อ่านสรุป บทที่ 243 ตระกูลเซียวมีพ่อครัวฝึกหัด จาก ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD โดย Internet
บทที่ บทที่ 243 ตระกูลเซียวมีพ่อครัวฝึกหัด คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายSlice of Life ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
จู่ๆ บรรยากาศภายในร้านเล็กก็เกิดกระอักกระอ่วนขึ้นมา
เซียวเสี่ยวหลงเบิกตากว้างจ้องถลึงไปที่ปู้ฟาง เขาหายใจหอบด้วยโทสะ ผิวขาวผ่องเปลี่ยนเป็นสีแดง ดูเหมือนลูกท้อสุกสีชมพูน่ารัก…พ่อหนุ่มหน้าสวยคนนี้ดูพริ้มเพรายิ่งกว่าสตรีเสียอีก
ปู้ฟางเองก็เบิกตากว้างจนด้วยคำพูดเช่นกัน เขาไม่คาดคิดเลยว่าเซียวเสี่ยวหลงจะมีพรสวรรค์เหนือความคาดหมายเช่นนี้ เรียกได้ว่าไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าอวี่ฝูที่อยู่ในห้องครัวแม้แต่น้อย
พรสวรรค์ของเซียวเยียนอวี่เองก็จัดว่าไม่แย่ แต่ยังด้อยนักเมื่อเทียบกับเซียวเสี่ยวหลง ช่างเป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายเกินจะรับไหวจริงๆ
“เถ้าแก่ปู้…ท่านกำลังสื่ออะไรกัน ดูถูกข้าเซียวเสี่ยวหลงคนนี้รึ” ชายหนุ่มหน้าสวยพูดด้วยความเดือดดาล
เซียวเยียนอวี่ที่ยืนอยู่ข้างๆ มองสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้าอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี นางรู้สึกว่าเหตุการณ์นี้ช่างน่าขันเสียเหลือเกิน จนกลั้นขำเอาไว้ไม่ได้อีกต่อไป นางปิดปากแล้วเริ่มหัวเราะคิกคักกับตัวเอง
โอวหยางเสี่ยวอี้เองก็เริ่มหัวเราะไม่หยุดเช่นกัน
ปู้ฟางมีสีหน้ากระอักกระอ่วนเล็กน้อย ก่อนกระแอมกระไอแล้วเอ่ยออกมา “ไม่…ข้าไม่ได้ตั้งใจจะดูถูกเจ้า เจ้าได้รับการขนานนามว่าเป็นผู้มากพรสวรรค์แห่งนครหลวงมิใช่รึ ข้าแค่คิดไปว่าเจ้าจะยุ่งจนปลีกเวลามาไม่ได้ต่างหาก…”
“พี่หญิงข้าก็ได้รับการขนานนามว่าเป็นผู้มากพรสวรรค์แห่งนครหลวงเช่นกัน…เหตุใดท่านจึงไม่คิดเองเออเองบ้างว่านางจะยุ่งเหมือนกัน” เซียวเสี่ยวหลงยิ้มเย้ย คำแก้ตัวของปู้ฟางนั้นช่างอ่อนหัดเสียจริง
“พี่หญิงเจ้าจะไปนครใต้มิใช่รึ แล้วเหตุใดเจ้าจึงไม่ตามไปด้วยเล่า” ปู้ฟางถามด้วยความงุนงง
“ต้นตระกูลเซียวนั้นมาจากนครใต้ ก่อนหน้านี้ท่านพ่อของพวกข้าได้ออกติดตามจักรพรรดิฉางเฟิ่งในภารกิจทางการทหาร และตัดสินใจว่าจะตั้งรกรากใหม่ที่นครหลวง แต่ตระกูลเซียวที่นครใต้ยังจัดว่าเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงในท้องถิ่น พวกข้าเองก็ไม่แน่ใจว่าเกิดสิ่งใดขึ้น แต่หลายวันที่ผ่านมา บรรดาผู้อาวุโสในตระกูลเซียวได้ขอร้องให้พวกข้ากลับไปที่นครใต้ ด้วยเหตุนี้ท่านพ่อข้าจึงมอบหมายให้พี่หญิงเป็นผู้เดินทางไปแทน” เซียวเสี่ยวหลงตอบตามความจริง
เซียวเยียนอวี่พยักหน้ารับ ดวงตาคู่สวยของนางดูมีความเสียดายขณะมองมายังปู้ฟาง นางอยากเรียนรู้วิชาการทำอาหารจากปู้ฟาง แต่สถานการณ์กลับไม่เอื้ออำนวยให้ทำเช่นนั้นได้
“เอาละ ถ้าเช่นนั้น…พอเจ้ากลับบ้านไป จงไปทำข้าวผัดไข่หนึ่งชามมาให้ข้าชิมในวันพรุ่งนี้ หากข้าวผัดไข่ของเจ้าผ่านเกณฑ์ความคาดหมายของข้า ตำแหน่งพ่อครัวฝึกหัดคนที่สองจะตกเป็นของเจ้า” ปู้ฟางพูดเสียงเรียบกับเซียวเสี่ยวหลง
“คนที่สองรึ”
“อ้อ…ข้าขอแนะนำคนแรกให้เจ้ารู้จักสักหน่อยก็แล้วกัน แม่ครัวฝึกหัดคนแรกที่ร้านของข้าคือมนุษย์อสรพิษอวี่ฝู” ปู้ฟางพูดขึ้น จากนั้นก็หันหน้าไปทางห้องครัวแล้วเรียกชื่อหญิงสาว
อวี่ฝูชะงักทันทีที่ได้ยิน นางหยุดทำสิ่งที่ทำอยู่แล้วเลื้อยออกจากห้องครัวมาตามเสียงเรียก นางมายืนอยู่ข้างหลังปู้ฟางอย่างน่ารักน่าชัง
อวี่ฝูดูขวยเขินเล็กน้อย นางประสานมือเอาไว้ที่ตรงหน้าท้องบริเวณช่วงเอว จากนั้นก็โค้งคำนับเซียวเสี่ยวหลงและเซียวเยียนอวี่
อวี่ฝูหน้าตาสะสวยไม่เท่าเซียวเยียนอวี่และหนี่หยัน แต่เมื่อเทียบกับสตรีธรรมดาทั่วไป แล้ว นางจัดว่าน่ารักเป็นอันมาก
เซียวเสี่ยวหลงเป็นคนมนุษย์สัมพันธ์ดีมากอยู่แล้ว ไม่นานนักเขาก็คุ้นเคยกับอวี่ฝูเป็นอย่างดี เขาสั่งอาหารมาสองสามจาน หลังจากที่กินเสร็จ ชายหนุ่มก็กระวีกระวาดพุ่งตรงกลับจวนตระกูลเซียวไปทันที
ปู้ฟางมองเซียวเสี่ยวหลงที่รีบรุดหายไปแล้วก็ยิ้มเล็กน้อย “ในที่สุดข้าก็หาพ่อครัวฝึกหัดคนที่สองได้เสียที”
แต่จะพูดเช่นนี้ได้เต็มปากก็ต่อเมื่อปู้ฟางทำภารกิจที่ระบบมอบให้สำเร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้วเท่านั้น เขายังต้องรอให้ระบบยอมรับเซียวเสี่ยวหลงอย่างเป็นทางการก่อน แต่ในเมื่อเซียวเสี่ยวหลงมีพรสวรรค์ระดับเดียวกับอวี่ฝู การจะถือว่าภารกิจของเขาสำเร็จแล้วก็ไม่ใช่เรื่องเกินจริงแต่อย่างใด
ปู้ฟางลุกขึ้นจากเก้าอี้มายืดเส้นยืดสาย จากนั้นก็เดินกลับเข้าครัวไป “อวี่ฝู วันนี้ข้าจะสอนเจ้าทำเนื้อตุ๋นตำรับจีน สำหรับอาหารรายการนี้ เจ้าจะต้องใส่ใจเรื่องการควบคุมพลังปราณเที่ยงแท้ภายในเนื้อเป็นพิเศษ”
ห้องครัวของร้านกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งทันทีที่ปู้ฟางเริ่มทำอาหาร เสี่ยวอี้ยังคงอยู่ในบริเวณร้านคอยรับรายการอาหารจากลูกค้าอย่าวกระตือรือร้น
…
นครหลวง ณ จวนตระกูลเซียว
จีรู่เอ๋อร์และเซียวเหมิงกำลังเดินเล่นอยู่ในสวนภายในจวน กลิ่นหอมของดอกไม้ผลิบานฟุ้งตลบอยู่รอบกาย ทั้งสองพูดคุยหยอกล้อหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน ทำให้บรรยากาศอบอวลไปด้วยความสุข
“ฮูหยิน เจ้าควรไปอยู่กับเยียนอวี่และเสี่ยวหลงหน่อยนะ พรุ่งนี้เยียนอวี่จะจากนครหลวงไปยังนครใต้แล้ว เจ้าอาจจะไม่ได้เจอนางอีกถึงครึ่งปีเลยทีเดียว” เซียวเหมิงดึงไหล่บางของจีรู่เอ๋อร์เข้าหาตัวพลางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในนครหลวงผู้นี้มักมีทำนองการพูดที่เคร่งขรึมจริงจังเสมอ น้ำเสียงอ่อนโยนจากเขานั้นเป็นสิ่งที่หาฟังได้ยากยิ่งนัก
“จะมีอะไรเกิดกับเยียนอวี่หลังจากที่นางกลับไปยังนครใต้หรือไม่เจ้าคะ ให้อาเยวี่ยติดตามไปด้วยไม่ดีกว่าหรือ” จีรู่เอ๋อร์เอ่ย
“ไม่เป็นไรหรอก ดูเหมือนว่าภายในตระกูลเซียวจะมีปัญหาเล็กน้อย เยียนอวี่นั้นมีสติปัญญาแหลมคม นางรู้ว่าจะต้องจัดการอย่างไร อย่างนางน่าจะจัดการเรื่องนี้ได้อย่างง่ายดายเลยทีเดียว” เซียวเหมิงยิ้มบาง เขามั่นใจในความสามารถของบุตรสาวเป็นอันมาก
ช่วงนี้เซียวเยวี่ยยุ่งอยู่กับการพยายามบรรลุขั้นปราณ จึงไม่ควรไปรบกวนด้วยประการทั้งปวง หากเซียวเยวี่ยสามารถบรรลุขั้นปราณเป็นขั้นนักพรตยุทธการได้ ตระกูลเซียวก็จะมีนักขั้นพรตยุทธการอยู่ถึงสองคน และจะทำให้สถานะของตระกูลแข็งแกร่งไม่ต่างจากภูผา
จีรู่เอ๋อร์ยิ้มละมุน นางเป็นสตรีผู้มีนิสัยอ่อนโยนยิ่งอยู่แล้ว
“เมื่อครู่นี้เสี่ยวหลงน้อยกลับบ้านมาแล้วก็ตรงดิ่งเข้าครัวไปเลย เจ้าลูกคนนี้ชอบทำการบ้านการเรือนตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
เซียวเหมิงและจีรู่เอ๋อร์ยิ้มอย่างเบิกบานใจจากนั้นก็ออกจากห้องครัวไป ทิ้งเซียวเสี่ยวหลงที่กำลังยืนอึ้งเอาไว้คนเดียว…
เช้าวันต่อมา เซียวเสี่ยวหลงส่งเซียวเยียนอวี่ไปนครใต้ จากนั้นก็หันหลังกลับเข้าจวนตระกูลเซียวไป เขาทำข้าวผัดไข่หนึ่งชามใส่กล่องข้าว จากนั้นก็มุ่งหน้าไปยังร้านของปู้ฟาง
หลังจากที่ปู้ฟางชิมข้าวผัดไข่ฝีมือชายหนุ่มแล้ว เขาก็เริ่มปฏิบัติการวิจารณ์จนไม่เหลือซากโดยไม่มีข้อยกเว้นทันที ชายหนุ่มชำแหละข้อผิดพลาดในข้าวผัดไข่ของเซียวเสี่ยวหลงจนเจ้าของอาหารรู้สึกราวกับตนเองทำทุกอย่างผิดไปหมด เซียวเสี่ยวหลงเริ่มสงสัยว่าตนเองเกิดมาหายใจทิ้งไปทำไมกัน
กระนั้นปู้ฟางก็ยังรับชายหนุ่มเป็นพ่อครัวฝึกหัดที่ร้าน เนื่องจากนี่เป็นครั้งแรกที่เซียวเสี่ยวหลงทำข้าวผัดไข่ หารจะทำได้ถึงขนาดนี้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย และปู้ฟางเองก็ไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะทำทุกอย่างออกมาได้วิเศษเลิศเลอแต่แรกอยู่แล้ว
เรื่องนี้ทำให้เซียวเสี่ยวหลงรู้สึกเหมือนโดนตีแสกหน้าเข้าอีกฉาด ใครก็ตามที่กล้าเปิดปากคุยกับเถ้าแก่ปู้ไม่ว่าจะเรื่องใด ย่อมต้องมีจิตใจที่แข็งแกร่งเหมือนเหล็กไหลเป็นที่ตั้ง
ทันทีที่ร้านปิดทำการ ปู้ฟางก็บอกให้เซียวเสี่ยวหลงอยู่ต่อก่อน
“มา ตามข้าเข้าครัวมา” ปู้ฟางเอ่ย
เซียวเสี่ยวหลงชะงักทันที เขาเดินตามปู้ฟางเข้าครัวไปด้วยสีหน้าสงสัยใคร่รู้ ในห้องครัวอวี่ฝูกำลังตั้งหน้าตั้งตาฝึกทำซี่โครงเปรี้ยวหวาน เซียวเสี่ยวหลงรู้สึกตื่นเต้นกับสิ่งที่นางกำลังทำเป็นอันมาก
หรืออาจเป็นเพราะทุกอย่างในห้องครัวที่ทำให้เซียวเสี่ยวหลงรู้สึกตื่นตาตื่นใจไปหมด ห้องครัวนี้แตกต่างจากห้องครัวของจวนตระกูลเซียวเป็นอันมาก ชายหนุ่มรู้สึกราวกับตนเองได้เข้ามาสู่โลกใหม่ที่ไม่เคยพบเคยเจอมาก่อน
ทุกอย่างในนี้เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยเห็นไม่เคยได้ยินมาก่อนในชีวิต
ปู้ฟางลงมือทำข้าวผัดไข่อย่างง่ายดายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก เขาหยิบวัตถุดิบออกมาวางบนโต๊ะทำครัวสามชุด จากนั้นก็บอกให้เซียวเสี่ยวหลงเริ่มฝึกซ้อมเช่นเดียวกับที่บอกอวี่ฝู ช่างเรียบง่ายและโหดร้ายเหมือนกันไม่มีผิด
พอสอนเสร็จชายหนุ่มก็เดินขึ้นห้องไปนอน
ห้องครัวของร้านไฟติดสว่างไสว เซียวเสี่ยวหลงมองทุกอย่างที่ถูกเตรียมไว้ให้ตรงหน้า จากนั้นด้วยความช่วยเหลืออย่างกระตือรือร้นของอวี่ฝู เขาก็เริ่มทำข้าวผัดไข่ชามแรกอย่างไม่ค่อยเป็นระเบียบแบบแผนนัก
…
เช้าวันต่อมา ปู้ฟางลืมตาตื่นขึ้นแล้วลุกออกจากเตียง เขาล้างหน้าล้างตาเรียบร้อย จากนั้นก็เดินเข้าครัวมา แล้วก็มองเห็นโต๊ะทำครัวอีกตัวหนึ่งตั้งอยู่ที่มุมห้องครัว ปู้ฟางยืนพิงประตูครัวพลางลูบพุงใหญ่ของเจ้าขาวด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า
เสียงระบบดังขึ้นในหู ยังคงฟังดูเข้มงวดตรงเวลาเหมือนเคย “นายท่าน ขอแสดงความยินดีที่ทำภารกิจฉุกเฉินในการหาพ่อครัวแม่ครัวฝึกหัดสองคนภายในเวลาหนึ่งเดือนได้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ระบบกำลังจะมอบรางวัลให้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD