เจ้ารู่เก๋อเป็นชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาที่เกล้าผมสีดำยาวขึ้นเป็นมวยเรียบร้อยด้วยปิ่นสีเขียว เขาสวมชุดคลุมยาวสีขาว รองเท้าเกล็ดมังกร และเข็มขัดหยก ชายหนุ่มดูทั้งสูงศักดิ์และสง่างาม
“เจ้ารู่เก๋อรึ?!”
ซุนฉีเซี่ยงยันตัวลุกขึ้นยืนด้วยท่าทางน่าเวทนา เอามือสองข้างกุมของลับของตนเองไว้ สีหน้าบูดบึ้งขณะมองชายหนุ่มรูปงามตรงหน้า
“ข้าไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่านายน้อยซุนจะมีงานอดิเรกเช่นนี้ ช่างเปิดหูเปิดตาข้าจริงๆ ” เจ้ารู่เก๋อหัวเราะคิก สายตากวาดมองร่างกายเกือบล่อนจ้อนของซุนฉีเซี่ยงด้วยสีหน้าประหลาด
ซุนฉีเซี่ยงหน้าแดงก่ำ เขาเบือนสายตาไปมองลูกน้องตนเองที่ยืนอยู่ข้างหลังเจ้ารู่เก๋อ คนที่เขาส่งให้วิ่งไปตามอีกฝ่ายมาก่อนหน้านี้
หลังกระชากเสื้อผ้าลูกกระจ๊อกมาใส่เองเป็นที่เรียบร้อย ซุนฉีเซี่ยงก็มีสีหน้าดีขึ้นเล็กน้อย เขาไม่สนใจเจ้ารู่เก๋อแต่หันกลับไปที่ร้านแล้วตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยว “หากพรุ่งนี้ข้าไม่ได้พังร้านเจ้าให้ราบเป็นหน้ากลอง ข้าก็ไม่ขอใช้แซ่ซุนอีกต่อไป! ข้าจะกลับมาคิดบัญชีเจ้าแน่!”
พอตะโกนอาฆาตมาดร้ายเสร็จ เขาก็หันไปหาเจ้ารู่เก๋อ “นายน้อยเจ้า นางในฝันของท่านอยู่ในร้านรูหนูนั่น แล้วข้าก็อยากจะเตือนอะไรไว้เล็กน้อย ไอ้ร้านนี่มันไม่ชอบมาพากล ดูเหมือนว่าเซียวเยียนอวี่คนงามจะต้องมนต์อะไรเข้าสักอย่างแล้ว”
จากนั้นซุนฉีเซี่ยงก็เดินอาดๆ หนีไปด้วยความขมขื่น โดยไม่แม้แต่จะมองปฏิกิริยาของเจ้ารู่เก๋อ
“ต้องมนต์อะไรสักอย่างรึ” มุมปากของเจ้ารู่เก๋อยกขึ้น รอยยิ้มสื่อความหมายปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลา เขามองไปทางร้านอาหารเล็กๆ แสนเรียบง่ายในตรอก
การที่ร้านอาหารเล็กๆ ในตรอกห่างไกลนี้จะมีลูกค้ามาเยือน แถมยังเป็นถึงบุตรของแม่ทัพใหญ่เซียวเหมิงด้วยแล้ว แปลว่าร้านนี้ต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
เจ้ารู่เก๋อที่มีสีหน้าระมัดระวังเริ่มเดินไปที่ร้าน เขาอยากรู้นักว่าร้านนี้จะมีมนต์กลลวงอะไร
แต่ก่อนที่จะไปถึงทางเข้า เขาก็เห็นสองพี่น้องตระกูลเซียวเดินออกมาด้วยสีหน้าแปลกประหลาด
เซียวเยียนอวี่ดูตื่นเต้น ทว่าไม่ใช่เพราะเหตุการณ์ที่ปู้ฟางโยนซุนฉีเซี่ยงออกจากร้าน แต่เป็นเพราะข้าวผัดไข่ต่างหาก หลังจากที่นางกินข้าวผัดไข่สูตรปรับปรุงเข้าไป นางก็รู้สึกได้ว่าพลังปราณเที่ยงแท้ในกายกำลังหมุนวนไหลเวียนด้วยปริมาณที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก แม้จะยังไปไม่ถึงจุดที่จะทำให้นางบรรลุได้ แต่ก็จัดว่าเพิ่มขึ้นมากเลยทีเดียว
หญิงสาวประทับใจข้าวผัดไข่สูตรปรับปรุงเป็นอย่างมากที่ช่วยเพิ่มพลังปราณให้ผู้ฝึกตนได้ มันมีฤทธิ์เทียบเท่าโอสถทิพย์ระดับสี่เลยทีเดียว นอกจากนี้หากเทียบกับโอสถทิพย์แล้ว รสชาติของข้าวผัดไข่ยังอร่อยเลิศจนน่าอัศจรรย์ใจ
ทั้งยังไม่ต้องสงสัยเลยว่าเหตุใดคนที่สั่งข้าวผัดไข่สูตรปรับปรุงได้ จะต้องมีปราณระดับสามขั้นคลั่งยุทธการเป็นอย่างต่ำ เนื่องจากปริมาณพลังปราณเที่ยงแท้ที่ได้รับจากการกินข้าวผัดไข่นั้น มากกว่าพลังปราณที่ผู้ฝึกตนระดับสองขั้นเจ้ายุทธการมีในกายเสียอีก หากผู้ฝึกตนระดับสองกินเข้าไปละก็ นอกจากไม่บรรลุแล้ว ยังจะทำให้ร่างกายระเบิดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยจากพลังปราณที่เพิ่มขึ้นโดยฉับพลันด้วย
“เยียนอวี่ เกิดอะไรขึ้นกัน” เมื่อเจ้ารู่เก๋อเห็นเซียวเยียนอวี่ แววตาของเขาก็พลันทอแสงอ่อนโยน ชายหนุ่มก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวแล้วเอ่ยถามออกมา
เซียวเยียนอวี่มัวแต่ตื่นเต้นที่พลังปราณของตนพัฒนาขึ้น และเมินเจ้ารู่เก๋ออย่างสิ้นเชิง ส่วนเซียวเสี่ยวหลงก็ได้แต่จ้องชายหนุ่มด้วยสายตาระแวดระวัง เขาไม่รู้ว่าเจ้ารู่เก๋อมาโผล่ที่สถานที่นี้ได้อย่างไร… แต่ก็พลันคิดบางอย่างได้ “ต้องเป็นไอ้เลวซุนฉีเซี่ยงแน่ๆ ที่คาบข่าวไปบอกมัน”
สองพี่น้องตระกูลเซียวเดินตัวปลิวจากไปโดยไม่สนใจเจ้ารู่เก๋อ ทำให้ชายหนุ่มทวีความสงสัยขึ้นไปอีก “เหตุใดเยียนอวี่จึงมีสีหน้าเช่นนั้น เกิดอะไรขึ้นที่นี่กันแน่”
“ขอบคุณ ไว้มาอุดหนุนอีกนะ” หลังจากที่ส่งสองพี่น้องตระกูลเซียวซึ่งกำลังเนื้อเต้นกลับไปแล้ว ปู้ฟางก็หาวหวอด ก่อนเริ่มปิดร้าน
เจ้าขาวหุ่นยนต์ประจำร้านกลับเข้าครัวไปเรียบร้อย เพื่อทำหน้าที่เฝ้าระวังต่อไป
ปู้ฟางหยิบไม้กระดานปิดประตูแผ่นสุดท้ายออกมา แต่ก่อนที่จะได้ปิดร้านสำหรับวันนี้ ชายหนุ่มรูปงามก็ปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าเขาเสียก่อน
“เถ้าแก่ อย่าเพิ่งรีบปิดสิ ข้าอยากลองทานอาหารร้านเจ้า”
เจ้ารู่เก๋อรูปหล่อยืนอยู่หน้าร้านอย่างสง่าผ่าเผยพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า ดวงตาของเขาจ้องมองปู้ฟาง ลมพัดชุดคลุมสีขาวปลิวไสว
ปู้ฟางมองหน้าเจ้ารู่เก๋ออย่างไร้อารมณ์ ในขณะที่อีกฝ่ายจ้องเขาด้วยรอยยิ้ม
“อ้อ พอดีได้เวลาปิดร้านแล้ว กรุณากลับมาใหม่พรุ่งนี้”
ปู้ฟางพูดเรียบๆ ก่อนเดินหน้าปิดร้านต่อไป
สีหน้าของเจ้ารู่เก๋อเก้อไปทันที “นี่เถ้าแก่เจ้าของร้านปฏิเสธลูกค้ารึ ร้านเล็กแค่นี้ยังจะกล้าปฏิเสธลูกค้าได้อย่างไรกัน”
“เวลาเปิดปิดร้านนั้นขึ้นอยู่กับความพอใจของเจ้าของร้าน… ย่อมเปลี่ยนได้เสมอ ข้ายินดีจ่ายเพิ่ม” เจ้ารู่เก๋อคิดอยู่สักพักก่อนพูดขึ้นอีกครั้ง
“ไม่ได้” ปู้ฟางตอบด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
เจ้ารู่เก๋อขมวดคิ้ว “ข้ายินดีจ่ายเพิ่มสองเท่า”
ปู้ฟางคิดอยู่สักพักแต่ยังคงปฏิเสธ “ไม่ได้”
เจ้ารู่เก๋ออึ้งทันที ชายหนุ่มไม่อยากเชื่อว่าร้านเล็กๆ ขนาดนี้จะกล้าปฏิเสธลูกค้า แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ !
“ข้ายินดีจ่ายเพิ่มสามเท่า!”
“ไม่”
“สี่เท่า!”
“ม… ไม่”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD