ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 88

ซิ่วอวิ๋นพูดถึงตรงนี้ก็หยุด สีหน้าหวาดหวั่น

“ตอนนั้นข้าตกใจจนเข่าอ่อนอีกทั้งยังไม่มีแรง แต่คุณชายใหญ่กลับไม่ส่งเสียงร้องเพียงแต่ค่อยๆ ล้มลงบนตัวข้า ตอนนั้นข้าตกใจจนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว”

“หมิงเจ๋อก็เข้ามาพอดี เขาเห็นข้าสองคนล้มอยู่บนเตียงเสื้อผ้าหลุดลุ่ยก็โมโห ก่อนจะเข้ามากระชากคอเสื้อด้านหลังของคุณชายใหญ่ เหวี่ยงเขาออกไปแล้วด่าทอ”

“พอเขาเห็นเลือดที่ศีรษะของคุณชายใหญ่ก็ตกใจ เขาเขย่าตัวสองสามครั้งก่อนจะบอกข้าว่าคุณชายใหญ่ถูกข้าฆ่าตายแล้ว”

“ข้ารู้สึกตกใจไม่รู้จะทำอย่างไรดี เขาลุกขึ้นจากพื้นและบอกข้าอย่างใจเย็นว่าตามกฎหมายของฉางอัน ถ้าฆ่าคนก็ต้องชดเชยด้วยชีวิต”

“เขาเห็นแก่ที่เป็นสามีภรรยากันมาหลายปีจึงบอกให้ข้าแกล้งบ้า ไม่ว่าใครจะพูดอะไรก็ให้แกล้งบ้า เช่นนี้คนจากศาลาว่าการก็จะตัดสินคดีไม่ได้ และข้าก็ไม่ต้องชดใช้ด้วยชีวิต”

“ตอนนั้นข้าเอาแต่ร้องไห้ แต่เขาก็ยืนยันสัญญาว่าเมื่อคดีจบลง ทุกคนก็จะค่อยๆ ลืม ถึงตอนนั้นเขาจะพาข้าออกไปจากหอคอยคนคลั่ง ให้หมอมารักษาข้า และข้าจะยังคงเป็นภรรยาของเขา”

“ข้าจนปัญญาจริงๆ แค่คิดว่าหากศาลาว่าการซักไซ้ขึ้นมาก็ไม่ต้องพูดอะไร พูดเพียงแต่ว่ารัชทายาทต้องการข่มขืนและทำให้ชื่อเสียงของข้าเสียหาย ข้าไม่มีหนทางอื่นนอกจากทำตามสิ่งที่เขาบอก”

“หลังจากนั้นเขาก็เป็นคนจัดการเรื่องทั้งหมด ท่านโหวและภรรยาก็เสียใจที่สูญเสียลูกชายจนล้มหมอนนอนเสื่อ เขาเข้าๆ ออกๆ ศาลาว่าการแล้วคดีนี้ก็จบลง จากนั้นข้าก็ถูกส่งตัวมาที่หอคอยคนคลั่งนี้”

“ข้าซาบซึ้งใจมาก เพราะคิดว่าเขาช่วยล้างความผิดให้ข้า แต่ไม่คิดว่าเขาจะมีความคิดเช่นนี้ซ่อนอยู่ ข้ายังรอคอยตามสัญญาของเขาอยู่ทุกวัน”

“ท่านบอกว่าวันนั้นรัชทายาทดูแปลกไป?”

ซิ่วอวิ๋นพยักหน้า “ไม่ต้องพูดถึงบุคลิกของเขา ในฐานะที่เป็นรัชทายาทแห่งจวนท่านโหวเขาจะกล้าทำเรื่องบ้าบิ่นเช่นนั้นหรือ?”

ในใจของเหลิ่งชิงฮวนคาดเดา “เกรงว่าคงมีใครทำอะไรกับร่างกายของเขาจนเขาควบคุมตัวเองไม่ได้”

“เลวทรามจริงๆ!” เสิ่นหลินเฟิงคำราม “ไอ้สารเลวซือหมิงเจ๋อมีความคิดยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเช่นนี้ตั้งแต่แรก หากตอนนั้นท่านน้าไม่อาจขัดขืนจนถูกจับได้ เขาก็คงมีข้ออ้างในการปลดภรรยาแล้ว อีกทั้งยังสามารถผลักรัชทายาทให้ลงจากตำแหน่งแล้วขึ้นแทนเองได้”

ซิ่วอวิ๋นปิดหน้าร่ำไห้ “ต้องโทษที่ข้าเชื่อผิดคน นอกจากทำร้ายตัวเองแล้วยังทำให้ท่านแม่ต้องเป็นกังวล ข้ามันอกตัญญู”

เหลิ่งชิงฮวนเอ่ยปลอบประโลม ก่อนทั้งหมดจะเข้าไปในเมือง

ประตูเมืองปิดแล้วแต่ในมือของเสิ่นหลินเฟิงมีป้ายคำสั่งอยู่จึงไม่อาจขวางเขาได้ เขาส่งเหลิ่งชิงฮวนกลับไปที่จวนอ๋องฉีก่อน

“พรุ่งนี้ข้าจะพาคนจากจวนท่านเคาท์ไปที่จวนท่านโหว พี่สะใภ้ไม่ต้องออกหน้าแล้ว อยู่ในจวนอย่างสบายใจเถอะ เดี๋ยวท่านพี่จะโกรธจนข้ากับท่านเป็นเพื่อนกันไม่ได้”

เมื่อพูดถึงมู่หรงฉี มุมปากของเหลิ่งชิงฮวนก็แทบจะฉีกไปถึงหู

“ตอนนี้ข้างกายเขามีอนุมากมาย ชีวิตน่าภูมิใจ เขาจะมีเวลามาสนใจหม่อมฉันที่ไหนกันล่ะ? ซือหมิงเจ๋อร้ายกาจเช่นนั้นหากเขารู้ว่าพวกเราไปชันสูตรศพที่วัดฝ่าหวาก็คงจะกัดท่านไม่ปล่อย”

“อีกอย่างทั้งหมดนั้นเป็นเพียงแค่การคาดเดาของพวกเรา ไม่มีหลักฐานอะไร หากไปที่จวนท่านโหวตอนนี้อาจเป็นการยากที่จะทำให้เขายอมรับผิดได้ หากมีตรงไหนที่หม่อมฉันสามารถช่วยเหลือได้ก็ให้คนมาตามหม่อมฉันได้ทุกเมื่อ”

เสิ่นหลินเฟิงมองไปที่องครักษ์ตัวสูงบนหลังม้าก่อนจะรีบดึงสายตากลับมา

“หลินเฟิงไม่เชื่อว่าหากดึกดื่นแล้วพี่สะใภ้ยังไม่กลับท่านพี่จะไม่ทุกข์ร้อนอะไร คงจะเป็นกังวลเสียมากกว่า”

เหลิ่งชิงฮวนกะพริบตา “บุรุษสามสตรี ได้ดีแล้วทิ้งภรรยา อย่าว่าแต่ดึกดื่นเลย ต่อให้ข้าแอบหนีไปกับคนอื่นเขาคงจะจุดประทัดฉลองเสียด้วยซ้ำ”

เสิ่นหลินเฟิงยิ้มหลังจากคลุกคลีกับพี่สะใภ้ตัวน้อยมาสักพัก ก็รู้ว่านางนั้นไม่ปฏิบัติตามขนบธรรมเนียมเหมือนกับคนอื่นๆ รูม่านตาของเขาหดลงก่อนจะยิ้มอย่างขี้เล่น

“ไม่แน่นะ ถ้ามีใครสักคนในโลกนี้ที่กล้าลักพาตัวพี่สะใภ้ไป เกรงว่าท่านพี่คงพลิกแผ่นดินหาจนเจอแล้วนำเขามาฝังลงดิน”

เหลิ่งชิงฮวนเบ้ปาก “วางใจเถอะ คุณสมบัติของคนที่จะทำให้หม่อมฉันยอมหนีไปด้วยได้สิ่งสำคัญข้อแรกมิใช่นิสัย แต่เป็นความสามารถ อย่างแรกต้องมีหมัดที่จะซัดจนลูกพี่ลูกน้องของท่านเข็ดหลาบได้”

เสิ่นหลินเฟิงหัวเราะดังลั่น เพราะว่าซิ่วอวิ๋นยังอยู่และนางอยากที่จะกลับจวนแล้ว เขาจึงไม่ได้อยู่เล่นอะไรต่อ เพียงแต่ส่งสายตาอวยพรแล้วขึ้นรถม้าตรงไปที่จวนท่านเคาท์

ทหารอารักขาหน้าประตูได้ยินเสียงจึงเปิดประตูจวนต้อนรับเหลิ่งชิงฮวนเข้ามาและไม่ได้เอ่ยถามว่าออกไปที่ไหนมา

หลังจากเหลิ่งชิงฮวนกลับมาถึงเรือนก็หันหน้าไปมององครักษ์ตัวสูงก่อนจะเอียงคอถาม “วิทยายุทธ์ของเจ้าหรือมู่หรงฉีที่เก่งกว่า”

องครักษ์หน้ากากผีตัวเตี้ยหดคอ ส่วนองครักษ์ตัวสูงเพียงแค่เหลือบตามองเธอ ไม่พูดอะไรแล้วหันหลังเดินจากไป

“เฮ้ เจ้าชื่ออะไรน่ะ” เหลิ่งชิงฮวนถามอีกครั้ง “ทำความรู้จักหน่อยสิ”

อีกฝ่ายไม่สนใจเธอก่อนจะเดินออกไปด้วยท่าทางสง่า

เหลิ่งชิงฮวนเบ้ปาก “นายเป็นอย่างไรบ่าวก็เป็นเช่นนั้น อารมณ์ร้ายซะเหลือเกิน ก็แค่ถามเฉยๆ ไม่ได้จะให้พาข้าหนีเสียหน่อย จะกลัวอะไรนัก”

ฝีเท้าขององครักษ์นั้นหยุดลงแต่ไม่ได้หันกลับมา

กลับบ้านไปหาแม่ไป

เหลิ่งชิงฮวนกลับมาที่เรือนหลักไม่เจอมู่หรงฉีแต่กลับเจอเหลิ่งชิงหลางแทน ดึกป่านนี้แล้วยังไม่นอน มาฟังเสียงจิ้งหรีดร้องที่เรือนเธอหรือไง

แม่หวังกับโตวโตวก็รอเธอจนไม่หลับไม่นอนได้แต่ยืนหงอยเหงาคอยรับใช้เหลิ่งชิงหลาง

เหลิ่งชิงหลางเอนตัวอยู่บนเก้าอี้หวาย แม่จ้าวพัดไล่แมลงให้นางอยู่ข้าง นางเองก็รู้สึกเบื่อจนหาวอยู่หลายรอบ

เมื่อดูเวลาก็ประมาณเที่ยงคืนแล้ว เหลิ่งชิงฮวนวิ่งวุ่นทั้งคืนซ้ำยังเหนื่อยมาก เมื่อเห็นเจ้านายที่ไม่ได้เรื่องคนนี้ก็เหนื่อยใจ

โตวโตวเห็นเธอกลับมาแล้วก็รีบลุกขึ้นด้วยความตื่นเต้น “คุณหนู กลับมาแล้วหรือเจ้าคะ”

เหลิ่งชิงหลางเปิดเปลือกตาเหลือบมองเธอ ก่อนจะหยิบพัดจากแม่จ้าวมาพัดเองแล้วลุกขึ้นอย่างเกียจคร้าน

“ในที่สุดพี่สาวก็กลับมาเสียที น้องสาวเป็นห่วงแทบแย่”

เหลิ่งชิงฮวนเหลือบมองนางด้วยสายตาเย็นชา “ข้าไม่ได้ออกไปข้างนอกทั้งคืน ทำให้น้องสาวผิดหวังมากใช่ไหม?”

เหลิ่งชิงหลางยิ้มเยาะ “ไม่นับว่าผิดหวังหรอก แต่ว่าสตรีคนไหนที่ไปเกลือกกลั้วกับชายอื่นจนถึงเที่ยงคืนเช่นนี้? ท่านพี่นี่มันไม่เพียงขายหน้าท่านอ๋องเท่านั้น แต่ชื่อเสียงลูกสาวมหาเสนาบดีก็จะเสื่อมเสียไปด้วย ขอให้ท่านพี่โปรดยับยั้งคำพูดและการกระทำด้วย เมื่อน้องออกไปนอกจวนจะได้ไม่โดนผู้คนนินทา”

ตั้งแต่เหลิ่งชิงฮวนเห็นนางก็รู้แล้วว่าจะมาพล่ามอะไร

นางรออยู่ที่เรือนของเธอดึกๆ ดื่นๆ เพราะกลัวว่าเธอจะกลับมาเงียบๆ และไม่มีใครรู้ นางจะต้องคิดหาวิธีเพื่อก่อสงครามกับเธอ แค่ทะเลาะกันจนข่าวลือไปถึงหูมู่หรงฉีเธอก็จะโดนตีแน่นอน

หากไปพูดต่อหน้ามู่หรงฉีสักครั้งสองครั้งคงไม่เป็นไร แต่ถ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้วไปจุดประกาย นั่นเป็นการกระตุ้นความโกรธของมู่หรงฉี ดูท่าอาจารย์คนใหม่คงจะไม่เลว เหลิ่งชิงหลางถึงได้เปลี่ยนกลยุทธ์ใหม่

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา