ริมฝีปากเหมือนกลีบกุหลาบของเจวี้ยนเอ๋อร์เผยอขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็ปิดลงเหมือนเดิมหลังจากที่นางกัดทาร์ตไข่เต่าพลังปราณที่ทั้งกรอบและนุ่มเข้าไปคำเล็กๆ ใบหน้าของนางแดงก่ำด้วยความตื่นเต้น นางเคี้ยวอาหารในปากโดยขยับกรามให้น้อยที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ซึ่งถือเป็นวิธีของหญิงจากตระกูลสูงศักดิ์อย่างแท้จริง
ยิ่งเคี้ยวนานเท่าไหร่ ดวงตาของนางก็ยิ่งเบิกกว้างมากขึ้นเท่านั้น รสชาติแสนอร่อยกระจายตัวไปทั่วปากจนลามไปทั้งร่างกาย กลิ่นหอมเข้มของนมเข้าโอบล้อมร่างของนางไว้ ทำให้เจวี้ยนเอ๋อร์รู้สึกราวกับตนเองกำลังยืนอยู่ท่ามกลางฝูงอสูรเวทในทุ่งกว้างใหญ่
สายลมอ่อนพัดผ่านฝูงอสูรเวทที่กำลังเล็มหญ้าอย่างเงียบๆ อยู่บนทุ่งหญ้าเขียวชอุ่ม
“ฮืม…” เจวี้ยนเอ๋อร์กลืนทาร์ตไข่คำเล็กกระจิริดในปาก ความรู้สึกประหลาดเอ่อท้นขึ้นในจิตใจจนทำให้ต้องเปล่งเสียงออกมา ใบหน้าสวยน่ารักของนางแดงก่ำมากขึ้นอีกเหมือนกำลังมึนเมา สายลมที่พัดหอบเอากลิ่นสดชื่นของทะเลพุ่งเข้าใส่ร่าง เหมือนกับว่ากำลังพยายามจะพัดเสื้อผ้าของนางให้ปลิวหายไปในอากาศ
“อ… อร่อยมาก!” เจวี้ยนเอ๋อร์พูดด้วยดวงตาเป็นประกายระยับ
นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้กินอาหารที่อร่อยถึงเพียงนี้ เจวี้ยนเอ๋อร์ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าความรู้สึกเหมือนตนเองกำลังแช่น้ำทะเลเย็นสบายจะเกิดขึ้นได้จากทาร์ตไข่ชิ้นเล็กจิ๋วตรงหน้า ถือเป็นปรากฏการณ์ที่นางไม่เคยพบเคยเจอมาก่อนในชีวิต
เจวี้ยนเอ๋อร์ไม่สนใจความร้อนของทาร์ตไข่อีกต่อไป นางหยิบทาร์ตขึ้นมาด้วยมือเปล่าแล้วกัดเข้าไปเต็มคำ หญิงสาวหยุดกินไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง ใบหน้าแดงแปร๊ดด้วยความสุขล้นจากรสชาติแสนอร่อยของทาร์ตไข่ในมือ
หลัวซานเหนียนอ้าปากค้างขณะมองเจวี้ยนเอ๋อร์ที่กำลังทำลายภาพลักษณ์ของตนเองจนเหี้ยนเตียน นี่คือเจวี้ยนเอ๋อร์คนเดียวกับที่นางรู้จักจริงๆ น่ะหรือ เจวี้ยนเอ๋อร์คนที่มารยาทดีงามทุกกระเบียดนิ้วสมกับที่เป็นสตรีจากตระกูลสูงศักดิ์ นางผู้ยิ้มโดยไม่เผยฟัน แถมยังกินเหมือนแมวดมน่ะนะ
หลัวซานเหนียนรู้สึกราวกับว่าโลกที่ตนรู้จักมาตลอดพลิกคว่ำสิบตลบ อาหารของปู้ฟางอร่อยถึงเพียงนั้นเชียวหรือ
หยางเฉินเองก็มองพี่สะใภ้คนที่สองของตนที่มีสีหน้าเหมือนได้ขึ้นสวรรค์อย่างสงสัยใคร่รู้เช่นกัน เด็กชายเคี้ยวซี่โครงเปรี้ยวหวานตุ้ยๆ ภาพที่เห็นตรงหน้าไม่เหมือนพี่สะใภ้คนที่สองที่เขารู้จักเลยแม้แต่น้อย
ปู้ฟางไม่เคยกินทาร์ตไข่เต่าพลังปราณมาก่อนเนื่องจากเพิ่งทำเป็นครั้งแรก เขาจึงไม่รู้ว่าสตรีผู้เหนียมอายตรงหน้านั้นรู้สึกอย่างไร แต่จากท่าทางของนางทำให้รู้ว่ารสชาติคงอร่อยใช้ได้อย่างแน่นอน
ชายหนุ่มยิ้มออกมาก่อนถอนหายใจยาว แล้วนั่งลงบนเก้าอี้เพื่อพักสักเล็กน้อย
พอกินทาร์ตไข่ชิ้นแรกหมด เจวี้ยนเอ๋อร์ก็รีบหยิบชิ้นที่สองขึ้นมาทันที นางผ่อนลมหายใจออกจากปากเล็กน้อยก่อนตั้งหน้าตั้งตากินต่อไป ลืมคราบความเป็นสตรีผู้สูงศักดิ์จากตระกูลที่มีชื่อเสียงไปจนหมดสิ้น ตอนนี้นางดูเหมือนคนตะกละที่เจออาหารอร่อยเท่านั้น
ทาร์ตไข่สองชิ้นหายวับไปในปากของเจวี้ยนเอ๋อร์ ท่ามกลางสายตาตกใจของหลัวซานเหนียนและหยางเฉิน ทั้งสองอ้าปากค้างนิ่งอึ้งไป
“ข้ากินหมดแล้ว! เถ้าแก่ปู้… ทาร์ตไข่พลังปราณของท่านนั้น… อร่อยจนข้าบรรยายไม่ถูกเลย!” เจวี้ยนเอ๋อร์ประสานมือและโค้งคำนับให้ปู้ฟาง ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงใจ “ขอบคุณที่ทำให้ข้าได้ชิมอาหารอร่อยเลิศรสเช่นนี้นะเจ้าคะ”
ปู้ฟางกะพริบตาด้วยความประหลาดใจ ความจริงจังของนางทำให้เขารู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย จึงทำได้เพียงพยักหน้าตอบอย่างอึดอัดพอตัว
หยางเฉินและคนอื่นๆ กินอาหารที่สั่งมาหมดในที่สุด ลูกค้ากลุ่มนี้สั่งเยอะใช้ได้เลยทีเดียว
เหล่าพี่สะใภ้อดไม่ได้ที่จะปิดปากหัวเราะคิกคักเมื่อเห็นหยางเฉินจ่ายเงินด้วยสีหน้าเจ็บปวดใจ ยกเว้นไว้แต่หลัวซานเหนียนเสียคนหนึ่งที่ยืนเอามือเท้าสะเอว อ้าปากหัวเราะเสียงดังลั่น…
“พี่สะใภ้ทั้งหลายของข้า เหมือนที่ข้าบอกเลยใช่หรือไม่ อาหารของเถ้าแก่ปู้นั้นอร่อยที่สุดในนครหลวงแล้ว! ก่อนหน้านี้ไม่มีใครเชื่อข้า ทีนี้เข้าใจหรือยังเล่า” หยางเฉินเชิดคางขึ้นข่มด้วยสีหน้าจริงจัง
หลัวซานเหนียนรู้สึกรำคาญเล็กน้อยเมื่อเห็นสีหน้าอวดดีของหยางเฉิน นางจึงใช้ฝ่ามือตบท้ายทอยของเด็กชายแล้วพูดอย่างหัวเสีย “เหตุใดคนที่พูดจาอวดดีจึงเป็นเจ้าแทนที่จะเป็นเถ้าแก่ปู้ไปได้นะ ในเมื่อกินเสร็จแล้วก็กลับบ้านไปฝึกวิชาเพิ่มก็แล้วกัน อีกไม่กี่วันท่านขุนศึกจะตรวจระดับพลังปราณของเจ้าแล้ว พอถึงเวลานั้น ถ้าเจ้าทำตามที่ท่านต้องการไม่ได้ รับรองได้เละเป็นโจ๊กแน่นอน!”
สีหน้าของเด็กชายย่นยู่เหมือนมะเขือเทศแดดเดียวทันที จากนั้นเขาก็เดินออกจากร้านไปอย่างอ่อนระโหยโรยแรง
เหล่าสตรีต่างเดินออกไปทีละคนสองคนพร้อมบอกลาปู้ฟาง แล้วร้านอาหารก็กลับมาสงบอีกครั้งหนึ่ง
…
เจวี้ยนเอ๋อร์กลับมาที่ตำหนักของขุนศึกด้วยสีหน้าเหมือนต้องมนต์ นางรู้สึกจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวตลอดทางกลับบ้าน จนเกือบสะดุดล้มขณะก้าวลงจากรถม้าเลยทีเดียว
ยังดีที่หลัวซานเหยียนอยู่ข้างนางตลอด จึงรั้งตัวหญิงสาวเอาไว้ได้ทันก่อนหน้าจิ้มลงโคลน
“เจวี้ยนเอ๋อร์… เจ้าเป็นอะไร ไม่สบายหรือ” หลัวซานเหนียนถามพร้อมขมวดคิ้ว
ดวงตาของเจวี้ยนเอ๋อร์ดูอับแสงไร้ซึ่งความมีชีวิตชีวา นางมองหลัวซานเหนียนด้วยสายตาที่ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกเย็นสันหลังวาบ
“สวรรค์ช่วย… เจ้าจ้องข้าเสียน่ากลัวขนหัวลุกเลยทีเดียว!” หลัวซานเหนียนคิดพลางรู้สึกขนลุกซู่ไปทั้งตัว
“ซานเหนียน มาที่ครัวกับข้าเร็วเข้า ข้าจะทำอะไรให้เจ้ากิน! เจ้าช่วยข้าชิมหน่อยนะ!” เจวี้ยนเอ๋อร์ขอร้องด้วยท่าทางน่าสงสารพร้อมประสานมือแสดงความเคารพ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD