งูเหลือมมงกุฎเลือดทมิฬกำลังบังคับตนเองให้ลอกคราบหรือ!
ไอ้อสูรบ้านี่มันเสียสติไปแล้ว! อสูรเวทเองก็ไม่ต่างอะไรกับคนที่กำลังพยายามบรรลุขั้นปราณ มันต้องไปหาสถานที่เงียบๆ ในการลอกคราบ เพราะหากถูกขัดระหว่างกำลังจะบรรลุปราณอาจทำให้จิตไม่ปกติได้
อสูรเวทเองก็มีอาการทางจิตเหมือนคนได้เช่นกัน ไม่มีใครคาดคิดว่าการดิ้นรนปกป้องสมุนไพรอย่างไม่คิดชีวิตของผู้ฝึกตนขั้นนักพรตยุทธการทั้งสอง จะทำให้อสูรเวทตัวนี้พยายามบังคับตนเองให้ลอกคราบเป็นครั้งที่สี่ นี่เป็นการเดิมพันอย่างสุนัขจนตรอก ไม่เป็นก็ต้องตายกันไปข้างหนึ่ง!
งูเหลือมมงกุฎเลือดทมิฬกล้าโยนความเสี่ยงทุกอย่างทิ้งไปในอากาศ เพียงเพื่อให้ได้ครอบครองดอกบัววิญญาณประมุขน้ำแข็ง
ทว่า… แม้งูตัวนี้จะเสี่ยงกับการเสียสติ แต่สิ่งที่มันจะได้รับกลับมาคือขั้นปราณที่มากขึ้นอย่างมหาศาล จนอาจทำให้ก้าวขึ้นไปแตะระดับแปดเลยก็เป็นได้
ระดับแปด… เป็นระดับปราณที่น่ากลัวเป็นอันมาก หากงูตัวนี้สามารถบรรลุไปถึงขั้นนั้นได้ ทุกคนในที่แห่งนี้เห็นทีจะเหลือเพียงวิญญาณเป็นแน่
แน่นอนว่าเกราะป้องกันของเผ่าย่อมต้านทานการโจมตีของอสูรเวทระดับแปดไม่ได้อย่างแน่นอน
ผู้อาวุโสสูงสุดเริ่มตกใจจนแทบคลั่ง หากไอ้งูตัวนี้ลอกคราบสำเร็จ เห็นทีพวกเขาจะไม่เหลือซากแล้ว…
ดวงตาของอู๋อวิ๋นไป่เองก็ฉายแววตกใจไม่น้อยเช่นกัน นางวางแผนทุกอย่างเอาไว้อย่างรัดกุม แต่ไม่ได้คาดคิดสักนิดว่างูตัวนี้จะเลือกเส้นทางที่อันตรายเช่นนี้ มันเป็นบ้าไปแล้วจริงๆ เสียด้วย!
ปัง! ปัง!
ผู้ฝึกตนขั้นนักพรตยุทธการทั้งสองถูกโจมตีให้ล่าถอยไปสองถึงสามก้าวกลางอากาศ สีหน้าของพวกเขาพลันบูดเบี้ยวไป
หน้าผากของงูเหลือมมงกุฎเลือดทมิฬแยกออก หนังของมันค่อยๆ ลอกอย่างช้าๆ กระแสพลังปราณเพิ่มสูงขึ้นราวกับพายุร้ายที่กำลังพัดพาเข้ามาใกล้
ความเจ็บปวดรุนแรงทำให้งูเหลือมกรีดร้องออกมาอย่างทุรนทุราย ร่างยักษ์ของมันดิ้นเร่าๆ หางกระแทกลงไปบนเกราะป้องกันอย่างไม่หยุดยั้ง ทำให้เกราะสั่นสะเทือนไปชั่วขณะ
หัวใจของผู้อาวุโสสูงสุดสั่นไหวตามแรงสะเทือนของเกราะป้องกันที่โดนโจมตี…
“อย่าเพิ่งพังลงมานะ…” เขาภาวนาอยู่เงียบๆ
แต่ไม่ว่าจะอธิษฐานเพียงใด เกราะป้องกันเผ่าก็สั่นแรงขึ้นเรื่อยๆ ฝูงอสูรเวทเองก็พากันโจมตีเกราะป้องกันเผ่าอย่างรุนแรงขึ้นมากเช่นกัน ทุกตัวล้วนเปลี่ยนเป็นสัตว์ร้ายบ้าคลั่งตามสถานการณ์อันแสนร้อนระอุ
“ให้ตายเถิด! จะปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ได้… เพราะหากเกราะป้องกันเผ่าพังลงมา เผ่านี้จะถูกทำลายสิ้นและทุกคนจะต้องตายอย่างแน่นอน” อู๋อวิ๋นไป่คิด ดวงตาของนางสว่างวาบขณะพยายามคิดหาทางหนีทีไล่
ในเวลาเดียวกันนั้น ปู้ฟางกำลังสำรวจสถานการณ์รอบกายอยู่ เขาเห็นว่าสายตาของทุกคนในที่แห่งนี้เต็มไปด้วยความประหวั่นพรั่นพรึงเหมือนวิญญาณจะหลุดออกจากร่าง ทุกคนรู้ดีว่าหากงูเหลือมลอกคราบสำเร็จ จะเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา
แต่ไอ้งูนี่มันจะลอกคราบสำเร็จจริงๆ น่ะหรือ
การมีดอกบัววิญญาณประมุขน้ำแข็งอยู่ใกล้ๆ ทำให้ยากที่จะพยากรณ์ เพราะแค่ไอ้งูนี่เพียงพุ่งมาเขมือบฝักบัวเข้าไป มันก็จะกลายเป็นอสูรเวทระดับแปดอย่างสมบูรณ์
และแน่นอนว่าไอ้งูบ้านี่คงไม่แสดงความเมตตาต่อคนพวกนี้แน่ เพราะพวกเขาพยายามขัดขวางการบรรลุขั้นปราณของมัน
“อาจารย์อาอู๋! รับนี่ไว้!”
อู๋อวิ๋นไป่ก้าวออกมาข้างหน้าแล้วกระโจนขึ้นไปในอากาศด้วยฝีเท้าเบาเหมือนขนนก กระบี่ยาวปรากฏขึ้นในมือนางพร้อมแสงสว่างวาบ
กระบี่ยาวนั้นเรืองแสงสว่างเจิดจรัส แสงนั้นมีต้นกำเนิดมาจากเนื้อในของกระบี่
“กระบี่เมฆาหกเหินรึ นายหญิง… นี่มันอาวุธกึ่งเทพที่นายท่านมอบให้ท่านมิใช่หรือขอรับ”
ดวงตาของผู้ฝึกตนขั้นนักพรตยุทธการมนุษย์ที่ชื่ออาอู๋เบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจ ร่างของเขาสั่นสะท้านอย่างตื่นเต้น ขณะยื่นมือออกมารับกระบี่ยาวเรืองแสงเอาไว้
อาวุธกึ่งเทพ… ใช่อาวุธกึ่งเทพของจริงเสียด้วย!
ยิ่งไปกว่านั้น อาวุธกึ่งเทพนี้ยังอยู่ในบันทึกของสำนักความลับแห่งสวรรค์อีกต่างหาก!
ผู้ฝึกตนขั้นนักพรตยุทธการผู้นั้นตื่นเต้นเสียจนแทบจะระเบิดร้องไห้ออกมา เขากำลังถืออาวุธกึ่งเทพอยู่ และจะได้ใช้มันต่อสู้… ต่อให้ตาย เห็นทีก็ไม่เสียดายชีวิตแล้ว!
พลังงานของผู้ฝึกตนขั้นนักพรตยุทธการผู้นั้นเปลี่ยนไปทันทีที่ได้ถืออาวุธกึ่งเทพเอาไว้ในมือ เขามั่นใจเป็นอันมาก ขณะที่ส่งกระแสปราณเข้าไปในกระบี่ยาว อาอู๋ก็ทะยานขึ้นไปในอากาศเหมือนเทพเจ้าแห่งสงคราม ร่างทั้งร่างทอแสงเจิดจรัส
ระดับความหยิ่งผยองของผู้ฝึกตนขั้นนักพรตยุทธการผู้นี้เพิ่มขึ้นมากทีเดียวหากเทียบกับก่อนหน้านี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD