ณ ท้องพระโรงของพระราชวังแห่งนครหลวง
จีเฉิงเสวี่ยสวมชุดจักรพรรดิเต็มยศ เอามือไพล่หลังพร้อมหยีตาเล็ก ริมฝีปากยิ้มกว้างอย่างมีความสุขขณะเดินอยู่ในท้องพระโรง
ชายหนุ่มมีความสุขเป็นอย่างมากเนื่องจากได้กินอาหารฝีมือเถ้าแก่ปู้หลังจากที่รอมาเป็นเวลานาน เมื่อท้องอิ่ม จิตใจก็ชื่นมื่นขึ้นเป็นเงาตามตัว ความจริงตอนนี้จักรพรรดิหนุ่มรู้สึกเหมือนกำลังเหาะเหินเดินอากาศอยู่ด้วยซ้ำ
บรรดาขันทีในท้องพระโรงเมื่อเห็นจักรพรรดิเดินไปเดินมาด้วยความสุขใจก็อดยิ้มออกมาไม่ได้
ตอนนี้จีเฉิงเสวี่ยเป็นผู้ปกครองสูงสุดของอาณาจักรแล้ว แปลว่าเขาจะต้องสำรวมท่าทีและวาจาให้สุขุมอยู่ตลอดเวลาตั้งแต่ขึ้นสืบทอดราชบัลลังก์แทนบิดา ท่าทางของเขาในตอนนี้จึงเป็นสิ่งที่หาดูได้ยากยิ่ง จนทำให้บรรดาขันทีต่างรู้สึกขบขันจนอดยิ้มออกมาไม่ได้
จีเฉิงเสวี่ยรู้สึกว่าบรรยากาศรอบตัวเปลี่ยนไป หลังจากที่ก้าวเดินไปอีกสองสามก้าว เขาก็มุ่นคิ้วพลางหันไปเห็นขันทีที่กำลังปิดปากยิ้มขำกันอยู่ ชายหนุ่มชะงักค้างทันที พลันรู้สึกตัวขึ้นมาว่าก่อนหน้านี้ตนเองอาจทำท่าทำทางอะไรให้บรรดาขันทีรู้สึกขบขันก็เป็นได้
ใบหน้าของจีเฉิงเสวี่ยพลันเปลี่ยนเป็นกระอักกระอ่วน เขากระแอมกระไอเบาๆ ดึงสีหน้าให้กลับมาสุขุมอีกครั้งพลางพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “พวกเจ้าหัวเราะคิกคักอะไรกัน ไม่เคยเห็นข้าเดินย่อยหลังจากกินอาหารหรือ”
พอได้ยินดังนั้นบรรดาขันทีก็ก้มหัวลง หยุดหัวเราะทันที
แต่จีเฉิงเสวี่ยกลับอดหัวเราะออกมาเองไม่ได้ เนื่องจากเขาอารมณ์ดีมากในคืนนี้
จักรพรรดิหนุ่มเดินไปหยุดอยู่หน้าบัลลังก์ จากนั้นก็สะบัดชายชุดคลุมขึ้นพลางนั่งลง
ทันใดนั้นเงาหนึ่งก็พุ่งตรงตัดท้องพระโรงมาด้วยความเร็วเหมือนสายฟ้า แล้วมาปรากฏตัวคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าจักรพรรดิหนุ่ม จีเฉิงเสวี่ยตกใจเล็กน้อยจนต้องกระแอมกระไอออกมา
“ข้าน้อยขอรายงานองค์จักรพรรดิ เกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้นที่สุสานหลวง จีเฉิงอวี่หายตัวไป ค้นหาอย่างไรก็ไม่เจอตัวขอรับ”
ผู้ส่งสาสน์ที่คุกเข่าอยู่ในท้องพระโรงรายงานสถานการณ์ด้วยน้ำเสียงจริงจัง
ว่ากระไรนะ!
ความสุขบนใบหน้าจีเฉิงเสวี่ยพลันหายวับไปกับตา ราชโองการของจักรพรรดิฉางเฟิ่งออกคำสั่งลดยศจีเฉิงอวี่แล้วให้ไปทำหน้าที่เฝ้าสุสานหลวง แต่อีกฝ่ายกลับกล้าหลบหนีไปโดยพลการเสียได้ ทว่าพลังปราณของเขาถูกสะกดไว้มิใช่รึ เหตุใดจึงยังหนีไปได้อีก
เหลียนฟู่เองก็รีบพุ่งเข้าท้องพระโรงมาเช่นกัน เขาจีบนิ้ว บิดเอว ใบหน้าเคร่งขรึมจริงจังเป็นอันมาก
“ข้าจากมาไม่กี่วัน ราชาอวี่ก็ถูกนำตัวไปแล้วรึ หรือว่าจะเป็นการก่อเหตุที่เตรียมการไว้ล่วงหน้ากัน” เหลียนฟู่มุ่นคิ้ว
จีเฉิงเสวี่ยขมวดคิ้วเป็นปมแน่น ในใจรู้สึกร้อนรนขึ้นมา สถานการณ์ในวังหลวงตอนนี้จัดว่าล่อแหลมเป็นอันมาก ด้วยเหตุนี้เขาจึงสั่งให้เหลียนฟู่กลับมาจากสุสานหลวงโดยไม่ได้คาดคิดแม้แต่น้อยว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น
“การหลบหนีออกจากสุสานหลวงนั้นแปลว่าจงใจละเมิดพระราชโองการของจักรพรรดิองค์ก่อน ทุกคนล้วนคิดว่าราชาอวี่หมดความทะเยอทะยานจะก่อกบฏแล้ว แต่ความจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้นเลย เขายังกล้าหนีไปอีก หากข้าเจอตัวราชาอวี่ ข้าจะนำเขากลับมาชดใช้ความผิดฐานหลู่เกียรติของจักรพรรดิองค์ก่อนให้จงได้” เหลียนฟู่สะบัดแขนเสื้อพลางจีบนิ้วเข้าหากัน เสียงของชายชราเย็นเยียบด้วยโทสะ
จีเฉิงเสวี่ยถอนใจ หรือราชาอวี่อยากจะกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งจึงหนีออกจากสุสานหลวงไปก่อการ แต่เขาถูกจักรพรรดิองค์ก่อนใช้วงแหวนปราณมังกรสะกดพลังปราณเอาไว้มิใช่หรือ แม้แต่ขั้นนักพรตยุทธการทั่วไปยังทำลายผนึกนั่นไม่ได้ แล้ว… คนธรรมดาที่ไม่มีพลังปราณเช่นนั้นจะทำได้อย่างไร
“ข้าไว้ชีวิตเจ้าเพราะเห็นแก่ท่านพ่อ หวังว่าเจ้าจะไม่ตัดสินใจทำอะไรเบาปัญญานะ…” จีเฉิงเสวี่ยกำหมัดแน่น ดวงตาแข็งกระด้างขณะพึมพำแผ่วเบา
…
ปู้ฟางเดินถือจานกลมออกจากครัวมาวางลงบนโต๊ะ หลังจากที่ล้างมือเสร็จเรียบร้อยชายหนุ่มก็นั่งลงด้วยความตื่นเต้น
จานตรงหน้าใหญ่พอสมควรเลยทีเดียว บนจานบรรจุข้าวหน้าเนื้อที่ทำจากข้าวโลหิตมังกรเอาไว้
ข้าวโลหิตมังกรหน้าเนื้อทำจากข้าวโลหิตมังกรและเนื้อสันนอกที่เต็มไปด้วยไขมันของวัวมังกรพเนจรอสูรเวทระดับเจ็ด แค่วัตถุดิบก็น่าสนใจแล้ว
ไอน้ำขาวร้อนฉ่าลอยออกจากอาหาร เข้มข้นไปด้วยกลิ่นที่ไม่จางหายของเนื้อและข้าวซึ่งสุกกำลังดี
ปู้ฟางหยิบช้อนกระเบื้องสีฟ้าขาวออกมาตักข้าวโลหิตมังกรจนพูน เมล็ดข้าวอ้วนกลมดูชุ่มชื้นด้วยไอกรุ่น สีแดงเรื่อของข้าวดูเตะตาเป็นอันมาก แม้ข้าวโลหิตมังกรจะเติบโตมาด้วยเลือดของมังกร แต่กลับไม่มีกลิ่นประหลาดเลยแม้แต่น้อย กลิ่นที่ออกมานั้นเป็นกลิ่นหอมของข้าวขาวหุงสุกอย่างชัดเจน
กลิ่นหอมสดชื่นเหมือนน้ำนมขาวสะอาดไหลรินลงสู่หัวใจ พรั่งพร้อมด้วยความหวานที่ระเบิดอยู่ภายใน
หลังจากที่กินข้าวโลหิตมังกรเข้าไปเต็มคำ ปู้ฟางก็เลิกคิ้วขึ้น เขาเคี้ยวเล็กน้อย แล้วพบว่าเมล็ดข้าวนั้นกระเด้งกระดอนอยู่ระหว่างฟันกับลิ้น
ข้าวโลหิตมังกรนั้นเหนียวนุ่มกว่าข้าวขาวธรรมดาทั่วไป ทำให้ต้องออกแรงเคี้ยวมากกว่า ความรู้สึกที่เมล็ดข้าวกระเด็นกระดอนอยู่ภายในช่องปากนั้นช่างดีเกินบรรยาย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD