ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD นิยาย บท 242

ปู้ฟางลืมตาตื่น ก่อนกระเด้งตัวจากเตียงนอน เขาขยี้ตาด้วยความง่วงงุนพร้อมหาวหวอดใหญ่

หลังจากที่ล้างหน้าล้างตาเรียบร้อย ชายหนุ่มก็เดินออกจากห้องไป ห้องพักแขกยังคงปิดประตูสนิทเหมือนเดิม

พอลงมาด้านล่าง เขาก็เดินเข้าครัว ในครัวยังดูเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน บนพื้นผิวไม่มีฝุ่นแม้สักเม็ด ความสะอาดนี้อยู่ในระดับที่เมื่อได้มองแล้วต้องรู้สึกปลอดภัยสบายกายขึ้นมาทันที ปู้ฟางลูบท้องเจ้าขาวพลางยิ้มออกมา เขาดูอารมณ์ดีปราศจากความกังวลโดยสิ้นเชิง

ชาวหนุ่มหยิบมีดทำครัวเล่มหนาหนักขึ้นมาแล้วเริ่มฝึกทักษะการใช้มีดและการแกะสลักประจำวัน มีดเล่มใหญ่หนักอึ้งดูเบามากเมื่ออยู่ในมือของเขา เป็นภาพที่ยากจะทำความเข้าใจได้เล็กน้อย

เมื่อได้กลิ่นหอมของซี่โครงเปรี้ยวหวาน อวี่ฝูก็สะบัดหางเลื้อยลงมาจากชั้นสองอย่างไม่รีบร้อน นางเห็นเถ้าแก่ปู้กำลังฝึกทำอาหารอยู่ในครัว ใบหน้าของหญิงสาวจึงเปลี่ยนมาเป็นชื่นชมทันที

“อรุณสวัสดิ์ เถ้าแก่ปู้” อวี่ฝูยิ้มพลางเอ่ยทักทายอีกฝ่าย

ปู้ฟางหันไปมองหญิงสาวแล้วพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็หันมาจดจ่ออยู่กับการทำซี่โครงเปรี้ยวหวาน ส่วนอวี่ฝูก็ตั้งใจดูเคล็ดลับที่ปู้ฟางใช้ทำซี่โครงเปรี้ยวหวานอย่างไม่วางตา นางสนใจซี่โครงเปรี้ยวหวานที่ส่งกลิ่นหอมชวนเมามายไปทั่วร้านเป็นอันมาก

ปู้ฟางทำซี่โครงเปรี้ยวหวานอย่างชำนาญ ส่วนอวี่ฝูก็ตั้งใจศึกษาอย่างเอาจริงเอาจัง ภาพนี้ดูกลมกลืนเข้ากันเป็นอย่างดี

ในที่สุดซี่โครงเปรี้ยวหวานก็ออกจากกระทะ ชายหนุ่มราดซอสขี้เมาลงไปพอสมควร จากนั้นก็หยิบชามเดินออกจากครัวไป

“ฝึกทักษะการใช้มีดและการแกะสลักของเจ้าต่อไป เดี๋ยวข้าจะทดสอบความคืบหน้าในการทำข้าวผัดไข่ของเจ้า” ปู้ฟางเดินผ่านอวี่ฝูพลางพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย จากนั้นก็เดินเข้าไปในบริเวณร้านแล้วยกไม้กระดานปิดหน้าร้านออก

“เจ้าดำ ได้เวลากินข้าวแล้ว” ปู้ฟางเอ่ย

ชายหนุ่มวางจานซี่โครงเปรี้ยวหวานลงตรงหน้าเจ้าดำ จากนั้นก็ลูบขนที่หลังของมันอย่างอ่อนโยน ก่อนลุกขึ้นยืนแล้วลากเก้าอี้มานอนขดอยู่ข้างประตูร้านตามกิจวัตร

ลมฤดูใบไม้ผลิตอนเช้านั้นหนาวเย็นพอตัว แต่ก็พัดอย่างอ่อนโยนและเชื่องช้า ทำให้ใครก็ตามที่ได้สัมผัสล้วนรู้สึกอยากลาไปนอนขึ้นมาทันที

ในห้องครัว อวี่ฝูหยิบมีดที่นางเลือกเมื่อวานมาเริ่มหั่นวัตถุดิบที่ปู้ฟางเตรียมไว้ให้ วัตถุดิบกองนั้นเยอะเต็มกะละมังใบใหญ่เลยทีเดียว

อวี่ฝูฝึกทักษะการใช้มีดอย่างขมักเขม่น แม้แต่คนที่เก่งกาจหาตัวจับยากอย่างเถ้าแก่ปู้ยังต้องฝึกทุกวัน แล้วนางเป็นใครจะมาบ่ายเบี่ยงการทำงานหนักเช่นนี้

ไม่นานหลังจากนั้น ร้านเล็กๆ แห่งนี้ก็เต็มไปด้วยเสียงคุยเจื้อยแจ้ว หลายคนร้องเรียกเถ้าแก่ปู้ จากนั้นก็ตามมาด้วยรายการอาหารที่พวกเขาสั่ง

อวี่ฝูมองกะละมังที่เพิ่งเต็มไปได้ครึ่งเดียว ส่วนข้อมือก็เริ่มปวดจนชา นางรู้สึกกระวนกระวายขึ้นมา

ปู้ฟางเดินเข้าครัวมาเจออวี่ฝูที่กำลังลุกลี้ลุกลน เขาจึงทำหน้างง“เป็นอะไรไป ข้าไม่ได้บอกหรือว่าพ่อครัวแม่ครัวต้องมั่นใจในทักษะที่ตนเองมี”

“ข้า…ข้าหั่นวัตถุดิบไม่หมด” ใบหน้าของอวี่ฝูเป็นสีแดงก่ำขณะที่นางละล่ำละลักออกมาด้วยความอับอาย

ปู้ฟางชะงัก เขาหันไปมองกองวัตถุดิบที่หั่นไปครึ่งหนึ่งแล้วยิ้มออกมา จากนั้นก็ยกมือลูบศีรษะอวี่ฝู “ข้าไม่ได้ตั้งใจจะให้เจ้าหั่นวัตถุดิบนี่ทั้งหมด แค่เอาไว้ฝึกทักษะเท่านั้น เอาละ วันนี้ฝึกพอแล้ว ไปทำข้าวผัดไข่มาให้ข้าชิมชามหนึ่งก็แล้วกัน”

อวี่ฝูถอนใจด้วยความโล่งอกอยู่ข้างใน นางคิดว่าปู้ฟางจะตำหนินางเพราะเหตุนี้เสียอีก

โต๊ะขนาดเล็กสำหรับเตรียมอาหารปรากฏขึ้นข้างโต๊ะใหญ่ของปู้ฟาง ชายหนุ่มมองไปที่โต๊ะนั้นพร้อมถูจมูกตนเอง โต๊ะนี่โผล่มาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน แต่ดูก็รู้ว่าระบบต้องเป็นผู้เตรียมให้แน่ๆ

“เจ้าไปทำข้าวผัดไข่ที่โต๊ะตัวนั้น จากนี้ไปโต๊ะทำอาหารตัวนั้นเป็นของเจ้า” ปู้ฟางชี้ไปที่โต๊ะตัวเล็กซึ่งจู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นจากอากาศธาตุ แล้วหันไปแจ้งให้อวี่ฝูรู้

อวี่ฝูตกใจเป็นอันมากเมื่อได้ยิน นางหันไปมองโต๊ะตัวดังกล่าวด้วยความตื่นเต้น เมื่อวานยังไม่มีโต๊ะตัวนี้เลย…จู่ๆ มันปรากฏขึ้นมาได้อย่างไรกัน ช่างน่าอัศจรรย์ใจอะไรเช่นนี้…

แต่นางก็รู้ดีว่าหลายอย่างนั้นจะเป็นการดีกว่าถ้าไม่คาดคั้นหาคำตอบ ด้วยเหตุนี้นางจึงหยิบวัตถุดิบที่ใช้ทำข้าวผัดไข่ออกมา แล้วเริ่มลงมือทำอาหารทันที

ส่วนปู้ฟางก็เริ่มทำรายการอาหารที่ลูกค้าสั่งเช่นกัน แค่เขาสะบัดมีดวัตถุติบทั้งหมดก็กลายเป็นชิ้นๆ อย่างง่ายดาย ความเร็วนั้นรวดเร็วมาเสียจนเห็นเป็นภาพเบลอ! อวี่ฝูที่ยืนอยู่อีกด้านทำหน้าเหมือนต้องมนต์ ทักษะการใช้มีดของเถ้าแก่ปู้นั้น…ช่างเก่งกาจน่ากลัวอะไรเช่นนี้!

อาหารมากมายหลายจานส่งกลิ่นหอมฉุยถูกนำไปวางที่หน้าต่างครัว โอวหยางเสี่ยวอี้เดินมาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มก่อนยกจานเหล่านั้นออกไป

“เถ้าแก่ปู้ ข้าวผัดไข่เสร็จแล้วเจ้าค่ะ” เมื่ออวี่ฝูเห็นว่าปู้ฟางมีเวลาว่างเล็กน้อย นางก็พูดด้วยน้ำเสียงน่ารัก

ปู้ฟางพยักหน้าพลางเดินออกจากห้องครัวมา ลูกค้าในร้านพากันเอ่ยทักเขาอย่างเป็นอันเอง ส่วนชายหนุ่มก็พยักหน้าตอบ เขาลากเก้าอี้ออกมานั่งลงแล้วให้อวี่ฝูเอาข้าวผัดไข่มาวางบนโต๊ะ

ข้าวผัดไข่ของอวี่ฝูส่งกลิ่นหอมเข้มข้นกว่าข้าวผัดไข่ที่นางทำมาเพื่อรับการทดสอบเสียอีก อาจเป็นเพราะวัตถุดิบที่เลือกใช้มีคุณภาพดีกว่าก็เป็นได้

ปู้ฟางตักข้าวผัดไข่ขึ้นมาหนึ่งคำแล้วลองชิม กลิ่นอาหารระเบิดออกมาในปากเขาทันที กลิ่นของไข่และกลิ่นหอมหวานของข้าวผสานกัน ทำให้ต่อมรับรสของชายหนุ่มเริ่มทำงาน ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้น รู้สึกตกใจเล็กน้อย

“ยังควบคุมความร้อนได้ไม่ดี ส่วนการควบคุมกระแสพลังปราณเที่ยงแท้ก็จัดว่ายังห่างไกล รสชาติพอกินได้ แต่เป็นเพราะวัตถุดิบที่เลือกใช้มากกว่า เจ้าต้องใส่ใจเรื่องการทำและจับความเปลี่ยนแปลงของวัตถุดิบตั้งแต่เริ่มต้นจนจบให้ได้” ชายหนุ่มยังคงวิพากษ์วิจารณ์อย่างเผ็ดร้อนเหมือนเดิม

อวี่ฝูพยักหน้าหงึกหงัก นางตั้งใจฟังคำแนะนำของปู้ฟางอย่างเต็มที่

เวลาผ่านไปหลายสัปดาห์ อวี่ฝูได้ร่ำเรียนการทำอาหารกับปู้ฟางมาเป็นเวลานานพอตัว นางตั้งใจฝึกฝนอย่างหนัก จนอาหารหลายจานที่ทำออกมารสชาติเกือบใกล้เคียงอาหารของปู้ฟางแล้ว

ในบรรดาอาหารทุกจานที่นางทำ นางเชี่ยวชาญข้าวผัดไข่ที่สุด อาจเพราะมันเป็นอาหารจานแรกที่นางเรียนรู้ก็เป็นได้

ระหว่างนั้นปู้ฟางก็สอนนางทำอาหารเพิ่มอีกสองจาน ซึ่งก็คือซี่โครงเปรี้ยวหวานและเนื้อตุ๋นตำรับจีน ซี่โครงเปรี้ยวหวานทำยากมาก อวี่ฝูฝึกฝนอยู่นานแต่ก็ยังไม่สมความคาดหวังของปู้ฟางเสียที นางถูกเขาติเตียนอย่างรุนแรงทุกครั้งไป

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD