เมื่อโอวหยางเสี่ยวอี้เห็นเซียวเยียนอวี่ เด็กหญิงก็พลันหมุนตัวกลับแล้วโกยแน่บไปที่ห้องตนเอง นางอยากหลีกหนีไปให้ไกลที่สุดทันทีที่รู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น
แต่ผู้ที่นางกำลังหนีคือเซียวเยียนอวี่ สตรีอัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งนครหลวง ผู้มีปราณระดับสี่ขั้นจิตยุทธการ เซียวเยียนอวี่ปรากฏตัวขึ้นข้างเด็กหญิงราวเคลื่อนย้ายมาในพริบตา พร้อมดึงเสื้อโอวหยางเสี่ยวอี้เอาไว้
“ตายแล้ว! พี่หญิงเยียนอวี่ ช่างบังเอิญอะไรเช่นนี้” โอหยางเสี่ยวอี้กะพริบตาปริบ เมื่อรู้ตัวว่าหนีไปไหนไม่รอด นางก็หันไปมองเซียวเยียนอวี่ที่มีสีหน้าเย็นเยือกราวน้ำแข็ง พร้อมปั้นหน้าใสซื่อบริสุทธิ์
เซียวเยียนอวี่เอามือตีศีรษะเด็กหญิงเบาๆ ด้วยความหงุดหงิด “เจ้าเด็กบ้า ปีกกล้าขาแข็งเสียจริง! รู้จักหนีออกจากบ้านเสียด้วย! เจ้ารู้ไหมว่าท่านปู่ของเจ้าเป็นห่วงใจแทบขาดเพียงใด!”
เซียวเสี่ยวหลงและจีเฉิงเสวี่ยเดินเข้ามาหาคนทั้งสองด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า เซียวเสี่ยวหลงหลิ่วตาให้เด็กหญิงเสียด้วยซ้ำ “พับผ่าสิ นครหลวงแทบเกิดสงครามกลางเมืองด้วยฝีมือของแม่ทัพเฒ่าเพราะเจ้าเด็กแสบนี่ แต่ตัวต้นเรื่องกลับมาซ่อนอยู่ในร้านมีความสุขกับอาหารอร่อยไปเสียได้ ข้าอยากรู้นักว่าท่านแม่ทัพเฒ่าโอวหยางจะกระอักเลือดออกมาหรือไม่เมื่อรู้ข่าว”
“เสี่ยวอี้ เป็นเด็กดีหน่อยสิ ท่านแม่ทัพเฒ่าเป็นห่วงเจ้านะ กลับบ้านเถิด ทำให้ผู้หลักผู้ใหญ่โกรธมันไม่ดี” จีเฉิงเสวี่ยที่ใส่ชุดขาวทั้งตัวมองเด็กหญิงด้วยสายตาอ่อนโยน
โอวหยางเสี่ยวอี้เกาหัวด้วยสีหน้าจริงจัง ก่อนตอกกลับ “ข้าไม่กลับ ปู่เอาแต่บังคับให้ข้าฝึกวิชาทุกวัน ทั้งๆ ที่แขนขาเล็กๆ บอบบางของข้าไม่ได้เหมาะกับการต่อสู้สักนิด แล้วดูสิว่าข้าน่ารักเพียงใด ให้คนน่ารักเช่นข้าไปฝึกวิทยายุทธ์มันไม่เสียของหรอกรึ”
เซียวเยียนอวี่ขำออกมาทันทีที่ได้ยินคำพูดของเด็กหญิง ทั้งสองโตมาด้วยกันตั้งแต่อ้อนแต่ออก นางจึงชินกับนิสัยของโอวหยางเสี่ยวอี้เป็นอย่างดี
“จักรวรรดิวายุแผ่วนั้นเป็นอาณาจักรการยุทธ์ แม่ทัพเฒ่าโอวหยาง ท่านปู่ของเจ้าก็มาจากพื้นเพนักรบ ทั้งยังคอยรับใช้ข้างกายท่านจักรพรรดิระหว่างเดินทางหลายต่อหลายครั้ง แน่นอนว่าท่านย่อมต้องให้ความสำคัญกับวิทยายุทธ์เป็นธรรมดา และต้องการให้ลูกหลานของท่านสืบทอดความสามารถด้านการรบไป เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีผู้ฝึกตนกี่คนที่อยากฝึกวิชากับท่านปู่เจ้า มีเพียงเจ้าคนเดียวเท่านั้นที่ไม่เข้าใจว่าตนเองโชคดีเพียงใด”
แต่โอวหยางเสี่ยวอี้ก็ยังรู้สึกเหมือนโดนละเมิดสิทธิ์อยู่ดี นางปิดปากสนิท หันหน้าขวับไปอีกทางอย่างดื้อดึง
เมื่อเห็นดังนั้น จีเฉิงเสวี่ยและเซียวเสี่ยวหลงก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา ทั้งสองเป็นห่วงไม่น้อยเมื่อได้ยินว่าโอวหยางเสี่ยวอี้หนีออกจากบ้านมา แต่ตอนนี้ก็รู้สึกวางใจได้แล้ว
องค์ชายสามลูบหัวโอวหยางเสี่ยวอี้แล้วพูดอย่างจริงจัง “เสี่ยวอี้ กลับบ้านเสียเถิด ตอนนี้มีผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ จากหลายสำนักกระจายตัวอยู่ทั่วนครหลวง จึงไม่ใช่เวลาที่เจ้าจะมาพยศ หากถูกลักพาตัวไป จะกลายเป็นตัวถ่วงท่านปู่เจ้าไปเสีย”
โอวหยางเสี่ยวอี้ยังพอมีความเกรงกลัวจีเฉิงเสวี่ยผู้สง่างามอยู่บ้าง นางจึงกะพริบตาปริบแล้วพยักหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง
ตอนนั้นเองปู้ฟางก็ทำข้าวผัดไข่เสร็จ หลังจากวางเอาไว้บนขอบหน้าต่างเรียบร้อย เขาก็ตะโกนเรียกเสียงเย็น “เจ้าเปี๊ยก ข้าวผัดไข่ของเจ้าเสร็จแล้ว”
“อ๊ะ! มาแล้วๆ !” เมื่อได้ยินว่าข้าวผัดไข่ของตนเองทำเสร็จเรียบร้อย โอวหยางเสี่ยวอี้ก็สดใสขึ้นมาทันที นางกระโดดดึ๋งอย่างตื่นเต้นแล้วพุ่งตัวไปที่หน้าต่าง
เด็กหญิงวิ่งถือชามข้าวผัดไข่กลิ่นหอมกลับมาวางลงบนโต๊ะ โอวหยางเสี่ยวอี้ที่กำลังหิวโซไม่สนใจคนอื่นในร้านอีกต่อไป นางเริ่มกินอย่างเอร็ดอร่อยทันที
“เจ้าเด็กนี่… ไม่อยากเชื่อเลยว่านางจะหาที่แห่งนี้เจอ” เซียวเสี่ยวหลงมีสีหน้าอ่อนโยนขณะดูเด็กหญิงกินข้าวอย่างมูมมาม
“เถ้าแก่ปู้ ข้าขอข้าวผัดไข่สูตรปรับปรุงหนึ่งชาม” องค์ชายสามตะโกนสั่งไปทางห้องครัวอย่างสุภาพ
“จะสั่งอะไรก็บอกเด็กนั่น” ปู้ฟางตอบโดยไม่ออกจากครัว
จีเฉิงเสวี่ย เซียวเสี่ยวหลง และเซียวเยียนอวี่ชะงักไป
เด็กหญิงที่กำลังสาละวนกับการกินสะดุ้งทันที นางเงยหน้าขึ้น ใบหน้ามีเมล็ดข้าวสองสามเมล็ดติดอยู่ จากนั้นก็พูดด้วยท่าทางน่ารัก “ตอนนี้ข้าทำงานเป็นบริกรที่ร้านนี้อยู่ หากจะสั่งอะไรก็บอกข้า”
“เจ้าเนี่ยนะเป็นบริกร” เซียวเสี่ยวหลงตาเบิกกว้าง เขาจ้องโอวหยางเสี่ยวอี้ด้วยสีหน้าประหลาด “เถ้าแก่ปู้ช่างเป็นชายที่น่ากลัวจริงๆ ! เขาถึงกับกล้าจ้างเด็กนี่เป็นบริกร ไม่กลัวพี่ชายป่าเถื่อนสามคนจากตระกูลโอวหยางเลยรึ”
เซียวเยียนอวี่มุ่นคิว “เสี่ยวอี้ เพียงเท่านี้เถ้าแก่ปู้ก็บริหารร้านยากแล้ว อย่าทำให้เขากลุ้มใจไม่ได้หรือ”
จีเฉิงเสวี่ยพยักหน้าอย่างเคร่งขรึมจริงจังเช่นกัน
โอวหยางเสี่ยวอี้มองหน้าคนทั้งสามอย่างไร้อารมณ์ นางอยากพ่นข้าวในปากใส่หน้าสามคนนี้เป็นอันมาก หมายความว่าอย่างไรกันที่ว่านางทำให้คนอื่นกลุ้มใจ นางนี่ช่าง… น่ายำเกรงถึงเพียงนั้นเชียวรึ!
เป็นเพราะไอ้นายท่านตัวเหม็นนั่นแท้ๆ ที่มาข่มขู่บังคับให้นางจ่ายหนี้ด้วยร่างกาย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD