ณ หนองน้ำปราณมายาอันกว้างใหญ่ไพศาลที่ส่องประกายระยิบระยับล้อแสงแดด ฝูงนกกำลังบินแตกกระจายวุ่เพราะตกใจเสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่นของพายุ
ปู้ฟางเลิกคิ้วขึ้นแล้วก้าวไปบนพื้นที่ชื้นแฉะยวบยาบ
“ข้าอยู่ที่ใดกัน” สีหน้าของชายหนุ่มมืดลงเล็กน้อยเมื่อเขารู้สึกตัวว่าตนเองไม่ได้อยู่ที่ดินแดนป่ารกชัฏเหมือนคราวก่อน แต่กลับมาโผล่ยังสถานที่ที่ไม่คุ้ยเคย เขามองไปรอบๆ แล้วก็พบว่ารอบตัวมีแต่น้ำและหญ้ารกสุดลูกหูลูกตา
ปู้ฟางก้าวเดินไปข้างหน้า พื้นยวบยาบทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย ชายหนุ่มประเมินได้ว่าตนเองน่าจะอยู่ตรงบริเวณที่เป็นหนองน้ำ หลุมบ่อเจิ่งนองและพงหญ้ารกหนารอบกายนั้นไม่เหมือนดินแดนป่ารกชัฏที่เขาเคยไปเยือนเลยแม้แต่น้อย…
นี่ระบบเอาเขา… มาทิ้งไว้ที่ใดกัน!
แล้วที่แบบนี้มันจะไปมีสมุนไพรพลังปราณได้อย่างไร หรือว่าระบบจะรวนกันนะ เลยนำเขามาส่งผิดที่โดยไม่ได้ตั้งใจ
ปู้ฟางส่งพลังปราณออกไปห่อหุ้มฝ่าเท้าของตัวเองเอาไว้ แล้วก็พบว่าเดินเหินสะดวกขึ้นมากในดินแดนที่ยวบยาบเป็นหลุมเป็นบ่อเช่นนี้ เขาถูกหนองน้ำสุดลูกหูลูกตาล้อมเอาไว้อย่างสิ้นเชิง รอบตัวมีแต่ดินโคลนทุกย่างก้าว ปู้ฟางมั่นใจว่าหากไม่ได้ใช้พลังปราณช่วย เขาคงจมลงหนองน้ำมิดภายในไม่กี่ก้าวอย่างแน่นอน
การเป็นผู้ฝึกตนระดับห้าขั้นราชันยุทธการทำให้เขามีพลังปราณปริมาณมากอยู่ในกาย ดังนั้นการใช้พลังปราณเที่ยงแท้ห่อหุ้มฝ่าเท้าเพื่อให้เดินบนน้ำได้จึงไม่ใช่เรื่องยากแต่อย่างใด ผู้ฝึกตนระดับห้าคนใดก็ทำได้ทั้งสิ้น ปู้ฟางมีความสามารถในการควบคุมปริมาณพลังปราณได้ดีกว่าขั้นราชันยุทธการทั่วไป จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะทำเช่นนี้ได้
เสียงเหยียบน้ำจ๋อมแจ๋มดังขึ้นตามฝีเท้าของปู้ฟางที่เหยียบลงไปบนพื้นเฉอะแฉะ ดังสะท้อนไปทั่วพื้นที่เปิดโล่งกว้างขวางของหนองน้ำ
เสียงที่ดังออกจากหนองน้ำเรื่อยๆ นั้นทำให้ปู้ฟางขมวดคิ้ว ชายหนุ่มรู้สึกระแวดระวังตัวขึ้นมาทันที
“ข้าควรรีบหาสมุนไพรให้เสร็จโดยเร็วและรีบกลับให้ไวที่สุด… บรรยากาศเช่นนี้ข้ารู้สึกไม่สบายใจเอาเสียเลย” ปู้ฟางพึมพำกับตนเอง จากนั้นก็เดินหน้าต่อไป
หนองน้ำปราณมายาเป็นถึงหนึ่งในสี่สถานที่อันตรายที่สุดในทวีปมังกรซ่อนเร้น แล้วจะไม่มีสมุนไพรพลังปราณได้อย่างไร ปู้ฟางเดินย่ำไปข้างหน้าพร้อมสอดส่ายสายตาไปรอบๆ เพื่อมองหาสมุนไพรพลังปราณ
ขณะที่กำลังก้าวเดิน ทันใดนั้นชายหนุ่มก็เห็นว่าพื้นน้ำเริ่มมีฟองอากาศผุดขึ้นมา ปู้ฟางจากนั้นบางอย่างก็กระโจนขึ้นมาจากผืนน้ำ ทำเอาโคลนสาดกระจายไปทั่ว
สิ่งนั้นเป็นอสูรเวทหน้าตาน่าเกลียดเป็นที่สุด มันไม่ได้มีขนาดใหญ่ แต่การที่จู่ๆ ก็โผล่ขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยเช่นนี้ ก็ทำให้ปู้ฟางถึงกับต้องขมวดคิ้วเล็กน้อย
ร่างของมันดูเหมือนคางคง ทั้งตัวเกรอะกรังไปด้วยชั้นดินเหนียวหนาสีดำ กลิ่นเหม็นคละคลุ้งชวนสยอง มันจ้องมาที่ปู้ฟางพร้อมพองถุงลมที่อยู่รอบคอ
“ดูจากพลังปราณจางๆ ที่ไหลออกจากร่าง น่าจะเป็นอสูรเวทระดับสาม” ชายหนุ่มพึมพำกับตนเองขณะมองอสูรตรงหน้าด้วยสายตาไร้อารมณ์ เขาในตอนนี้อยู่ในระดับที่ไม่ต้องกังวลเรื่องอสูรเวทระดับสามแม้แต่น้อย
แม้ตัวเขาเองจะต่อสู้ไม่เก่งนัก แต่การจัดการอสูรเวทระดับสามนั้นก็จัดว่าง่ายพอตัว
ปู้ฟางดีดนิ้วเพื่อส่งกระสุนพลังปราณให้พุ่งตรงไปหาคางคกตรงหน้า มันทำเสียงประหลาด ก่อนพ่นโคลนเหม็นเน่าออกจากปาก เพื่อสกัดกระสุนพลังปราณของปู้ฟาง
สำหรับขั้นราชันยุทธการ การจัดการกับอสูรเวทระดับสามเป็นเรื่องง่ายมาก แม้ปู้ฟางจะสู้ไม่เก่ง แต่ความแตกต่างด้านพลังปราณระหว่างทั้งสองฝ่ายนั้นเรียกได้ว่าถมเท่าไรก็ถมไม่เต็ม เขาสามารถจัดการอสูรเวทตัวนี้ได้ด้วยการใช้พลังปราณเที่ยงแท้เพียงอย่างเดียว
ปัง! กระสุนพลังปราณเจาะทะลุขาของคางคก มันส่งเสียงกรีดร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด จากนั้นก็ผุดกลับลงหนองน้ำไป ส่งดินโคลนให้สาดกระจายไปทั่ว แล้วหายตัวไปในพริบตา
ปู้ฟางไม่ได้ออกไล่ล่า หรือหากพูดให้ถูกคือเขาไม่ได้สนใจจะทำต่างหาก เนื่องจากไม่ได้มีความรู้สึกอยากเอาอสูรเวทหน้าตาเหมือนคางคกตัวนี้ไปทำอาหารแม้แต่น้อย
ด้วยเหตุนี้ปู้ฟางจึงไม่ได้สนใจอสูรเวทตัวนี้อีก เขาย่ำลงบนน้ำเพื่อเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD