ข้างๆ มีคนรับใช้สองคนที่จวนท่านโหวจัดแจงมาให้สลับเวรยามกันเฝ้า พระในวัดฝ่าหวามีเรียนภาคค่ำและจะกลับเข้าอารามในยามซวี ก่อนหน้านี้มีพระสงฆ์สองรูปที่ผลัดกันสวดพระธรรม ตอนนี้ยังเหลือเวลาอีกครึ่งชั่วโมงก่อนที่พวกเขาจะกลับไป พวกเรารอก่อนไหม”

เหลิ่งชิงฮวนลังเลเล็กน้อย “หากครึ่งชั่วโมงนี้พระทุกรูปล้วนอยู่ในโบสถ์ใหญ่ไม่ออกไปไหนก็นับว่าเป็นโอกาสได้”

“หากลงมือตอนนี้ก็ทำได้แค่ให้พระที่กำลังสวดสองรูปนั้นสลบ จะไม่เป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นหรือ”

“ท่านพี่ของข้านี่ซ่อนคนมีฝีมือไว้ข้างตัวจริงๆ แม้แต่องครักษ์หน้ากากผีก็มีทักษะที่ดีเช่นนี้” เสิ่นหลินเฟิงชมเขาด้วยความจริงใจ

องครักษ์หน้ากากผีไม่ได้เอ่ยอะไร แต่จู่ๆ ก็ยื่นมือออกไปโอบเอวเรียวของเหลิ่งชิงฮวน เขาแตะปลายเท้าเบาๆ ก็พาเธอขึ้นไปบนกำแพงวัด กวาดสายตามองไปรอบๆ อย่างระแวดระวัง ก่อนจะกระโดดลงมาอย่างมั่นคงเหมือนกับแมวที่กระโดดลงพื้นอย่างเงียบเชียบ

เสิ่นหลินเฟิงกระโดดข้ามกำแพงตามมาโดยแอบชื่นชมทักษะขององครักษ์หน้ากากผีคนนี้

เหลิ่งชิงฮวนเบ้ปาก “แอบตามพวกข้ามา มู่หรงฉีให้เงินเดือนเจ้าเท่าไหร่ถึงได้ยอมถวายชีวิตให้เขาขนาดนี้”

องครักษ์หน้ากากผีไม่ได้เอ่ยอะไร แต่มือที่จับเอวเธอบีบแน่นขึ้น

เหลิ่งชิงฮวนเหลือบมอง “ปล่อยข้า!”

เขาปล่อยมืออย่างไม่เต็มใจ

องครักษ์หน้ากากผีคนนี้ดูท่าทางบื้อๆ แต่จะทำร้ายเขาโดยไม่รู้อีโหน่อีเหน่ไม่ได้ จะตามมาก็แล้วแต่เถอะ

วัดนี้ยากจน โจรก็มีน้อยการป้องกันจึงหละหลวม เสิ่นหลินเฟิงพาทั้งสองคนตรงไปที่เจดีย์ข้างๆ ซึ่งมีโลงศพของคุณชายใหญ่วางอยู่

แม้จะยังไม่ดึกและยังไม่ถึงเวลาพักผ่อน แต่พระหนุ่มสองรูปซึ่งมีหน้าที่สวดมนต์ก็ง่วงจากการสวดมนต์ ศีรษะผงกเหมือนไก่จิกข้าว

เมื่อเจ้านายไม่อยู่คนรับใช้ที่เฝ้าก็ย่อมผ่อนคลาย เขานั่งบนเบาะรอง อ้าปากหาวครั้งแล้วครั้งเล่า

เมื่อถึงเวลาเหลิ่งชิงฮวนแสดงฝีมือ เธอดึงจุกที่ปิดกระบอกไม้ไผ่ออกแล้วเป่าเบาๆ เพื่อจุดเทียน ทันใดนั้นควันไปก็ฟุ้งกระจายทั่วเจดีย์

คนรับใช้หาวและเอนกายหลับฟุบลงไปบนโลงศพ พระภิกษุทั้งสองนั้นก็เกียจคร้าน พวกเขานั่งตัวตรงและปล่อยเสียงกรนออกมา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา