ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา นิยาย บท 99

เมื่อเสนาบดีเหลิ่งเห็นลูกสาวของตน ก็มองนางตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยความเกลียดชัง ก็ได้พบว่าหลังจากที่นางแต่งเข้าจวนท่านอ๋องแล้วก็ดูอ้วนขึ้น ใบหน้าของนางก็อิ่มเอม ไม่เหมือนตอนที่อยู่ในจวนทั้งผอมทั้งแห้ง

อย่างที่เห็น ชีวิตของลูกสาวที่จวนท่านอ๋องนั้นก็ดีอย่างมาก ไม่เหมือนจดหมายที่เหลิ่งชิงหลางส่งมาว่าสามวันห้าวันก็จะทะเลาะกันที

อีกอย่าง ช่วงนี้เหลิ่งชิงฮวนก็มีชื่อเสียงอย่างมาก เป็นแค่หญิงในเรือนก็สามารถมีหน้ามีตาในท้องพระโรงได้ แถมยังรักษาโรคของสี่กงกงที่ไทเฮาให้ความสำคัญอีกด้วย

แม้ว่าสี่กงกงจะเป็นแค่บ่าว แต่ฮ่องเต้เองยังต้องเคารพเขาไม่มากก็น้อย เขานั้นเป็นคนที่มีชื่อเสียงในพระราชวังไม่น้อยเลย ตนเองนั้นเป็นถึงอัครมหาเสนาบดีขวาที่มีอำนาจ แต่สี่กงกงเห็นตนเองแล้วก็แต่ทักทายตามมารยาท

ดูๆ แล้ว นางคนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ

ดังนั้น เขาพูดกับเหลิ่งชิงฮวนด้วยความสุภาพ แถมยังให้คนเอาเต้าหู้เหม็นที่เหลิ่งชิงฮวนมากที่สุดมาให้อีกด้วย

มีทั้งแบบทอด เผ็ดซ่า แบบดอง แล้วก็มี... เหมือนจะมีแบบตุ๋นด้วยหรือเนี่ย

อาหารผิดสำแดงนั้นวางเต็มโต๊ะ กองอยู่หน้าของเหลิ่งชิงฮวน กลิ่นเหม็นอบอวล กลิ่นเหม็นนี่แทบจะทำให้เหลิ่งชิงฮวนนั้นลาโลกไปทางช้างเผือกแล้ว

บ่าวที่รับใช้อยู่ตรงนั้นก็อดกลั้นจนหน้าแดงก่ำราวกับอั้นพระบังคนหนักเอาไว้

"ท่านพ่อคงจะไม่ได้เรียนลูกกลับมาเพราะเต้าหู้มันเน่าจนไม่มีที่เก็บใช่ไหม"

สีหน้าของเสนาบดีเหลิ่งนั้นเต็มไปด้วยความรัก "ได้ข่าวว่านี่เป็นเต้าหู้เหม็นพระชายาที่ดังที่สุดในตอนนี้ บ่าวที่จวนไปเข้าแถวต่อคิวซื้อตั้งแต่เช้า แต่ก็ได้มาแค่นี้ หากลูกชอบกิน ก็กินเยอะๆ เลยนะ"

เหลิ่งชิงฮวนนั้นเหงื่อไหล "ใครบอกว่าข้าชอบของพรรค์นี้กัน หากใครไม่รู้คงจะคิดว่าเปิดครัวที่ห้องส้วมไปแล้ว"

"แต่พ่อได้ข่าวว่า เมื่อวานบนถนน เจ้าทำร้ายหน้าของท่านอ๋องเพียงเพราะเต้าหู้เหม็นชิ้นเดียว"

เหลิ่งชิงฮวนอึ้งไป เต้าหู้เหม็นอะไรกัน เขาฉวยโอกาสลูกสาวของท่านต่างหาก! แต่มาคิดๆ ดูแล้ว ตามหลักแล้วเขาก็ถือว่าเป็นสามีของตน ต่อให้เขาฉวยโอกาสตนเอง ตนเองไปทำร้ายหน้าของเขา ฟังแล้วก็เป็นตนเองที่เสียเปรียบ

นางยิ้มแห้ง "ข่าวของท่านพ่อนี่ไวจริงๆ"

"ถ้าอย่างนั้นแล้ว นี่ไม่ใช่ข่าวลือเป็นเรื่องจริงสินะ" เสนาบดีเหลิ่งลุกขึ้นมาด้วยความตกใจ "เรื่องของเมื่อคืนนั้นในเมืองเขาลืมกันไปทั่วแล้ว ตอนไปเข้าเฝ้าที่ท้องพระโรงเมื่อเช้า ขุนนางหลายคนก็ต่างวิพากษ์วิจารณ์ เกรงว่าตอนนี้คงจะลืมไปถึงหูของฮ่องเต้กับไทเฮาแล้ว เหลิ่งชิงฮวน นับวันเจ้าจะกล้าขึ้นเรื่อยๆ แล้วนะ"

"หึ ก็แค่การทะเลาะเบาะแว้งกันระหว่างสามีภรรยา แค่เรื่องปกติทั่วไป คนพวกนี้ทำไมถึงได้ขี้นินทาแบบนี้นะ" เหลิ่งชิงฮวนนั้นไม่พอใจอย่างมาก

"เรื่องปกติทั่วไป!" เสนาบดีเหลิ่งเองก็ตกใจเหมือนกัน "เขาเป็นถึงเทพแห่งสงคราม ท่านอ๋องของเมืองฉางอัน เป็นพระโอรส นี่เจ้ากล้าลงมือทำร้ายท่านรึ"

ทำเป็นเรื่องใหญ่ไปได้ พวกเขาสองคนนั้นทะเลาะเบาะแว้งกันก็ไม่ใช่ครั้งสองครั้งแล้ว

เหลิ่งชิงฮวนพูดไม่ใส่ใจนัก "ช่วยไม่ได้ ท่านอ๋องก็รักและเอ็นดูข้าแบบนี้แหละ วันนี้ท่านเพิ่งพูดว่า สู้ได้ก็สู้ สู้ไม่ได้ก็ทน"

"นี่เจ้าได้รับความรักเอ็นดูจนเหิมเกิมแล้ว!" เสนาบดีเหลิ่งลนลานทันที "หากเรื่องนี้แพร่หลายออกไป เจ้าจะทำให้ท่านอ๋องฉีถูกคนหัวเราะเยาะเอา ในวันแต่งเจ้าก็ทำให้ท่านอ๋องเป็นตัวตลกของคนอื่นไปแล้ว ตอนนี้ยังจะดุร้ายห้าวหาญแบบนี้ อย่าว่าแต่ถูกหย่าร้างเลย หากร้ายแรงอาจถูกประหารชีวิตได้เลย"

เหลิ่งชิงฮวนกะพริบตา "ท่านพ่อตั้งใจให้คนไปรับลูกมาก็เพราะเรื่องนี้หรือ มันจะเป็นการทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ไปหรือเปล่า"

เขาเห็นเงาของคนที่พูดจาด้วยเสียงของเด็กจนทำให้ขุนนางแคว้งหนานจ้าวโกรธจนหน้าแดงที่ตำหนักจินหรวนผ่านตัวของเหลิ่งชิงฮวน

เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเหลิ่งชิงฮวนนั้นอ่อนแอพูดน้อยตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วก็ไม่รู้ว่านางกลับมาเผยความสามารถที่มีนั้นออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่

เขาไม่สามารถโต้ตอบได้ ได้แต่ชี้หน้าเหลิ่งชิงฮวนด้วยความโกรธ เพื่อรักษาศักดิ์ศรีสุดท้ายของความเป็นพ่อเอาไว้

"เนรคุณ! นี่เจ้าบ้าไปแล้วหรือ!"

เหลิ่งชิงฮวนยิ้มเบาๆ "ท่านพ่อเป็นเสนาบดีมานานหลายปี คำพูดดีๆ นั้นฟังมามากพอแล้ว หากท่านคิดถึงข้า ข้าก็จะอยู่อาศัยที่นี่สักสองสามวัน วันไหนที่เบื่อหน้าแล้ว อย่าลืมให้รถม้าไปส่งจ้าด้วย ตอนนี้ข้ากลับไปพักที่ลานเดิมของตนเองก่อนนะ"

ไม่รอให้เสนาบดีเหลิ่งพูดอะไร นางเอามือปิดจมูกแล้วพาโตวโตวที่ทำตาโตอ้าปากค้างจากไป

เสนาบดีฝ่ายขวาที่เตรียมคำพูดสั่งสอนมามากมายนั้นก็นั่งลงไปอย่างหมดแรง แล้วก็ทุบไปที่ที่เท้าแขนของเก้าอี้ "ตอนนั้นไม่น่าให้พวกเจ้าเกิดมาเลย!"

การกลับบ้านของเหลิ่งชิงฮวนในครั้งนี้ไม่เหมือนกับครั้งก่อน ครั้งก่อนเหลิ่งชิงหลางได้ใจอย่างยิ่ง ส่วนตนเองกลับถูกลงโทษให้คุกเข่าที่ห้องศาลบรรพบุรุษ ราวกับไก่ตกน้ำ ช่วงนี้เรื่องที่นางใช้เข็มเงินแก้ยาพิษของปลาปักเป้า แล้วก็เรื่องที่นางช่วยชีวิตที่วิกฤตของสี่กงกงนั้นก็แพร่เข้ามาที่จวนมหาเสนาบดี

บ่าวรับใช้ต่างวิพากษ์วิจารณ์ว่าคุณหนูใหญ่นั้นคงจะอยู่ในตำแหน่งพระชายาได้อย่างมั่นคงแล้ว คงจะไม่หย่าร้างนางในเร็วๆ นี่แน่

ดังนั้น เมื่อนางกลับมาจึงได้กระตือรือร้นแบบนั้น ไม่ต้องรอให้นางสั่ง ก็ทำความสะอาดลานเดิมของนางให้อย่างสะอาด มีผลไม้ที่สด ของหวานที่หรูหรา ชาก็รินเอาไว้เรียบร้อย มีความรุ่งโรจน์กว่าเมื่อก่อนมาก

ในครั้งนี้เหลิ่งชิงฮวนเองก็ไม่ได้ใจแคบ ควรให้รางวัลก็ให้ ทำหน้าที่ได้อย่างดี ในอนาคตหากพี่ชายสอบไม่ได้ตำแหน่งสูงส่ง เมื่อกลับมาอยู่ที่จวนเสนาบดี ก็จะได้ไม่ถูกใครดูถูกง่ายๆ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติเวลามาเป็นชายา