ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD นิยาย บท 222

ชายร่างหนานามว่าเซี่ยต้ากระชากหอกสีดำเย็นยะเยือกที่เริ่มมีกลิ่นเลือดคละคลุ้งออกมาด้วยมือเดียว

เซี่ยต้าเพียงแค่คว้าหอกเอาไว้ด้วยแรงบีบมือโดยไม่ต้องใช้พลังปราณเที่ยงแท้แม้แต่น้อย ลำพังเพียงร่างกายของเขาก็แข็งแรงพอที่จะต้านพลังปราณที่อวี่เฟิงปล่อยออกมาแล้ว

รูม่านตาของอวี่เฟิงหดแคบ หัวใจสั่นไหวขึ้นมาทันที การที่ชายตรงหน้านี้สามารถจับหอกของเขาไว้ได้ด้วยมือเปล่า…แปลว่าคนผู้นี้ต้องมีร่างกายที่แข็งแกร่งเหลือเชื่อ แข็งแกร่งยิ่งกว่าอสูรเวทเสียด้วยซ้ำ

เซี่ยต้าเห็นสีหน้าตกใจของอวี่เฟิงแล้วก็ยิ้มยิงฟันขาวสว่างไสวออกมา “หอกนี่…ไม่เลวเลยทีเดียว” เขาหัวเราะหึๆ ในลำคอ

จากนั้นเซี่ยต้าก็เรียกพลังรุนแรงออกมา พลังปราณเที่ยงแท้ปริมาณมหาศาลระเบิดออกจากมือเขา อวี่เฟิงที่ถือหอกอยู่ในมือถูกดึงให้ลอยไปในอากาศพุ่งเข้าหาเซี่ยต้า

“เวรเอ๊ย! นี่มันพลังบ้าอะไรกัน!”

อวี่เฟิงตกใจกลัวลนลานอยู่ข้างใน แม้เขาจะเป็นขั้นนักพรตยุทธการ แต่ก็ต้านทานแรงดึงนี้ไม่ได้แม้แต่น้อย

เขาโบกสะบัดหางงูตัดผ่านอากาศจนดูราวกับเป็นปลายกระบี่แหลมคมที่ซัดเข้าใส่เซี่ยต้า

หางของมนุษย์อสรพิษนั้นเป็นอาวุธที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขา มนุษย์อสรพิษที่ฝึกหางตนเองเพื่อการต่อสู้โดยเฉพาะ รู้ดีว่าหางของตนใช้โจมตีได้ทรงพลังกว่าอาวุธทั่วไปที่มนุษย์สร้างขึ้นด้วยซ้ำ

แต่หางของอวี่เฟิงก็ถูกเซี่ยต้าจับเอาไว้ได้อีกครั้ง ความเจ็บปวดจากการถูกโจมตีกลับนั้นทำให้อวี่เฟิงถึงกับต้องกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด หอกยาวที่ถืออยู่ในมือตกลงกระทบพื้นดังเคร้ง

เซี่ยต้าหัวเราะเย้ยหยันเสียงเย็น หมัดหนักเหมือนหินผาขนาดใหญ่มหึมาซัดลงมาบนร่างของอวี่เฟิงอย่างไร้ความปรานี

ตอนนั้นเองอวี่เฟิงที่มีปราณอยู่ในระดับสูงสุดของขั้นนักพรตยุทธการก็ถูกอัดกระเด็นไปในอากาศด้วยหมัดเดียว เขากระอักเลือดออกมาเต็มปาก แล้วพุ่งเข้ากระแทกกำแพงตรอก อัดเอาปูนหินดินทรายกระจุยกระจายไปหมด

“ทำตัวบุ่มบ่ามโดยไม่คิดหน้าคิดหลังให้ดีก่อน ข้าก็บอกแล้วว่าให้ไสหัวไป แต่เจ้าก็ยังกร่างสอดมือเข้ามายุ่ง” เซี่ยต้ากำหมัด เสียงกระดูกลั่นกร๊อบแกร๊บฟังดูเหมือนกิ่งไม้ที่หักดังเปรียะในอากาศ

เซี่ยต้าพาร่างใหญ่ยักษ์ของตนเองก้าวทีละก้าวเข้าไปหาอวี่เฟิงผู้ที่กำลังตะเกียกตะกายอยู่บนพื้น

พลังปราณรุนแรงร้ายกาจระเบิดออกจากร่างของเขา พลังนี้ยิ่งใหญ่เสียจนทำให้บรรดาขั้นนักพรตยุทธการต้องหงอตัวสั่น

พลังของขั้นเทพแห่งสงครามระดับแปด…ช่างไร้เทียมทานเสียจริง!

อวี่เฟิงเลือดไหลออกจากมุมปากทั้งสองข้าง หางงูของเขายังคงปัดป่ายไปมา ดวงตาเต็มไปด้วยความประหวั่นพรั่นพรึงขณะมองไปยังเซี่ยต้า…บัดซบ ใครจะไปคิดว่าไอ้หมอนี่จะเป็นขั้นเทพแห่งสงครามกัน!

เขารู้สึกอับอายขายขี้หน้าเหลือก่อน ก่อนหน้านี้เขาประกาศเป็นมั่นเหมาะว่าจะปกป้องร้านนี้ แต่ครั้งแรกที่ยื่นมือเข้ามาทำตามหน้าที่ กลับถูกอัดน่วมไม่เป็นท่า

“ตอนแรกข้าอยากปล่อยเจ้าไปเพราะเห็นแก่ประมุขอสรพิษ แต่ในเมื่อเจ้ารนหาที่ตายเอง จะมาโทษข้าที่สนองให้ก็คงไม่ได้” เซี่ยต้าเปรียบเสมือนภูเขาสูงใหญ่ตั้งตระหง่าน เขามองลงมายังอวี่เฟิงที่นอนกองอยู่บนพื้น จากนั้นชายร่างหนาค่อยๆ ยกเท้าของตนเองขึ้น

กล้ามเนื้อที่เท้าของเขาแข็งแกร่งไม่ต่างอะไรจากส่วนอื่นในร่างกายแม้แต่น้อย แค่เหยียบลงไปเพียงครั้งเดียว อวี่เฟิงคงได้กลับไปเฝ้าเทพเจ้าเป็นแน่

รูม่านตาของอวี่เฟิงหดแคบ พลังปราณในร่างกายระเบิดออกมาขณะพยายามตะเกียกตะกายหนีจากความตาย แต่เซี่ยต้าเพียงแค่หัวเราะเสียงเย็น พร้อมเอาเท้าเหยียบไปที่หางงู เพียงเท่านั้นพลังปราณที่อวี่เฟิงรวบรวมมาก็เป็นอันสลายหายไปในอากาศ…

อวี่เฟิงกระอักเลือดออกมาชุดใหญ่อีกครั้ง เขาตกลงกระแทกพื้น นอนพังพาบอยู่กับที่อย่างสิ้นหวัง

“งูก็เป็นได้แค่งู สุดท้ายก็ยังเป็นสัตว์ที่ต่ำกว่า ไม่เห็นจะต่างอะไรกับคนครึ่งสัตว์ในดินแดนป่ารกชัฏแม้แต่น้อย” เซี่ยต้ายิ้มเยาะ เขายกหมัดที่แข็งแกร่งเหมือนหินผาขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เล็งไปที่ศีรษะของอวี่เฟิง

ทันทีที่หมัดกระทบเข้ากับเป้าหมาย ศีรษะของอวี่เฟิงก็จะระเบิดกระจายกลายเป็นซาก แม้จะมีปราณอยู่ในขั้นนักพรตยุทธการก็ตาม

“เจ้า…ปล่อยมนุษย์อสรพิษนั่นเดี๋ยวนี้”

สถานการณ์ในตรอกพลันหยุดนิ่งทันที ผู้ฝึกตนจากวิหารเทพเจ้าลงทัณฑ์มองมนุษย์อสรพิษเป็นเพียงเศษเดนไร้ค่า ดวงตาของพวกเขาไม่มีความเมตตาสงสารอยู่แม้แต่น้อย ไอ้หมอนี่มันกล้ามาท้าทายผู้อาวุโสเซี่ย แปลว่าเตรียมตัวตายมาเรียบร้อยแล้ว แต่แล้วกลับมีเสียงหนึ่งดังขึ้นตัดช่วงเวลาแห่งชีวิตนี้จนได้

ทุกคนชะงักพลางหันกลับไปมองต้นเสียง

เซี่ยต้าหยุดหมัดของตนเองเอาไว้แล้วหันกลับไปมองเช่นกัน สายตาของเขาจ้องไปยังร่างสูงโปร่งที่ยืนพิงกรอบประตูอยู่

“เจ้าอยากช่วยไอ้กะโหลกหนานี่เช่นนั้นรึ ได้สิ…เอาต้นตื่นรู้ทางห้าสายมาแลกก็แล้วกัน” เซี่ยต้ายืดตัวตรงพลางยิ้มให้ปู้ฟาง

ชายหนุ่มไม่ได้ยิ้มตอบ ทำเพียงมองอีกฝ่ายด้วยสายตาไร้ความรู้สึกเท่านั้น

ทันใดนั้นเชิ่งมู่ที่ยืนเงียบมาตลอดก็ก้าวออกไปหาปู้ฟางพร้อมหัวเราะในลำคอ

“ผู้อาวุโสเซี่ย ข้าจัดการไอ้หมอนี่ให้เองขอรับ! เป็นแค่พวกระดับห้าขั้นราชันยุทธการ แต่กลับสะเออะมาทำเป็นแน่ต่อหน้าพวกเรา บอกตามตรงว่าข้าเกะกะลูกตามาสักพักแล้ว!”

เชิ่งมู่คำรามแล้วมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าปู้ฟางในพริบตา ดวงตาของเขาเบิกกว้าง หัวเราะเยาะเสียงเย็น พร้อมส่งมือที่เหมือนกรงเล็บออกหมายาจะโจมตีชายหนุ่ม

ชายหนุ่มยังคงยืนพิงกรอบประตูในท่าเดิม สีหน้าไม่เปลี่ยนแม้แต่น้อย

“พวกก่อความไม่สงบจะต้องถูกจับแก้ผ้าประจานต่อหน้าประชาชี”

เสียงจักรกลของเจ้าขาวดังขึ้นเบื้องหลังปู้ฟาง ดวงตาสาดแสงสีแดงที่กวาดใส่เชิ่งมู่จนทำให้อีกฝ่ายตาแทบบอด

ปัง…

มือของเชิ่งมู่กระแทกใส่ท้องของเจ้าขาว แต่กลับไม่ทิ้งแม้แต่รอยขีดข่วนเอาไว้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD