เสียงแห่งท่วงทำนองนั้นไม่ได้ดังก้อง มันกังวานแผ่วเบาเหมือนสายลมอ่อนโยนที่พัดให้กระดิ่งสั่นไหวส่งเสียงเสนาะหู
เสียงนั้นทำให้จิตใจสงบ มันกระเพื่อมออกมาเหมือนกระแสน้ำที่ไหลเข้าหล่อเลี้ยงจิตใจและทำให้สมองโล่งขึ้น พาให้พลังปราณเที่ยงแท้ภายในกายไหลเวียนอย่างราบรื่น
นี่คือท่วงทำนองแห่งการตื่นรู้
กลิ่นประหลาดไม่เหมือนใครลอยออกจากร้าน กลิ่นนั้นเบาบางในทีแรกแต่กลับเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ราวกับก่อนหน้านี้เป็นเพียงกลิ่นน้ำนมบางเบา แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นกลิ่นของทะเลน้ำนมเข้มข้นซึ่งแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ปู้ฟางชะงัก มู่หลิงเฟิงเองก็เช่นกัน ทั้งสองหันไปมองที่มุมธรรมดาๆ ภายในร้าน ต้นไม้ขนาดสูงกว่าคนเล็กน้อยกำลังสั่นไหวขณะเบ่งบานเต็มที่ อักขระแปลกประหลาดลอยวนอยู่รอบต้น ส่งให้มันดูเขียวชอุ่มและเต็มไปด้วยพลังปราณมากขึ้นไปอีก
กระถางต้นไม้ดินเผาสีเหลืองเองก็เปลี่ยนหน้าตาไปเช่นกัน จากที่ดูเขรอะฝุ่นจับกลับกลายเป็นสีหยกเขียวมันเงาสวยงาม ผิวดินสีเหลืองลอกออกเผยให้เห็นแก่นที่อยู่ภายใน
ผลไม้หน้าตาเหมือนมะนาวขนาดเท่ากำปั้นห้อยลงมาจากต้นตื่นรู้ บนผลนั้นมีรูปเมฆประดับอยู่ เมฆก้อนสุดท้ายกำลังก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างให้เห็นกับตา ทันทีที่กระบวนการทั้งหมดนี้เสร็จสิ้น ต้นตื่นรู้ทางห้าสายก็จะเติบโตพร้อมผลที่สุกอย่างสมบูรณ์ แปลว่าสารัตถะแห่งการตื่นรู้ได้ขึ้นไปสู่จุดสูงสุดแล้ว
เมื่อเวลานั้นมาถึง แม้แต่ขั้นเทพแห่งสงครามก็ยังต้องหน้ามืดด้วยความละโมบ
เปลวไฟในดวงตาของมู่หลิงเฟิงสว่างไสวขึ้นทันที ผลไม้ของต้นตื่นรู้ทางห้าสายสุกงอมเต็มที่แล้ว!
ปู้ฟางเองก็มองผลไม้สีเขียวมะนาวบนต้นตื่นรู้ด้วยความสนอกสนใจเช่นกัน เขาเคยเห็นผลตื่นรู้ทางสามสายมาก่อน แต่ผลไม้ที่เขาได้มานั้นไม่ได้อยู่ในสภาพยอดเยี่ยมนัก เนื่องจากอยู่ในคลังของจักรวรรดิวายุแผ่วมานานจนพลังกว่าครึ่งสลายหายไป เทียบไม่ได้เลยกับผลไม้สีสว่างสดใสเป็นมันเงาบนต้นไม้ตรงหน้า ที่ห้อมล้อมไปด้วยลวดลายก้อนเมฆส่องแสงสว่างเจิดจ้า
“เถ้าแก่ปู้ ต้นตื่นรู้นี่…ผลของมันสุกแล้วเช่นนั้นรึ”
มู่หลิงเฟิงในชุดสีแดงหันมามองปู้ฟาง แล้วถามด้วยน้ำเสียงเหมือนมีอะไรอยู่ในใจ
แต่ชายหนุ่มก็ต้องชะงักไปเมื่อปู้ฟางไม่ได้สนใจตนแม้แต่น้อย แต่อีกฝ่ายกลับจ้องไปที่กิ่งก้านซึ่งกำลังสั่นไหวของต้นตื่นรู้ด้วยสายตาว่างเปล่า
“ระบบตรวจจับได้ว่าผลของต้นตื่นรู้ทางห้าสายสุกดีแล้ว ภารกิจฉุกเฉิน: นายท่านต้องปกป้องต้นตื่นรู้ทางห้าสายให้จงได้ และคิดค้นอาหารจานหนึ่งจากผลไม้นี้ อาหารจานใหม่นี้ต้องผ่านการประเมินจากระบบ รางวัล: สูตรอาหารผัดเต้าหู้เสฉวนสายฟ้า”
ทันทีที่ปู้ฟางเหลือบตาไปมองต้นตื่นรู้ทางห้าสาย ระบบก็ประกาศเสียงเรียบขึ้นในใจเขา จนทำเอาชายหนุ่มตกใจเล็กน้อย
เขาไม่ได้คาดคิดว่าระบบจะประกาศอะไรออกมาในตอนนี้ แถมยังมอบภารกิจฉุกเฉินให้อีก
“ให้คิดค้นอาหารจากผลต้นตื่นรู้ทางห้าสายเช่นนั้นรึ” มุมปากของปู้ฟางกระตุก
เมื่อต้นตื่นรู้ทางห้าสายโตเต็มที่ บรรดานักรบมากมายก็พากันมาออตรงหน้าร้าน การที่ระบบประกาศภารกิจเช่นนี้ออกมาตอนนี้ ก็เป็นอันชัดเจนว่าตั้งใจจะทำลายความหวังของบรรดาขั้นนักพรตยุทธการที่อยู่ด้านนอกอย่างสิ้นเชิง
การจะทำอาหารจากผลของต้นตื่นรู้ทางห้าสายออกมาให้ผ่านการประเมินของระบบนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แถมผลของต้นตื่นรู้นี้มีเพียงสามผลเท่านั้น ซึ่งลำพังตัวเขาเองยังแทบไม่พอใช้
“เถ้าแก่ปู้…” มู่หลิงเฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าหล่อเหลามีแววไม่พอใจ ปู้ฟางบังอาจเมินเขาเช่นนั้นหรือ
แต่จู่ๆ ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นในใจ มู่หลิงเฟิงหันไปมองหุ่นเชิดโลหะที่กำลังต่อสู้กับฝูงชนอยู่ด้านนอกเพียงลำพัง จากนั้นก็หันไปมองต้นตื่นรู้ทางห้าสายที่ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวตรงมุมห้อง ส่วนคนที่อยู่ตรงหน้าเขาคือปู้ฟาง ผู้ที่มีปราณระดับห้าขั้นราชันยุทธการเท่านั้น…
หากเขาจัดการปู้ฟางได้ มิแปลว่าต้นตื่นรู้ทางห้าสายจะกลายเป็นของเขาหรือ
…
หอกยาวที่ห้อมล้อมด้วยเปลวเพลิงพุ่งเข้าใส่เจ้าขาว ดวงตาของเจ้าขาวส่องแสงสีม่วงสว่างวาบ เศษหินดินทรายระเบิดกระจายไปทั่วบริเวณ
ทุกคนต่างมองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยความตกใจ แล้วก็ได้เห็นร่างใหญ่มหึมาเสียจนบดบังดวงอาทิตย์และท้องฟ้าจนหมดสิ้น ร่างนั้นคือมังกรสีดำตัวใหญ่ที่มีชายชราร่างเล็กหลังโกงอยู่บนนั้น
แม้ชายชราผู้นั้นจะตัวเล็ก แต่พลังปราณที่ปล่อยออกมากลับทรงพลังน่าเกรงขามเป็นอันมาก
“เปี้ยนฉางกงรึ” เซี่ยต้าที่ตัวโชกเลือดถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เมื่อเห็นหอกตรงหน้าต้านทานการโจมตีของหุ่นเชิดเอาไว้ได้ หัวใจของเขาก็กลับมาเต้นได้อีกครั้ง
ชายชราหลังโกงก้าวลงมา เดินเอามือไพล่หลังอยู่บนอากาศแล้วโบกมือเพื่อเก็บมังกรไป มังกรดำหุบปีกก่อนหายตัวไปในแสงสว่างวาบพร้อมเสียงคำรามกึกก้อง
เปี้ยนฉางกง ผู้อาวุโสแห่งวิหารเทพเจ้านั้นเป็นผู้ฝึกตนขั้นเทพแห่งสงครามที่แข็งแกร่งยิ่ง
“เจ้าเป็นถึงผู้อาวุโสของวิหารเทพเจ้าแห่งดินแดนป่ารกชัฏ แต่กลับปล่อยให้ตนเองถูกซ้อมปางตายเหมือนหมาจนตรอก เจ้าทำให้ชื่อเสียงของสำนักอันแสนยิ่งใหญ่ของเราต้องมัวหมอง” เปี้ยนฉางกงตวัดสายตามองเซี่ยต้า ผู้ซึ่งเลือดโชกไปทั้งตัวและแทบเอาชีวิตไม่รอดจากการถูกฟันตัวขาดครึ่ง ชายชราส่งเสียงเยาะเย้ยอย่างโจ่งแจ้ง
จากนั้นเขาก็ยกมือขึ้นเรียกหอกกลับมาเข้ามือ พลังกดดันโถมทับฝูงชนที่อยู่ในที่แห่งนี้เอาไว้ยามที่เขาโบกมือ
เปี้ยนฉางกงมองเจ้าขาวตาสีม่วงด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เซี่ยต้ามีศักดิ์เป็นถึงผู้อาวุโสแห่งวิหารเทพเจ้าแห่งดินแดนป่ารกชัฏ เขาปล่อยให้หมอนั่นมาตายอยู่ที่นี่ไม่ได้ ด้วยเหตุนี้จึงต้องยื่นมือเข้ามาช่วย
กลิ่นหอมเข้มลอยฟุ้งออกมาจากร้าน พร้อมด้วยท่วงทำนองแห่งการตื่นรู้ที่กังวานก้องไปเกือบทั่วนครหลวง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD