“แปลว่าต้นไม้นี่ชื่อต้นตื่นรู้ทางห้าสายเช่นนั้นรึ” ปู้ฟางมองหน้าหนี่หยันแล้วเอ่ยถาม
“เจ้าไม่รู้ชื่อต้นไม้ที่ตัวเองปลูกหรอกหรือ” ดวงตาคู่สวยของหนี่หยันเบิกกว้างขึ้น ใบหน้าของนางดูตกใจกับสิ่งที่ได้ยินเป็นอันมาก ริมฝีปากอิ่มเต็มมันวาวสีแดงเรื่อเหมือนผลมะเดื่อดูสวยน่ารักเม้มเข้าหากัน
“เจ้าไม่รู้ว่ามันคือต้นอะไร แล้วปลูกไว้ในร้านเพื่อเหตุผลกลใดกัน”
ปู้ฟางยิ้ม “ข้าแค่อยากปลูกไม้ประดับในร้านเสียหน่อย”
ชายหนุ่มดูสงบนิ่งเป็นปกติ แต่หนี่หยันเก็บอาการอึ้งเอาไว้ไม่อยู่ “ไอ้หมอนี่ไม่รู้รึว่าต้นตื่นรู้ทางห้าสายนั้นมีค่าขนาดไหน เอามาเป็นไม้ประดับร้านเนี่ยนะ… ยอดเยี่ยมไปเลยเถ้าแก่” นางคิด คงมีแต่คนประหลาดเช่นปู้ฟางเท่านั้นที่จะปลูกต้นตื่นรู้ทางห้าสายเอาไว้ประดับร้านโดยไม่มีจุดประสงค์อื่นแอบแฝง
“ข้ามีผลตื่นรู้ทางสามสายด้วย หรือว่าต้นไม้สองชนิดนี้จะเกี่ยวข้องกัน” ชายหนุ่มถามด้วยสีหน้างุนงง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้รู้ชื่อของต้นไม้ที่ตัวเองปลูก
ตาแก่เมื่อวาน… แม้จะรู้ว่าต้นไม้นี้คือต้นอะไร แต่ดูจากสีหน้าก็รู้แล้วว่าหมอนั่นมีจุดประสงค์แอบแฝง ดูท่าจะอยากฮุบต้นไม้นี้เอาไว้คนเดียว
ไอ้บ้องตื้นนั่น… กล้าดีอย่างไรมาคิดอกุศลกับไม้ประดับในร้านข้า!
“ต้นไม้นี้ชื่อต้นตื่นรู้ทางห้าสาย ผลของมันเรียกว่าผลตื่นรู้ทางห้าสาย มันไม่เหมือนต้นตื่นรู้ทางสามสายแม้แต่น้อย เรียกได้ว่าคนละระดับก็ว่าได้” หนี่หยันพึมพำให้ข้อมูล
“ผลตื่นรู้ทางสามสายสามารถทำให้ผู้ฝึกตนระดับหกขั้นราชันยุทธการก้าวขึ้นมาเป็นขั้นนักพรตยุทธการได้ฉันใด ผลตื่นรู้ทางห้าสายก็สามารถทำให้ขั้นนักพรตยุทธการก้าวขึ้นมาเป็นขั้นเทพแห่งสงครามได้ฉันนั้น… มูลค่าของผลไม้ทั้งสองชนิดนี้แตกต่างกันอย่างเทียบไม่ติดเลยทีเดียว”
ปู้ฟางชะงัก ดูเหมือนว่าต้นไม้ที่เขาปลูกนี้จะไม่ธรรมดาเสียแล้ว
“หากมีใครกระจายข่าวเรื่องต้นตื่นรู้ทางห้าสายนี้ออกไป รับรองร้านเจ้าต้องตกอยู่ในความโกลาหลแน่ เพราะจะมีพวกขั้นนักพรตยุทธการมาล้อมเอาไว้เต็มไปหมด” หนี่หยันอธิบาย
“อ้อ ไม่ใช่ปัญหาหรอก” ชายหนุ่มตอบเสียงเรียบ
หนี่หยันพลันชะงักไป “เจ้าไปเอาความมั่นใจเช่นนี้มาจากหนใดกัน นี่เรากำลังพูดถึงขั้นนักพรตยุทธการนะ… ไม่ใช่ฝูงแมลงสาบ! เจ้านี่ ช่วยจริงจังหน่อยได้หรือไม่”
เมื่อได้รู้ชื่อเสียงเรียงนามของต้นไม้เรียบร้อย ปู้ฟางก็ไม่ดึงดันถามอะไรหนี่หยันอีก เขาหันหลังเดินกลับเข้าครัวไปท่ามกลางสายตาตกใจของอีกฝ่าย
หนี่หยันอึ้งจนพูดไม่ออก ปู้ฟางอาจจะไม่มีอะไรให้ต้องกลัว แต่เมื่อคิดภาพฝูงขั้นนักพรตยุทธการแล้ว… ภาพที่ผุดเข้ามาในมโนจิตก็ทำให้หนี่หยันขนลุกซู่ทีเดียว
หญิงสาวไม่อยากแยกจากต้นตื่นรู้ทางห้าสายแม้แต่น้อย แต่นางก็ทำได้เพียงมองมันให้เต็มตาอีกรอบก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะ ไม่นานนักกลิ่นเนื้อก็โชยออกมาจากห้องครัว แล้วจานเนื้อตุ๋นตำรับจีนนุ่มแน่นก็ถูกยกออกมา
เมื่อเจออาหารอร่อย ความอาลัยอาวรณ์ต่อต้นตื่นรู้ทางห้าสายของหนี่หยันก็ถูกโยนทิ้งไปกับสายลมทันที สิ่งเดียวที่สะท้อนอยู่ในดวงตาของนางคือเนื้อตุ๋นตำรับจีนสีเรื่อน่ากินเท่านั้น
นางรินสุราหัวใจหยกเยือกแข็งใส่จอก การได้กินเนื้อตุ๋นพร้อมดื่มสุราไปด้วยช่างเป็นความสุขในชีวิตเสียจริง
สิ่งเดียวที่น่าเสียดายคือความจริงที่ว่าสุราหัวใจหยกเยือกแข็งนี้ด้อยกว่าลมหายใจมังกรของตาแก่นั่น หากเปลี่ยนสุราในจอกตรงหน้าเป็นลมหายใจมังกร ชีวิตนางคงสมบูรณ์แบบ
ระหว่างที่หนี่หยันและคนอื่นๆ กำลังกินอาหารเลิศรสอย่างเอร็ดอร่อย เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นในตรอก
เซียวเหมิงเดินตัวตรงก้าวยาวๆ มาที่ร้าน
“ท่านลุงเซียว” โอวหยางเสี่ยวอี้ทักทายอีกฝ่ายด้วยความร่าเริง ดวงตาของนางดูงุนงงเล็กน้อย เหตุใดเซียวเหมิงจึงมาที่ร้านในวันนี้กัน นานๆ คนผู้นี้จะโผล่มาสักที
“เถ้าแก่ปู้อยู่ที่ใดรึ” เซียวเหมิงพยักหน้าให้โอวหยางเสี่ยวอี้พลางเอ่ยถาม
เด็กหญิงชี้ไปที่ห้องครัว เซียวเหมิงไม่ได้พูดอะไรอีก แต่ไปหาที่นั่งข้างต้นตื่นรู้ทางห้าสายแทน แล้วเริ่มพินิจพิเคราะห์มันใกล้ๆ
“ท่านลุงเซียว รับอะไรดีเจ้าคะ” เสี่ยวอี้ถาม
“เอาสุราหัวใจหยกเยือกแข็งเหยือกหนึ่ง” ดวงตาของเซียวเหมิงยังคงจับจ้องอยู่ที่ต้นตื่นรู้ทางห้าสาย เขาพูดรายการที่ตนเองจะสั่งออกมาอย่างไม่ได้ใส่ใจนัก
“ท่านลุงเซียวเจ้าคะ… วันนี้ร้านเราขายสุราหัวใจหยกเยือกแข็งครบสามเหยือกแล้วเจ้าค่ะ”
“หา” เซียวเหมิงถึงกับชะงัก จากนั้นเขาก็ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองโอวหยางเสี่ยวอี้ แล้วหันไปมองหนี่หยันที่กำลังทั้งกินทั้งดื่มอยู่ตรงโต๊ะซึ่งไกลออกไป รูม่านตาของชายวัยกลางคนหดแคบทันที
อะไรกัน พวกสำนักความลับแห่งสวรรค์มาถึงแล้วรึ!
เซียวเหมิงสูดหายใจเข้าลึกแล้วสั่งเกี๊ยวสีรุ้งในน้ำซุปแทน
หนี่หยันรู้สึกเหมือนถูกคนจ้อง นางจึงเงยหน้าขึ้นมองเซียวเหมิง แต่ก็ไม่ได้สนใจใยดีอะไรจากนั้นก็หันกลับไปตั้งหน้าตั้งตากินอาหารในจานต่อ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD