ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD นิยาย บท 261

สรุปบท บทที่ 261 พิษของเจ้าช่างร้ายลึก: ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD

บทที่ 261 พิษของเจ้าช่างร้ายลึก – ตอนที่ต้องอ่านของ ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD

ตอนนี้ของ ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายSlice of Lifeทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 261 พิษของเจ้าช่างร้ายลึก จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

หลังจากผ่านเหตุการณ์วุ่นวายมามากมาย ในที่สุดเมืองนครใต้ก็สงบสุขเสียที

ร่างอ้วนกลมสีขาวยืนตระหง่านอยู่ระหว่างประตูเมือง ลูกตาจักรกลของมันค่อยๆ เปลี่ยนจากสีม่วงเรืองแสงที่เขย่าขวัญผู้คนมาเป็นสีแดง

ใบมีดบนมือของเจ้าขาวค่อยๆ นุ่มลงก่อนเปลี่ยนเป็นฝ่ามือเช่นเดิม

ร่างไร้วิญญาณห้าร่างนอนนิ่งอยู่แถวนั้น บุรุษปริศนาทั้งห้าที่ตั้งใจจะลอบสังหารปู้ฟาง ต่างก็ถูกเจ้าขาวฆ่าตายจนหมดสิ้น พื้นดินปกคลุมไปด้วยโลหิตสีเข้ม

เจ้าขาวกะพริบตาปริบ ไม่สนใจร่างทั้งห้าที่กำลังเน่าเปื่อย มันหันหลังเดินกลับไปยืนเคียงข้างปู้ฟางดังเดิม

ปู้ฟางละสายตาจากปลาอสูรมังกรพินาศมามองร่างเน่าๆ ทั้งห้า เขาขมวดคิ้วทันทีเมื่อสัมผัสได้ว่ากลิ่นเน่าจากร่างเหล่านี้ช่างคุ้นเคยนัก

มันเป็นกลิ่นเดียวกันกับ…พ่อครัวเงา

“เอาละ… ช่างมันเถอะ ใครจะไปสนใจเรื่องพรรค์นั้นกัน” ปู้ฟางผ่อนคลายลงเล็กน้อยและไม่คิดใส่ใจมองกองเลือดทั้งห้าอีก เขายกมือลูบพุงอ้วนกลมของเจ้าขาวเบาๆ ก่อนจะเบนความสนใจมายังปลาอสูรมังกรพินาศตรงหน้า

ขนาดของปลาปีศาจตัวนี้ช่างมหึมา ใหญ่เสียยิ่งกว่าวัวมังกรพเนจรในคลังเก็บของของระบบเสียอีก ทว่าราคาของมันนั้นยังไแพงไม่เท่าวัวมังกรพเนจร

ตอนที่เจ้าขาวกำจัดบุคคลปริศนาทั้งห้าเรียบร้อย ปู้ฟางก็วิเคราะห์ปลาอสูรมังกรพินาศเสร็จพอดี คุณภาพของเนื้อปลานั้นเห็นได้ชัดว่าถูกปนเปื้อน เพราะมีคราบสีดำปรากฏอยู่บนผิวหนัง

หลังจากเดินวนรอบปลาอสูรมังกรพินาศหนึ่งรอบ ปู้ฟางก็ยกมือสัมผัสร่างของปลาปีศาจก่อนจะกระโจนขึ้นไปบนหลังของมัน เขาใช้พลังปราณเที่ยงแท้ที่เพิ่งจะฟื้นคืนกลับมาส่วนหนึ่งเรียกมีดทำครัวกระดูกมังกรทองออกมา

ผ่านไปอึดใจหนึ่งปู้ฟางก็ทะลวงมีดลงไปที่หลังของปลาปีศาจไม่หยุดมือ เขาเลาะก้างของปลายักษ์ออกมาได้หมดจดด้วยสีหน้าที่คร่ำเคร่งและพลังอันล้นเหลือ

ก้างปลาชิ้นมโหฬารที่วางเรียงรายอยู่ดูไม่ต่างจากอาวุธ แต่ละชิ้นแหลมคมพร้อมที่จะทิ่มแทงทะลุทุกสิ่ง

ถึงกระนั้นปู้ฟางก็ไม่ได้ใส่ใจก้างเหล่านี้แม้แต่น้อย เขาโยนมันทิ้งไปทั้งหมดด บรรดาขั้นจักรพรรดิยุทธการของเมืองนครใต้ที่ยืนรายล้อมอยู่ต่างพากันตกตะลึง

“ก้างพวกนี้มาจากอสูรเวทปลาระดับเจ็ดแท้ๆ… ท่านจะโยนเงินทิ้งไปเปล่าๆ อย่างนั้นหรือ!”

ประชากรในเมืองนครใต้นั้นชาญฉลาดไม่น้อย ด้วยความที่มีนักธุรกิจมากมายอาศัยอยู่ร่วมเมือง ทำให้บรรดาผู้ฝึกตนเหล่านี้มีความรู้ด้านธุรกิจดีพอใช้ ก้างปลาเหล่านี้แน่นอนว่าย่อมมีราคาสูง

เมื่อปู้ฟางโยนทิ้งไปเสียอย่างนั้น บรรดาผู้คนที่รายล้อมอยู่จึงรู้สึกละโมบขึ้นมา พวกเขาต่างพากันวางแผนจะเข้ามาหยิบก้างปลาเหล่านี้ไปทีหลัง

ฉัวะ!

เสียงดังสนั่นทำเอาทุกคนตื่นตกใจและดึงความสนใจของพวกเขากลับมาดังเดิม ร่างของอสูรเวทปลาถูกผ่าครึ่ง ก่อนที่ปู้ฟางจะกระโจนเข้าไปตรงกลางตัวปลา พลางควานหาอะไรบางอย่าง

“โอ๊ะ… เจอแล้ว”

หลังจากที่ค้นหาอยู่พักใหญ่ ในที่สุดปู้ฟางก็เจอเนื้อปลาชิ้นเล็กๆ จากร่างของปลาปีศาจ เนื้อชิ้นนี้เป็นส่วนที่ไม่ปนเปื้อน มีสีขาวนวลสะอาดแถมมีกลิ่นหอมอ่อนๆ

ปู้ฟางควงมีดทำครัวกระดูกมังกรทองเพื่อแสดงทักษะการใช้มีด ก่อนจะตัดเนื้อส่วนนี้ออกมา ขนาดของมันพอๆ กับหินลับมีดก้อนหนึ่งเท่านั้น

เนื้อส่วนนี้คือแก่นของปลาปีศาจ การที่มันไม่ถูกปนเปื้อนแสดงให้เห็นว่าพลังปราณที่อยู่ภายในนั้นต้องสูงล้ำยิ่ง

เนื้อปลาสีขาวนวลทั้งนุ่มและอุ่น ปู้ฟางสูดกลิ่นของมันเต็มจมูก ไม่มีกลิ่นคาวปลาแม้แต่น้อย กลิ่นที่โชยออกมานั้นคล้ายกลิ่นนม

ปู้ฟางเก็บเนื้อปลาไว้ในคลังเก็บของของระบบอย่างพึงพอใจ ก่อนจะกระโดดลงมาจากร่างของปลาปีศาจ

เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ทำให้พลังปราณเที่ยงแท้ในกายหลั่งไหลออกมา นำพาสิ่งสกปรกที่หลงเหลือในกายออกมาจนหมดสิ้น

ในที่สุดภัยร้ายของเมืองนครใต้ก็สิ้นสุดลง มัจฉาปีศาจที่สร้างปัญหามากมายตัวนี้สุดท้ายก็ถูกสังหาร กระทั่งเนื้อส่วนที่มีค่าที่สุดในกายก็ถูกชิงเอามา

หลังปู้ฟางจากไป บรรดาขั้นจักรพรรดิยุทธการในเมืองนครใต้ก็ค่อยๆ เขยิบเข้ามาใกล้ซากของปลาปีศาจ นัยน์ตาของพวกเขาลุกวาวขณะกวาดมองชิ้นส่วนมีค่าที่หลงเหลืออยู่

อย่างที่ปู้ฟางคาดการณ์ไว้ ชายลึกลับทั้งห้าใช้ประโยชน์จากปลาอสูรมังกรพินาศตัวนี้จนทำให้เนื้อมันปนเปื้อน ช่างน่าเสียดายที่เนื้อส่วนใหญ่ของมันไม่สามารถนำมาประกอบอาหารได้อีกต่อไป

หาไม่แล้วเนื้อของอสูรเวทระดับเจ็ดย่อมมีราคาค่างวดไม่เบา ทว่าคนส่วนใหญ่ก็ยังเฟ้นหาส่วนที่มีค่าจากปลาปีศาจตัวนี้ได้สำเร็จ ต่างพากันพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง

คนจำนวนหนึ่งเริ่มทะเลาะแย่งชิงก้างปลากัน ถึงแม้เนื้อปลาจะใช้ประกอบอาหารไม่ได้ แต่ก้างปลาก็ยังนำไปทำเป็นอาวุธได้ หากมีช่างตีเหล็กเก่งๆ ก้างปลาอาจแปรสภาพเป็นอาวุธระดับสูงได้เลยทีเดียว เพราะพลังปราณและพลังวิญญาณของอสูรเวทระดับเจ็ดนั้นสูงส่งอยู่ไม่น้อย

เจ้าขาวเดินตามหลังปู้ฟาง ทั้งสองพากันก้าวอาดๆ ไปบนถนนของเมืองนครใต้

เซียวเยียนอวี่และเซียวอวี่รีบวิ่งมา เซียวเยียนอวี่ยกมือตบอกเบาๆ นางรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูกเมื่อเห็นว่าเถ้าแก่ปู้ปลอดภัยดี

ส่วนเซียวอวี่ก็ตื่นเต้นจัด เขาพูดกับปู้ฟางไม่หยุดปาก ความรู้สึกเคารพที่มีให้ปู้ฟางนั้นมากล้นราวน้ำในแม่น้ำไม่มีผิด

ปู้ฟางพยักหน้าให้เซียวเยียนอวี่ก่อนจะเดินตรงไปหาสมาชิกตระกูลเซียวพร้อมเจ้าขาว

เซียวเคออวิ่นรู้สึกอับจนหนทาง เขารู้สถานะของตระกูลดี หากไม่มียาถอนพิษ เมื่อใดก็ตามที่อาการของเขากำเริบขึ้นมาอีกครั้ง ร่างของเขาคงเน่าสลายกลายเป็นแอ่งน้ำสีดำแน่

แต่ปู้ฟางจะทำสิ่งใดได้เล่า ชายผู้นี้ไม่ใช่หมอเสียหน่อย

เซียวเคอเฉิงจ้องปู้ฟางตาไม่กะพริบ เจ้าหนุ่มนี่โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ อย่าบอกนะว่าคนผู้นี้มีความรู้เรื่องการแพทย์ด้วย อย่าบอกนะว่าเขาสามารถช่วยชีวิตเซียวเคออวิ่นได้จริงๆ หากเป็นเช่นนั้น ข้าคนนี้คงต้องคลานเข่าไปร้องไห้ในส้วมเป็นแน่

ปู้ฟางหนักใจยิ่ง ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากช่วย แต่ชายหนุ่มไม่มั่นใจว่าจะทำได้ โอสถพิษนี้มีฤทธิ์ร้ายแรงยิ่ง ขนาดอสูรเวทระดับเจ็ดยังถูกพิษจนกระทั่งเนื้อในกายเน่าเสียไปหมด ร่างกายของเซียวเคออวิ่นอาจจะผุกร่อนไปทั่วแล้วก็ได้ในยามนี้

“คุณชายปู้… โปรดช่วยสามีของข้าด้วย ท่านต้องการสิ่งใดข้ายอมทุกอย่าง!” หลินฉินเอ๋อร์เห็นปู้ฟางคิดหนักอยู่เช่นนั้นนางจึงรีบทิ้งตัวลงคุกเข่า ดวงตารื้นไปด้วยน้ำตาขณะเอ่ยปากวอนขอ

ปู้ฟางรีบกุลีกุจอพยุงนางให้ลุกขึ้นยืน

“ข้าไม่อาจรับประกันได้ว่าเขาจะปลอดภัย เขากินโอสถนี่เข้าไปนานเกิน และดูเหมือนว่าร่างกายจะเริ่มเน่าเปื่อยเพราะพิษแล้ว ข้าพูดได้แค่ว่า… ข้าจะลองดู” ปู้ฟางเอ่ยอย่างยอมจำนน

นัยน์ตาของหลินฉินเอ๋อร์และเซียวอวี่ส่องประกายขึ้นมาทันใด ปู้ฟางไม่ปฏิเสธ แปลว่าอาจจะยังพอมีหวัง

ทั้งสองผุดลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวขอบคุณปู้ฟางเป็นการใหญ่

เซียวเยียนอวี่เม้มปากแน่นก่อนจะหันมามองปู้ฟาง ดวงตาคู่งามของนางส่องประกายหญิงสาวรู้สึกประทับใจในความโอบอ้อมอารีของเขายิ่งนัก

สีหน้าท่าทางและแววตาอบอุ่นจากคนเหล่านี้ทำให้ปู้ฟางรู้สึกกดดัน เขารอให้ทุกคนใจเย็นก่อนแล้วจึงพูดย้ำ “ข้า…แค่บอกว่าจะลองดู ได้โปรดอย่าคาดหวังมากนัก อ้อ… ในเมื่อพวกท่านทุกคนอยากช่วยเขา เช่นนั้นก็เตรียมครัวสะอาดๆ ไว้ให้ข้าด้วย ข้าจะได้ทำได้เต็มที่”

ทุกคนยกเว้นเซียวเยียนอวี่ต่างมองหน้าปู้ฟางด้วยสายตาตกตะลึงและกระดากใจ

การจะช่วยคนต้องวัดชีพจรไม่ก็ให้ยาไม่ใช่หรือ ท่านจะเอาห้องครัวไปทำไมกัน

ในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ เราไม่มีเวลามาทำอาหารหรอกนะ!

“คุณชายปู้ ได้โปรดช่วยสามีข้าด้วยเถิด หากท่านต้องการกินของดีๆ ข้าจะทำให้เอง…” หลินฉินเอ๋อร์กล่าวหลังจับจ้ออีกฝ่ายด้วยความกระวนกระวาย

สีหน้าของปู้ฟางมืดครึ้มลง เขาไม่อยากจะอธิบายให้มากความ จึงกระแอมกระไอออกมาครั้งหนึ่งก่อนมองหน้าทุกคนที่อยู่รอบกาย

“ทำตามที่ข้าบอก เตรียมห้องครัวสะอาดๆ เอาไว้ ข้าคือคนที่จะช่วยชีวิตเขา… ไม่มีความจำเป็นต้องตรวจชีพจร ข้าจะใช้ทักษะการทำอาหารของตัวเอง”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD