“รสชาติเต่าถุยรึ!”
ใบหน้าของเจวี้ยนเอ๋อร์เหมือนดวงอาทิตย์ที่อับแสงลงเรื่อยๆ หลังจากได้ยินคำประเมินของปู้ฟาง ราวกับกระจกที่แตกร้าวกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยด้วยคำพูดเดียว
ปู้ฟางไม่ได้พยายามพูดเอาใจหรือสนใจความรู้สึกของเจวี้ยนเอ๋อร์แม้แต่น้อย จนหลัวซานเหนียนเองก็ไปต่อไม่ถูก
เซียวเยียนอวี่และเซียวเสี่ยวหลงรู้สึกประหลาดใจเป็นอันมาก จากประสบการณ์ที่ผ่านมา พวกเขารู้ว่าปกติปู้ฟางจะเริ่มวิพากษ์วิจารณ์ทุกข้อผิดพลาดในอาหารจานนั้นอย่างเผ็ดร้อน แต่คราวนี้กลับหยุดหลังจากเอ่ยออกมาสองคำได้อย่างไรกัน
รสชาติเต่าถุยรึ ปกติพวกเขาเองก็ไม่เคยได้ยินปู้ฟางชมอาหารจานอื่นๆ ว่าอร่อยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว…
“ไอ้ผีบ้านี่ พูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไรกัน เจวี้ยนเอ่อร์อุตส่าห์ตั้งใจทำทาร์ตไข่นี่อย่างเอาเป็นเอาตายจนไม่ได้นอนเลยทั้งคืน อย่างน้อยก็พูดอะไรดีๆ ถนอมน้ำใจกันบ้างไม่ได้รึ” หลัวซานเหนียนพูดด้วยความไม่สบอารมณ์เป็นอันมาก
ปู้ฟางเหลือบตามองหลัวซานเหนียนที่กำลังเดือดแล้วเอ่ยตอบ “ข้าจะถนอมน้ำใจไปเพื่ออะไร การถนอมน้ำใจจะทำให้นางพัฒนาฝีมือขึ้นได้หรือ”
หลัวซานเหนียนหน้าเก้อไปทันที นางตอบไม่ถูกเลยทีเดียว เป็นเรื่องจริงเสียด้วยที่ใครๆ ก็พูดอะไรดีๆ ถนอมน้ำใจกันได้ แต่การถนอมน้ำใจนั้นรังแต่จะทำให้ผู้ได้ยินเข้าใจผิด จนพึงพอใจในผลงานของตนเองและมองไม่เห็นข้อผิดพลาด แล้วหากไม่รู้ข้อผิดพลาดของตนเอง จะพัฒนาสิ่งที่ทำให้ดียิ่งขึ้นได้อย่างไร
“ไม่มีอะไรให้ประเมิน ทาร์ตไข่ของเจ้ารสชาติแย่ หรือก็คือ… มันกินไม่ได้” ปู้ฟางเอ่ย เขามองเจวี้ยนเอ๋อร์ด้วยสายตาแหลมคมเหมือนหอกที่พุ่งเข้าปักกลางใจของนาง ทำให้จิตใจของนางสั่นคลอนด้วยความเจ็บปวด
“ข้า… ข้า…” เจวี้ยนเอ๋อร์ถูกทำร้ายจิตใจอย่างรุนแรง ดวงตาของนางพลันเปลี่ยนเป็นสีแดง การที่ผลงานของตนเองโดนต่อว่าอย่างไร้ความปรานีหลังจากตรากตรำทำทั้งคืนเช่นนี้ นางจะไปทนฟังอย่างมีความสุขอยู่ได้อย่างไร
“ใจเย็นๆ ให้ข้าพูดให้จบก่อน” ปู้ฟางพูดพร้อมรอยยิ้ม ดวงตาของเขาอ่อนลงเล็กน้อย
“หากเจ้าอยากทำทาร์ตไข่ที่รสชาติอร่อยจริงๆ ข้าจะให้โอกาสเจ้าแก้มืออีกสองครั้ง จงนำทาร์ตไข่ที่เจ้าคิดว่าดีที่สุดมาให้ข้าประเมิน หากเจ้าทำให้ข้ายอมรับในฝีมือได้ ข้าก็จะบอกให้ว่าทาร์ตไข่ของเจ้ามีอะไรต้องปรับปรุงบ้าง มิเช่นนั้น… ก็ลืมเรื่องนี้ไปเสีย” ชายหนุ่มเอ่ย
เจวี้ยนเอ๋อร์และหลัวซานเหนียนประหลาดใจกับสิ่งที่ได้ยินเป็นอันมาก พวกนางไม่ได้คาดคิดว่าปู้ฟางจะพูดอะไรเช่นนี้ออกมา เขาหมายความว่าอย่างไรกัน แปลว่าปู้ฟางจะช่วยบอกเคล็ดลับให้เจวี้ยนเอ๋อร์พัฒนาฝีมือตนเองเช่นนั้นหรือ
เซียวเยียนอวี่และเซียวเสี่ยวหลงเองก็ประหลาดใจเช่นกัน
ปู้ฟางลุกขึ้นยืนแล้วสูดลมหายใจเข้า พลางหันหน้าไปหาบรรดาแขกในร้านแล้วเอ่ย “เอาละ วันนี้หมดเวลาทำการแล้ว เชิญทุกคนออกไปได้”
จากนั้นชายหนุ่มก็หันไปมองเจวี้ยนเอ๋อร์อีกครั้ง “จำไว้ให้ดี เจ้ามีโอกาสเพียงสองครั้งเท่านั้น หากเจ้าทำให้ข้ายอมรับไม่ได้… ก็คงไม่มีอะไรต้องพูดอีกนอกจากขออภัย”
พอพูดจบเขาก็หันหลังเดินกลับเข้าครัวไป
ทุกคนในร้านหันมามองหน้ากัน แล้วก็เดินออกไปทีละคนสองคน
เจวี้ยนเอ๋อร์ยังคงไม่หายจากอาการตกใจ ปู้ฟางบอกให้นางทำทาร์ตไข่มาให้เขาชิมจริงๆ น่ะหรือ แปลว่าหากนางทำทาร์ตไข่ที่เขายอมรับได้ เขาจะสอนวิธีการทำทาร์ตไข่ที่แท้จริงให้นางเช่นนั้นหรือ
ความรู้สึกเจ็บปวดที่ได้รับจากตอนที่ปู้ฟางชำแหละทาร์ตไข่ของนางด้วยฝีปากมลายหายไปหมดสิ้น
หากนางได้รับคำชี้แนะจากปู้ฟาง นางมั่นใจว่าตนเองจะทำทาร์ตไข่ที่ทั้งอร่อยและสวยงามได้อย่างแน่นอน
“ขอบพระคุณเถ้าแก่ปู้เจ้าค่ะ ข้าสัญญาว่าจะตั้งใจทำสุดชีวิตเพื่อให้เถ้าแก่ปู้ยอมรับในตัวข้า!” เจวี้ยนเอ๋อร์พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง พร้อมโค้งคำนับเป็นมุมฉาก
จากนั้นเจวี้ยนเอ๋อร์ก็ลากหลัวซานเหนียนออกจากร้านไป นางรีบกลับไปที่ตำหนักขุนศึกด้วยความตื่นเต้น และเริ่มเตรียมการทำทาร์ตไข่ทันที นางตั้งใจจะทำทาร์ตไข่ที่ได้รับการยอมรับจากเถ้าแก่ปู้ให้จงได้
…
ในค่ำคืนอันหนาวเหน็บของฤดูหนาว ดวงจันทร์คู่ส่องแสงสว่างเจิดจ้าลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้า แผ่แสงสีเงินเย็นเข้าปกคลุมพื้นผิวโลกเอาไว้เหมือนม่านหมอก
ปู้ฟางเดินกลับไปที่ห้องหลังจากฝึกทักษะการใช้มีดและการแกะสลัก รวมถึงหมักสุราหัวใจหยกเยือกแข็งถังใหม่เตรียมไว้สำหรับขายเสร็จเรียบร้อย เขาล้างเนื้อล้างตัว จากนั้นก็ขึ้นเตียงไปนั่งพิงหัวเตียง
“เหล้าสูตรใหม่ที่ข้าจะคิดค้นขึ้นมานี้ ต้องใช้ผลตื่นรู้ทางสามสายเป็นวัตถุดิบหลัก ส่วนสมุนไพรโลหิตปักษาเพลิงและสมุนไพรชนิดอื่นๆ ควรเป็นวัตถุดิบเสริม หากก่อนหน้านี้ข้าไม่ได้ใช้สมุนไพรโลหิตปักษาเพลิงในการช่วยชีวิตจีเฉิงเสวี่ย คงจะนำมาใช้เป็นวัตถุดิบหลักไปแล้ว” ปุฟ่างพึมพำกับตนเอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD