ถูกต้องแล้ว! ปู้ฟางเป็นคนคิดเล็กคิดน้อยสุดๆ !
นอกจากนี้นิสัยของเขาก็ไม่ใช่สุภาพบุรุษแต่แรก แม้เจ้าตัวจะใฝ่ฝันอยากเป็นพ่อครัวเทพ แต่ชายหนุ่มธรรมดาๆ จากโลกมนุษย์ก็ยังเป็นปุถุชนทั่วไปอยู่วันยังค่ำ
“กินให้อร่อย” ปู้ฟางพูดกับซุนฉีเซี่ยงด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ชายหนุ่มในชุดคลุมหลากสีจ้องข้าวผัดไข่เขม็ง
“ไสหัวไป! อย่าสะเออะมายุ่งตอนข้ากำลังกิน!” ซุนฉีเซี่ยงโบกมือไล่ปู้ฟางไปไกลๆ ด้วยความรำคาญ
ปู้ฟางเม้มปาก “มาดูกันหน่อยว่ากินเข้าไปแล้วจะยังปากดีอยู่อีกหรือเปล่า”
ซุยฉีเซี่ยงไม่ได้สนใจปู้ฟางอีกต่อไปและกำลังจะเริ่มลงมือกิน ทันใดนั้นเขาก็เหมือนจะนึกอะไรได้แล้วหันไปหาเซียวเยียนอวี่ นางสวมผ้าคลุมหน้ากลับไปเรียบร้อยและกลับมาเป็นสตรีสูงศักดิ์คนเดิมอีกครั้ง “ข้าสั่งมาหลายจานอยู่ เจ้าอยากร่วมโต๊ะกับข้าหรือไม่”
เซียวเยียนอวี่มุ่นคิ้ว เกิดลังเลขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อเมื่อนึกย้อนไปถึงรสชาติข้าวผัดไข่แสนอร่อย เซียวเยียนอวี่อยากสั่งมากินอีกชามหนึ่ง แต่นางมีเงินไม่พอ ทั้งยังมีกฎของร้านที่ว่าหนึ่งคนสั่งได้รายการละครั้งอีกด้วย
ดูเหมือนว่าตอนนี้การที่มีคนอื่นอยากเลี้ยงข้าวจะถือเป็นโอกาสดีไม่น้อย
แต่ก่อนที่เซียวเยียนอวี่จะมีโอกาสได้ตอบ ปู้ฟางที่นั่งอยู่ใกล้ๆ ก็ชิงเปิดปากขึ้นมาเสียก่อน “มีแค่ลูกค้าที่สั่งข้าวผัดไข่ด้วยตนเองเท่านั้นที่กินได้ หากคนอื่นมากินแทนจะถือว่าเป็นการฝ่าฝืนกฎ ต้องถูกเอาชื่อไปใส่บัญชีหนังหมาห้ามเข้าร้านอีก”
“อะไร! เจ้าคิดว่าข้ากลัวรึ ถ้าข้าจะกินเสียอย่าง จะต้องไปสนอะไรกับกฎหน้าโง่ของเจ้า! ข้าจะไปเรียกเด็กมาซ้อมเจ้าให้ปางตายแล้วบังคับให้เจ้าทำอาหารให้ข้ากิน! คิดว่าไอ้ร้านรูหนูกระจอกงอกง่อยเช่นนี้จะทำอะไรข้าได้รึ!”
ซุนฉีเซี่ยงจ้องปู้ฟางด้วยความโมโห เขากำลังจะได้กินข้าวร่วมกับสาวงามเซียวเยียนอวี่อยู่แล้วเชียว หากไม่ใช่เพราะไอ้บ้านี่มาขัด!
“อ้อ ข้าลืมบอกไปอีกอย่าง นอกจากเป็นเจ้าที่จะโดนบันทึกชื่อแล้ว หากนางกิน นางก็ต้องโดนเหมือนกัน เจ้าอาจจะไม่รู้ว่าโดนบันทึกชื่อในบัญชีหนังหมาหมายความว่าอย่างไร แต่… จะลองดูก็ย่อมได้” ปู้ฟางพูดอย่างไม่รีบร้อน
หลังจากที่ชายหนุ่มพูดจบ เซียวเยียนอวี่ก็ล้มเลิกความคิดที่จะกินข้าวผัดไข่ของซุนฉีเซี่ยงทันที
ซุนฉีเซี่ยงพ่นลมออกมา เขาไม่สนใจคำขู่ของปู้ฟางแม้แต่น้อย เหตุใดชายผู้ทรงอิทธิพลอย่างเขาจะต้องกลัวพ่อครัวเจ้าของร้านเล็กๆ ด้วยเล่า แล้วถ้าเขาถูกคาดโทษแล้วมันจะอย่างไร สำหรับซุนฉีเซี่ยง นี่เป็นเพียงเรื่องหลอกเด็กไร้สาระเท่านั้น
แต่ตัวเขาเองก็ไม่ได้พูดอะไรอีก ชายหนุ่มมองชามอาหารตรงหน้า ความรู้สึกหิวพุ่งขึ้นมาเป็นริ้วๆ ทันที ข้าวผัดไข่นั้นทอประกายสีทองอร่ามเจิดจรัสจนเล่นเอาเขาแสบตา
ซุนฉีเซี่ยงใช้ช้อนกระเบื้องสีฟ้าขาวตักข้าวผัดไข่ขึ้นมา กลิ่นหอมเข้มข้นพุ่งขึ้นจากชามข้าว ไหลบ่าถาโถมเข้าใส่จมูกของเขาทันที พลันซุนฉีเซี่ยงก็ถูกกลิ่นหอมหวนของอาหารอันโอชะตรงหน้าเข้าครอบงำ
เขารีบยัดช้อนใส่ปาก เมล็ดข้าวไข่มุกกลิ้งกระเด็นกระดอนอยู่ระหว่างลิ้นและฟัน ราวกับกำลังนวดเฟ้นภายในปากของเขาอยู่
“อร่อยมาก!”
ดวงตาของซุนฉีเซี่ยงลุกวาวเป็นประกาย ขณะที่เขายัดข้าวผัดไข่ช้อนแล้วช้อนเล่าเข้าปาก
สีหน้าเรียบเฉยของปู้ฟางเปลี่ยนเป็นรอยยิ้ม ขณะมองซุนฉีเซี่ยงซัดอาหารหายเอาหายเอา
เซียวเยียนอวี่จับได้ถึงไอเย็นที่แผ่ออกมาจากร่างของปู้ฟางขณะกำลังจ้องมองข้าวผัดไข่ของซุนฉีเซี่ยง เมื่อนางหันไปมองชายหนุ่มด้วยความสงสัยใคร่รู้ ก็ได้เห็นรอยยิ้มแข็งทื่อบนใบหน้าของอีกฝ่าย
“หา อะไรกัน หมอนี่… กำลังยิ้มรึ”
เซียวเยียนอวี่ประหลาดใจเล็กน้อย ตั้งแต่เข้ามาในร้าน พฤติกรรมของปู้ฟางทำให้นางเข้าใจว่าชายหนุ่มเป็นพ่อครัวเย็นชาแสนยโส จนยากเหลือเกินที่จะนึกภาพอีกฝ่ายยิ้มออก
“อ๊ากกก!!!”
ตอนที่เซียวเยียนอวี่เบนความสนใจมาหาปู้ฟางนั้น ซุนฉีเซี่ยงที่กำลังกินอย่างมีความสุขก็หยุดชะงัก ดวงตาเบิกโพลงด้วยความพรั่นพรึง
ภายในไม่กี่ลมหายใจ ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนจากสีขาวเป็นสีแดง และจากสีแดงเป็นสีม่วง!
ชายหนุ่มกรีดร้องเสียงหลงก่อนจะเปิดปากถุยเมล็ดข้าวออกมา เขาเต้นเร่าๆ อยู่กับที่ สองมือจับไปที่หลังคอ ลิ้นห้อยออกมานอกปาก
“เผ็ด… เผ็ดโว้ย! ทนไม่ไหวแล้ว!”
สองแก้มของซุนฉีเซี่ยงอาบไปด้วยน้ำตา เขารู้สึกราวกับร่างทั้งร่างกำลังบิดเบี้ยวไปหมด โลกทั้งใบกลายเป็นภาพหลอน
มีความเผ็ดที่น่าขนพองสยองเกล้าเช่นนี้อยู่ในโลกด้วยหรือ
“น้ำ! ข้าต้องดื่มน้ำ!” ซุนฉีเซี่ยงวิ่งวุ่นไปทั่วร้านเล็กๆ แห่งนี้เพื่อหาน้ำดื่ม ความรู้สึกร้อนไหม้ภายในปากเขารุนแรงจนทำให้ปากเริ่มชา ใบหน้าเปียกไปด้วยน้ำตา
ปู้ฟางนั่งมองซุนฉีเซี่ยงวิ่งไปวิ่งมาด้วยสายตาเฉยเมย
ทันใดนั้นซุนฉีเซี่ยงก็วิ่งไปทางห้องครัว ในตัวร้านไม่มีน้ำแม้แต่หยดเดียว เขาจึงคิดเข้าห้องครัวไปเพื่อหาน้ำดื่ม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD