เมืองอาทิตย์ขจีตั้งอยู่ภายนอกดินแดนป่ารกชัฏพอดิบพอดี จัดเป็นเมืองหน้าด่านที่ตั้งโดยจักรวรรดิวายุแผ่ว เนื่องจากดินแดนป่ารกชัฏเป็นพื้นที่อันตรายยั้วเยี้ยไปด้วยอสูรเวทมากมาย มีทั้งอ่อนแอและทรงพลังปะปนกันไป อสูรเวทระดับบนบางตัวนั้นไม่สามารถประเมินความแข็งแกร่งได้เลยทีเดียว ส่วนตัวที่อ่อนแอกว่าก็มักมีปราณอยู่ที่ระดับสามกับสี่
ดินแดนป่ารกชัฏแบ่งออกเป็นวงแหวนชั้นนอก วงแหวนชั้นกลาง และวงแหวนชั้นใน ทั้งสามบริเวณนี้เป็นวงกลมที่ซ้อนทับกัน ภายในเต็มไปด้วยอสูรเวทมากมายนับไม่ถ้วน เมืองอาทิตย์ขจีในฐานะเมืองหน้าด่านและทางเข้าดินแดนป่ารกชัฏจึงเต็มไปด้วยแรงกดดันจากการเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ
หากจำนวนอสูรเวทเพิ่มมากขึ้นจนถึงจุดหนึ่ง อาจเกิดภัยพิบัติอย่างเหตุการณ์อสูรหลั่งไหลก็เป็นได้ อสูรเวทที่กำลังแตกตื่นจะพากันบุกมาเหยียบทำลายทุกอย่างราบเป็นหน้ากลอง ถือเป็นโศกนาฏกรรมที่อาจเกิดขึ้นกับผู้คนที่อาศัยอยู่ในเมืองอาทิตย์ขจีได้อย่างแท้จริง มีเพียงผู้ที่แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะรอดชีวิตไปได้
เมืองอาทิตย์ขจีเป็นเมืองที่เหล่าผู้เยี่ยมยุทธ์มารวมตัวกัน ทุกคนที่ทำมาหากินอยู่ ณ ที่แห่งนี้ล้วนเป็นผู้ฝึกตนระดับสูง ส่วนมากเป็นนักผจญภัยที่มาจากทั่วทุกสารทิศของทวีปมังกรซ่อนเร้น ไม่ได้มีแค่ประชาชนของจักรวรรดิวายุแผ่วเท่านั้น แต่ยังมาจากอาณาจักรที่เล็กกว่าเช่นกัน
ทุกคนมารวมตัวกันเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากดินแดนป่ารกชัฏ และเพื่อหาผลึกเพิ่มความมั่งคั่ง
นักเดินทางเหล่านี้สามารถแลกอสูรเวทที่ล่ามาเป็นผลึกได้ อสูรเวททุกตัวเปรียบเสมือนหีบสมบัติที่นำไปแลกเปลี่ยนเป็นของมีค่าได้หลายอย่าง ด้วยอำนาจของเงินตราและความมั่งคั่ง หลายคนจึงยังวนเวียนหลั่งไหลมาที่เมืองนี้เสมอ แม้จะต้องเสี่ยงกับความน่ากลัวของเหตุอสูรหลั่งไหลที่อาจเกิดขึ้นก็ตาม
“ร้านอาหารอันดับหนึ่งในเมืองอาทิตย์ขจี” เป็นร้านอาหารเดียวในเมือง มีทั้งหมดสองชั้นด้วยกัน ชั้นแรกนั้นกว้างใหญ่มีที่มาก ด้านในเต็มไปด้วยชีวิตชีวาอย่างที่ร้านอาหารควรจะเป็น และมีคนมากมายเข้าออกตลอดเวลา
กลิ่นสุราเคล้ากลิ่นอาหารหอมลอยล่องอยู่ในอากาศ เสียงตะโกนเจือเสียงหัวเราะดังมาเป็นพักๆ
ภาพบรรยากาศในร้านอาหารนี้จัดว่าครึกครื้นเลยทีเดียว
อาลู่เดินเคี้ยวน่องไก่ตุ้ยๆ ส่วนอาเหวยก็กำลังเดินเข้าร้านพร้อมด้วยกระทะใบใหญ่เบ้อเริ่มบนหลัง ทันใดนั้นสตรีหน้าตาสะสวยทรวดทรงองค์เอวโค้งเว้าในชุดเปิดเผยก็เดินส่ายสะโพกเข้ามาหาคนทั้งสอง นางพูดพร้อมหัวเราะคิกคัก “ตายๆ อาลู่กับอาเหวย กลับมาแล้วหรือ เป็นอย่างไรบ้าง ทำภารกิจที่ตาแก่มอบให้สำเร็จไหม”
อาลู่หยิบน่องไก่ออกมาจากผ้ากันเปื้อนแล้วกัดเข้าไปคำหนึ่ง เขาเคี้ยวชิ้นไก่ในปากกร้วมๆ จากนั้นก็พูดเสียงแผ่ว “ท่านป้าเยวี่ย เราสองคนแพ้ นครหลวงของจักรวรรดิวายุแผ่วนั้นเต็มไปด้วยผู้มีความสามารถมากมาย สมกับที่เป็นศูนย์กลางความเจริญจริงๆ ขนาดพี่ใหญ่เอาไพ่ตายออกมาใช้ยังพลิกกลับมาชนะไม่ได้เลย”
ใบหน้าของอาเหวยมืดมนลงทันที เขาเหลือบมองป้าเยวี่ยคนสวยโดยไม่พูดอะไร ไม่มีอะไรให้ต้องอธิบายเพิ่มเติมอีก แพ้ก็คือแพ้ เขาทำได้เพียงโทษตัวเองเท่านั้นว่าความสามารถไม่มากพอ
แววประหลาดใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของป้าเยวี่ย “อาลู่กับอาเหวยแพ้ที่งานสมโภชร้อยครอบครัวรึนี่… ทั้งๆ ที่เป็นพ่อครัวที่เก่งกาจถึงเพียงนี้เนี่ยนะ ความสามารถของพ่อครัวแม่ครัวแห่งจักรวรรดิวายุแผ่วพัฒนาขึ้นจนน่ากลัวถึงขั้นนี้แล้วหรือนี่
“ถึงอย่างไรอาลู่และอาเหวยก็เป็นศิษย์ที่ได้รับวิชาโดยตรงจากตาแก่เชียวนะ!”
“ไม่เป็นไรนะ แพ้ก็ไม่เป็นไร ดีกว่าให้พวกเจ้าสองคนหลงคิดไปว่าความสามารถในการทำอาหารของตนนั้นเลิศเลอที่สุดในปฐพี เจออุปสรรคเสียบ้างก็ไม่ใช่เรื่องแย่อะไรหรอก” ป้าเยวี่ยพูดพร้อมหัวเราะหึๆ จนทำให้หน้าอกกระเพื่อมตามแรงโยก ลูกค้าหลายคนในร้านดวงตาเป็นประกายขึ้นทันที
ใบหน้าของอาเหวยและอาลู่พลันหมองลง ขณะมองไปรอบๆ ด้วยสายตาไม่พอใจ ก่อนจะพากันเดินขึ้นไปที่ชั้นสองของร้านอาหาร
พวกเขาเหยียบขึ้นไปบนชั้นสอง พื้นส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดตอบรับทุกย่างก้าวขณะเดินไปบนพื้นไม้ที่ดูไม่ค่อยมั่นคง ยิ่งเดินลึกเข้าไปก็ยิ่งมืดขึ้นเรื่อยๆ จนทั้งสองมาหยุดอยู่หน้าห้องเล็กๆ ห้องหนึ่ง
อาเหวยเคาะประตูด้วยท่าทางเคารพ ความจองหองที่ปรากฏอยู่เสมอบนใบหน้าหายวับไปทันที
“เข้ามาได้” เสียงชราดังลอดออกมาจากในห้อง สองศรีพี่น้องหันมามองหน้ากันก่อนจะเดินเข้าห้องไป
“ท่านอาจารย์ขอรับ…”
อาลู่และอาเหวยก้มศีรษะลงแล้วพูดทักทายชายชราในชุดคลุมสีเทาด้วยเสียงเบา
ชายชราผู้นั้นนั่งอยู่บนเก้าอี้โยกไม้จันทน์ พลางสะบัดพัดที่ทำจากขนนกของอสูรเวทชนิดใดก็ไม่ทราบได้เบาๆ
“พวกเจ้าแพ้รึ นำรางวัลกลับมาไม่ได้ใช่หรือไม่” น้ำเสียงของชายชราเจือแววเยาะเย้ย ทำให้อาเหวยรู้สึกอับอายขึ้นมาทันที ก่อนจะออกจากเมืองไปแข่ง เขาประกาศด้วยความมั่นใจว่าตนเองจะนำรางวัลที่หนึ่งกลับมาได้อย่างแน่นอน แต่ก็ต้องพ่ายแพ้ย่อยยับกลับมาเสียนี่
“ข้าเคยบอกแล้วใช่หรือไม่ ทวีปมังกรซ่อนเร้นเป็นสถานที่ที่กว้างใหญ่ โลกและมุมมองของพวกเจ้านั้นแคบเหมือนบ่อน้ำเล็กๆ ในมหาสมุทรใหญ่โต หากเจ้ามองโลกโดยนั่งอยู่ในบ่อน้ำบ่อน้อยนั้น ก็คงรู้สึกเหมือนตนเองใหญ่คับฟ้า แต่ความจริงแล้วเจ้ากลับเหมือนกบในกะลาน่าขัน” ชายชราเอ่ยขณะหยุดโยกเก้าอี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD