“ทำอาหารหรือ! การทำอาหารช่วยชีวิตคนได้ด้วยหรือ”
ใครบางคนในตระกูลเซียวตะโกนคำถามนี้ออกมาเสียงดัง ไม่ใช่เพราะเขาไม่เชื่อใจปู้ฟาง แต่คำพูดของชายหนุ่มฟังดูแปลกประหลาดเกินไป
พ่อครัวทำได้อย่างมากก็แค่ปรุงอาหารเลิศรสที่ช่วยให้ผู้คนหายหิวได้ แต่อาหารจะช่วยชีวิตคนได้อย่างไรกัน
“พูดไม่รู้ความเสียจริง ถ้าหากข้าบอกว่าได้ก็แปลว่าได้ หรือเจ้าอยากจะมาลองทำเอง” ปู้ฟางยกมุมปากขึ้น ก่อนชำเลืองมองเซียวเคอเฉิงด้วยสายตาเย็นชาพร้อมเหยียดยิ้ม ชายหนุ่มไม่ชอบให้ใครมาดูถูกทักษะการทำอาหารของตน โดยเฉพาะเมื่อคนคนนั้นสรรหาปัญหาหยุมหยิมมาให้ตลอด
ใบหน้าเซียวเคอเฉิงชะงักค้าง ชายวัยกลางคนยิ้มหยันอยู่ในใจ ให้เขาลองเองหรือ ช่างน่าขันนัก… เขาเองแทบรอให้เซียวเคออวิ่นตายไม่ไหว จะได้ไม่มีใครมาแย่งตำแหน่งผู้นำของตระกูลเซียวอีก เรื่องช่วยชีวิตจึงไม่ต้องพูดถึง… ยิ่งไปกว่านั้นเขาเองก็ไม่ได้มีความสามารถที่จะทำได้ด้วยซ้ำ
หลินฉินเอ๋อร์ยังชั่งใจอยู่ ชีวิตของสามีนางกำลังแขวนอยู่บนเส้นด้าย นางไม่อาจทำอะไรบุ่มบ่ามได้ การช่วยชีวิตคนด้วยอาหาร… ช่างฟังดูเหลวไหลอะไรเช่นนี้ หญิงสาวต่างจากเซียวเคอเฉิงตรงที่นางเชี่ยวชาญการทำอาหารอย่างยิ่ง แต่ถึงกระนั้นนางก็ไม่เคยได้ยินเรื่องการช่วยชีวิตคนด้วยอาหารมาก่อน
ทว่าหลินฉินเอ๋อร์ก็ไม่กล้าพูดขัดปู้ฟางไปตรงๆ โดยเฉพาะเมื่อเซียวเยียนอวี่ลอบส่งสัญญาณด้วยการขยิบตาอยู่เนืองๆ นางรู้ดีว่าเซียวเยียนอวี่นั้นเชื่อใจได้
ในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานนี้หลินฉินเอ๋อร์ไม่มีทางเลือกอื่น สุดท้ายนางจึงต้องตัดสินใจแล้วกัดฟันตอบไป “ได้! คุณชายปู้ ข้าจะจัดเตรียมครัวให้ท่านเดี๋ยวนี้”
เซียวเยียนอวี่ลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก นางกลัวว่าอาสะใภ้จะตั้งคำถามกับเถ้าแก่ปู้เหมือนที่เซียวเคอเฉิงทำ หากเป็นเช่นนั้น ถ้าดูตามนิสัยแปลกประหลาดไม่เหมือนใครของเถ้าแก่ปู้แล้ว เขาอาจปฏิเสธไม่ให้การช่วยเหลือใดๆ อีกก็เป็นได้
ไม่มีใครพูดอะไรอีก หลายคนพากันประคองร่างของเซียวเคออวิ่นกลับไปยังคฤหาสน์ตระกูลเซียว
วันนี้คฤหาสน์ตระกูลเซียวกลายเป็นจุดสนใจของคนทั้งเมืองนครใต้ ผู้ฝึกตนมากฝีมือหลายคนต่างพากันมาเยี่ยมเยียน ด้วยความหวังจะผูกมิตรกับชายหนุ่มผู้สังหารอสูรเวทระดับเจ็ด
กระทั่งเจ้าเมืองนครใต้เองก็ให้ความสนใจเช่นกัน
ทว่าตระกูลเซียวก็ต้องบอกปัดแขกทั้งหมด เพราะปู้ฟางต้องรักษาแรงกำลังเอาไว้ช่วยชีวิตคน ทำเอาบรรดาจอมยุทธ์ต่างพากันคอตกกลับบ้านไป
แน่นอนว่าหลายคนก็แสดงความเป็นห่วงออกมา ผู้ที่ได้เห็นการต่อสู้ย่อมรู้ดีว่าเซียวเคออวิ่น นายท่านลำดับสองของตระกูลเซียวได้รับบาดเจ็บสาหัสจากมัจฉาปีศาจอสูรเวทปลาระดับเจ็ด ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้ติดใจกับข้ออ้างของตระกูลเซียวแต่อย่างใด
เมื่อปู้ฟางก้าวเข้ามายังคฤหาสน์ตระกูลเซียวอีกครั้ง ท่าทีของทุกคนก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ชายหนุ่มจะสามารถช่วยนายท่านลำดับสองของตระกูลเซียวได้หรือไม่ก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่แค่ระดับพลังปราณของเขาก็คู่ควรให้ทุกคนในตระกูลเซียวเคารพยำเกรงแล้ว
หัวหน้าตระกูลเซียวเดินออกมาจากห้อง ร่างกายของเขาสั่นเทาขณะพูดคุยกับปู้ฟาง ฝากฝังให้ชายหนุ่มช่วยเหลือบุตรชายคนที่สองของตนเอาไว้ให้จงได้
“คุณชายปู้ ห้องครัวพร้อมแล้ว” หลินฉินเอ๋อร์ปาดเหงื่อพราวที่หน้าผาก นางหอบหายใจเล็กน้อยเพราะรีบวิ่งกลับมา เพื่อให้ปู้ฟางได้มีห้องครัวไร้ที่ติใช้ นางจึงลงมือทำความสะอาดทุกอย่างด้วยตนเอง ชายหนุ่มจะได้รู้สึกพึงพอใจ
พ่อครัวหนุ่มหันมาพยักหน้า พลางผายมือให้หลินฉินเอ๋อร์นำทางไป คนตระกูลเซียวจำนวนหนึ่งเดินตามปู้ฟางมาติดๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น
กลุ่มคนมาออกันอยู่ตรงหน้าห้องครัว ความอยากรู้อยากเห็นส่องประกายอยู่ในดวงตาของเซียวเยียนอวี่ นางดูตื่นเต้นที่จะได้ดูเถ้าแก่ปู้ทำอาหารอีกครั้ง
“ข้าต้องการคนหนึ่งคอยดูไฟ ส่วนคนที่เหลือช่วยออกไปจากครัวด้วย” ปู้ฟางออกคำสั่งอย่างใจเย็น
ฝูงชนซุบซิบส่งเสียงอื้ออึง พวกเขาตั้งตารอจะเห็นอาหารที่สามารถช่วยชีวิตคนได้ แต่เพราะปู้ฟางสั่งให้ทุกคนออกไป ทั้งหมดจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมถอยออกมา
ในที่สุดก็มีเพียงเซียวเยียนอวี่ที่ยังอยู่ที่เดิม นางยืนด้วยท่าทางสง่างาม กะพริบดวงตาสวยมีเสน่ห์ให้ปู้ฟาง
“เจ้าน่ะหรือจะเป็นคนจุดไฟ” ปู้ฟางตกใจอยู่ไม่น้อย งานนี้ไม่ใช่ง่าย เขาจึงคาดหวังจะให้ผู้ชายร่างกำยำมาช่วยทำ… แต่เอาเข้าจริงถึงจะเป็นใครก็คงไม่ต่างกันนัก
“เถ้าแก่ปู้ ท่านแน่ใจหรือไม่ อาการของท่านอาสอง… ดูหนักไม่ใช่น้อย” เซียวเยียนอวี่พูดพลางถกแขนเสื้อ เผยให้เห็นข้อมือเรียวงามราวหยก ผิวของนางเนียนเรียบแม้แต่จุดด่างดำสักนิดก็ไม่มีให้เห็น
“ต้องลองดูสักครั้ง อาจจะได้ผลก็ได้” ปู้ฟางตอบ
หลังจากยกมือลูบพุงเจ้าขาว ปู้ฟางก็หันหลังเดินไปยังโต๊ะทำครัว เขาดึงเขียงมาวางบนโต๊ะพร้อมชามกระเบื้องจำนวนหนึ่ง ชายหนุ่มใช้สายตากวาดสำรวจไปทั่วครัว พยายามมองว่ามีเครื่องครัวอะไรบ้างที่ใช้ได้
หลังจากนั้นเขาก็ทิ้งตัวลงบนเก้าอี้เพื่อพักผ่อน
เซียวเยียนอวี่กะพริบตาปริบอย่างงวยงงขณปรายตามองปู้ฟาง “เถ้าแก่ปู้…”
“ขอข้าพักประเดี๋ยว หากมีพลังปราณเที่ยงแท้ไม่เพียงพอ ข้าจะทำอาหารโอสถทิพย์ที่ดีได้อย่างไรกัน” ปู้ฟางกลอกตาก่อนจะบ่นฮึมฮัมในลำคอ ชายหนุ่มใช้พลังปราณเที่ยงแท้ไปเกือบหมดเกลี้ยงในการต่อสู้กับมัจฉาปีศาจ ไม่มีทางเลยที่พลังของเขาจะฟื้นตัวกลับมาได้เต็มที่เร็วๆ นี้
เซียวเยียนอวี่ตกใจเล็กน้อยแต่ก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ สิ่งที่เถ้าแก่ปู้พูดเป็นความจริง… ชายหนุ่มเพิ่งเสียพลังงานไปมากโข แต่อาหารที่ซับซ้อนเช่นอาหารโอสถทิพย์ก็จำเป็นต้องใช้พลังปราณเที่ยงแท้ปริมาณมากในการปรุง หากองค์ประกอบไม่ลงตัว โอกาสที่จะเกิดข้อผิดพลาดก็ยิ่งสูงขึ้น
ปู้ฟางโบกมือเรียกขนมปังหอยนางรมสีทองอร่ามออกมาจากคลังเก็บของของระบบ ขนมปังร้อนฉ่ากรุ่นด้วยไอขาว ทั้งยังส่งกลิ่นหอมเข้มข้น
สิ่งนี้เป็นอาหารที่ชายหนุ่มตระเตรียมให้ตัวเองก่อนจะออกจากร้านมา ขนมปังหอยนางรมมีรสชาติดียิ่ง แต่คุณสมบัติหลักของมันคือการช่วยฟื้นฟูพลังปราณ แม้จะฟื้นฟูไม่ได้ทั้งหมด แต่ก็ยังพอมีประโยชน์อยู่บ้าง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD