ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 93

สรุปบท ตอนที่ 93 องค์หญิงใหญ่เสด็จ: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา

อ่านสรุป ตอนที่ 93 องค์หญิงใหญ่เสด็จ จาก ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา โดย เฉลิมพล

บทที่ ตอนที่ 93 องค์หญิงใหญ่เสด็จ คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายนิยาย โรแมนติค ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย เฉลิมพล อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

“วันนี้มีผู้ใหญ่อยู่จำนวนมาก ดังนั้นใครบางคนจึงต้องถูกตัดสินว่าถูกหรือผิด สาเหตุของการตายของรัชทายาทจะถูกเปิดเผยหลังจากศาลาว่าการพิสูจน์ความจริง สิ่งที่ท่านโหวพูดเป็นการรังแกกันมากเกินไป ทั้งยังขัดขวางซ้ำแล้วซ้ำเล่า หรือว่าท่านไม่อยากรู้หรือว่าใครคือฆาตกรตัวจริงที่ฆ่ารัชทายาท?”

ทั้งสองฝ่ายต่างไม่ยอมซึ่งกันและกัน ไม่นานคนรับใช้รีบเข้ามาจากข้างนอกและคุกเข่าลงบนพื้น

“รายงานท่านโหว เมื่อคืนมีคนบุกเข้าไปในวัดฝ่าหวา ทำให้เหล่าบรรดาพระสงฆ์สลบไสลและเปิดโลงศพของคุณชายใหญ่ตั้งใจจะขโมยของที่ฝังอยู่กับเขาขอรับ”

การแสดงออกของซือหมิงเจ๋อที่ยืนอยู่ข้างหลังท่านโหวเปลี่ยนไปทันที เขารู้สึกประหลาดใจมากยิ่งขึ้นเมื่อได้ยินรายงานของคนรับใช้ ก่อนจะมองไปที่เสิ่นหลินเฟิง

“หัวขโมยงั้นหรือ”

“ไม่ทราบขอรับ เมื่อคืนตอนที่บ่าวไปแลกเงิน บังเอิญเห็นหัวขโมยสามคนนั่นเข้าพอดี ทว่าพวกมันปิดหน้ามิดชิดทำให้มองเห็นหน้าไม่ชัด”

ซือหมิงเจ๋อเยาะเย้ย “ข้าเข้าใจแล้ว ไม่แปลกเลยที่จวนท่านเคานต์มาที่นี่ในวันนี้พร้อมกับการประโคมข่าวเกี่ยวกับอาชญากรรม ที่แท้พวกเขาก็มีอะไรต้องหวาดกลัวแล้วนี่เอง พวกเขาต้องแอบทำอะไรบางอย่างบนร่างของพี่ใหญ่แน่ เมื่อการตรวจพิสูจน์เสร็จสิ้นอาจได้ข้อสรุปการตายที่ต่างออกไป เพียงเท่านี้สกุลฉีก็จะหลุดพ้นจากข้อกล่าวหา”

แน่นอนว่าซือหมิงเจ๋อทั้งายกาจและน่ารังเกียจ เขาด่ากลับและใส่ร้ายเสิ่นหลินเฟิงจนไม่เหลือชิ้นดี

การสืบสวนคดีนี้ไม่ใช่เรื่องยาก ความยากอยู่ที่ท่าทีของจวนท่านโหวที่มีต่อเรื่องนี้ต่างหาก หากท่านโหวไม่ยอมปล่อย แม้แต่วัดต้าหลี่และคนอื่น ๆ ก็ไม่สามารถแทรกแซงได้ จากนั้นจึงยากที่จะหาหลักฐานเพิ่มเติม

“เหลวไหล!” ฉีซิ่วอวิ๋นโต้กลับด้วยความโกรธ “”ก่อนเกิดอุบัติเหตุ เจ้าเปลี่ยนคนรับใช้ของท่านโหวในเรือนของข้า หลังจากเกิดอุบัติเหตุ เจ้าก็เป็นคนแรกที่บุกเข้ามาในห้องของข้า เจ้าอาศัยตอนที่ข้ากำลังตกใจจัดการเรื่องทั้งหมด ไม่ใช่เพื่อจัดการพี่ใหญ่กับข้างั้นหรือ”

“น่าขันสิ้นดี มีหลักฐานหรือไม่ เจ้าแต่งงานเข้ามาในจวนท่านโหวเกือบสิบปีแล้ว ไม่ได้ให้กำเนิดลูกเลยสักครั้ง ทว่ากลับทำผิดกฏ หากข้าอยากปลดเจ้าก็แค่สามารถร้องเรียนได้อย่างง่ายๆ เหตุใดต้องเสี่ยงอันตรายถึงขนาดนั้นด้วยเล่า”

มู่หรงฉีกระซิบกับเหลิ่งชิงฮวน ที่อยู่ข้างๆ “ถ้าเช่นเช่นนั้นตะปูบนศีรษะของคุณชายใหญ่ถุกตอกไว้นานแล้วหรือเพิ่งทำอย่างกะทันหัน เจ้าสามารถตรวจพิสูจน์ได้หรือไม่”ไ

เหลิ่งชิงฮวน ไม่แน่ใจ “ข้าไม่รู้ว่าะดับการชันสูตรศพในตอนนี้เป็นอย่างไร และยังจำเป็นต้องให้ท่านโหวยอมรับก่อนด้วย”

มู่หรงฉีไม่พูดและดูความสนุกตรงหน้าต่อไป

ฉีซิ่วอวิ๋นพูดด้วยสีหน้าแดงก่ำ “ข้าเคยแอบพบหมอเมื่อนานมาแล้ว หมอบอกว่ามันไม่ใช่ปัญหาของข้า เพื่อรักษาหน้าของท่าน ข้าจึงไม่ได้ประกาศเรื่องนี้ให้โลกภายนอกรู้”

“หึๆ” ซือหมิงเจ๋อหัวเราะเยาะ “”ฉีซิ่วอวิ๋น วันนี้เจ้าดุแปลกไปหรือเปล่า คำแก้ตัวง่อยๆ แบบนี้ยังกล้าเอามาพูด มันไม่ใช่ปัญหาของเจ้าแต่เป็นปัญหาของข้า? แล้วเด็กในท้องของ เสียงจือเกิดขึ้นได้อย่างไร”

เขายกมือขึ้นและชี้ไปที่ผู้หญิงข้างๆ เธอมีเอวหนาและเห็นได้ชัดว่าตั้งครรภ์ได้เจ็ดหรือแปดเดือน เมื่อได้ยินคำพูดของซือหมิงเจ๋อ นางก็ลูบท้องอย่างภาคภูมิใจและยิ้มอย่างเย้ยหยันให้กับฉีซิ่วอวิ๋น

“เจ้าท้องไม่ได้เองทว่ากลับโทษฝ่ายชาย เห็นได้ชัดว่าเจ้าน่ะกำลังพยายามยั่วยุความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับหมิงเจ๋อ เป็นไปได้ไหมว่านี่คือสาเหตุที่เจ้าล่อลวงพี่ใหญ่เพราะต้องการยืมเงิน”

ช่างเป็นผู้หญิงที่เฉียบแหลมนัก ไม่แปลกใจที่ซิ่วอวิ๋นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนาง การเลี้ยงดูทำให้ซีอวิ๋นไม่สามารถพูดคำที่น่าเกลียดเช่นนี้ได้

เหลิ่งชิงฮวนมองไปที่ผู้หญิงคนนั้นด้วยหัวใจเต้นแรง

ซือหมิงเจ๋อแต่งงานมาสิบปีแล้วและไม่มีลูก พวกเขาบอกกัยว่ามีสามสิ่งที่ไม่กตัญญูต่อพ่อแม่ สิ่งใหญ่ที่สุดคือการไม่มีลูก เขาเป็นคนทะเยอทะยานมาก เขาควรจะมีทั้งภรรยาเอกและนางสนมมากมาย แต่เท่าที่ได้ยินมาเขามีเพียงฉีซิ่วอวิ๋นเป็นภรรยาคนเดียว

เป็นไปไม่ได้ที่จะบอกว่าเขาทุ่มเท เว้นแต่เขาจะตระหนักดีว่าเขาไม่มีภาวะเจริญพันธุ์ หากเขาไม่รับนางบำเรอ เขาจะสามารถตำหนิซิ่วอวิ๋นว่าเป็นความผิดของนางได้

เพื่อตรวจสอบการคาดคะเน เหลิ่งชิงฮวน เปิดแหวนนาโนอย่างเงียบ ๆ และสแกนช่องท้องของเสียงจือจากระยะไกล ตามที่เธอคาดไว้...เมียน้อยคนนี้ไม่ได้ตั้งครรภ์เลยด้วยซ้ำ

หลังจากแสดงท่าทางสามครั้งติดต่อกัน เสิ่นหลินเฟิงก็เข้าใจและพยักหน้าเพื่อแสดงออกว่าเขาเข้าใจ

ทุกคนยืนกรานในความคิดเห็นของตนเองจนกระทั่งถึงทางตัน จวนท่านโหวต้องการให้ฆ่าฉีซิ่วอวิ๋น เพื่อชดใช้ ส่วนสกุลฉีกล่าวหาว่าซือหมิงเจ๋อใส่ร้ายป้ายสี แต่พวกเขาไม่ได้พูดอะไร

คนรับใช้อีกคนของจวนท่านโหวรีบเข้ามาในห้องเพื่อรายงาน “รายงานท่านโหว องค์หญิงใหญ่เสด็จขอรับ!”

“อะไรนะ?” ท่านโหวตกตะลึง “เหตุใดถึงทำให้องค์หญิงใหญ่ตกพระทัยเล่า”

เขาเพิ่งเปลี่ยนใจและเข้าใจการเดิมพันในครั้งนี้ หากองค์หญิงองค์ใหญ่เข้ามาแทรกแซงเรื่องวันนี้ เกรงว่าจะควบคุมเรื่องนี้ไม่ได้อีกต่อไป

องค์หญิงใหญ่ได้นำผู้คนเข้าไปในจวนท่านโหวแล้ว โดยสวมชุดสีแดง สวมฝ้าโพกผมสีเงินสลวยทั่วศีรษะ ตามมาด้วยทหารยามแปดคนในชุดผ้าไหมอันสง่างาม

ทุกคนรีบยืนขึ้นทำความเคารพในทันที

ใบหน้าขององค์หญิงใหญ่จมดิ่งลงราวกับน้ำและพูดเบา ๆ “ไม่ต้องพิธีรีตอง”

เมื่อองค์หญิงองค์โตประทับอยู่ก็ไม่มีใครกล้านั่ง

องค์หญิงใหญ่ไม่พูดมากและเข้าประเด็นหลักในทันที “”เจ้าพูดต่อไปสิ วันนี้ข้าเป็นเพียงผู้สังเกตการณ์ อย่างไรเสียหลานเขยของข้าต้องมาตายตั้งแต่ยังหนุ่ม เหลือเพียงหลานสาวของข้าที่กำพร้าเป็นหม้าย ไม่รุ้จะใช้ชีวิตในอนาคตต่อไปอย่างไรข้าในฐานะย่าคงจะนิ่งดูดายไม่ได้”

สีหน้าของท่านโหวดูไม่ค่อยดีนัก “นางสกุลฉีผู้นี้แสร้งทำเป็นคนเสียสติ ตั้งใจที่จะหลบหนีการลงโทษ”ตระกูลฉีและโง่เขลา วันนี้นางไม่สามารถเอาชีวิตรอดจากความยากลำบากของหอคอยคนวิปลาสได้ ดังนั้นจึงสั่งให้คนบุกเข้าไปในวัดฝ่าหวาเมื่อคืนและยุ่มเกี่ยวกับศพของลูกชายกระหม่อม ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียในชื่อเสียง ทว่ากลับปัดความรับผิดชอบ ความผิดนี้สมควรได้รับโทษ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา