โอวหยางเสี่ยวอี้ซ่อนตัวอยู่หลังประตู ดวงตามองลอดออกมายังบริเวณห้องอาหาร นางเห็นพี่ชายทั้งสามของตนกำลังกินปลาดองเหล้าอย่างมูมมาม
ถูกต้องแล้ว!
ทั้งสามมีท่าทางเหมือนคนปกติทั่วไปตอนกำลังกินข้าวผัดไข่ฝีมือปู้ฟาง ใบหน้ามีความสุขล้นของพวกเขาทำเอาเด็กหญิงขนลูกซู่ไปทั้งแขน
ความที่นางรู้จักพี่ชายของตนดี เด็กหญิงจึงตกใจกับสิ่งที่เห็นมากขึ้นไปอีก แม้นางจะเห็นด้วยว่าอาหารของปู้ฟางนั้นอร่อยมาก แต่พี่ชายทั้งสามของนางนั้นมีต่อมรับรสตายด้าน จะไปกินอะไรอร่อยได้อย่างไรกัน
“อ้อ! ข้ารู้แล้ว! ปลาดองเหล้านี้กลิ่นสุราเข้มข้นนัก… กลิ่นสุราจากธัญพืชหมักเหล้าแทรกซึมเข้าไปทุกอณูในตัวปลา ทำให้ปลามีรสชาติเหมือนสุราไม่มีผิด ด้วยเหตุนี้พี่ชายข้าที่รับรสได้แค่สุราจึงพ่ายแพ้ไปในที่สุด!”
ดวงตาของโอวหยางเสี่ยวอี้เป็นประกาย นางมั่นใจว่าสมมติฐานของตนถูกต้องแน่นอน
ปู้ฟางมองทั้งสามกินปลาอย่างตะกละตะกลามแล้วก็พลันมีสีหน้าโล่งใจ แน่นอนอยู่แล้ว… ว่าไม่มีใครต้านทานพลานุภาพของอาหารชั้นเลิศไปได้
“ยินดีด้วยนายท่าน ท่านทำภารกิจรองสำเร็จแล้ว ท่านเอาชนะต่อมรับรสตายด้านของสามยักษ์ร้ายแห่งตระกูลโอวหยางได้ ระบบจะมอบรางวัลให้ท่านเร็วๆ นี้ พ่อหนุ่ม ท่านก้าวสู่เส้นทางแห่งการเป็นพ่อครัวเทพไปอีกขั้นแล้ว ตั้งใจฝึกฝนเข้าล่ะ” เสียงตายด้านของระบบดังขึ้นในหัวเขา
รอยยิ้มฝืดๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าผู้ชนะ
นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่สามพี่น้องตระกูลโอวหยางได้กินอาหารรสเลิศ และเป็นครั้งแรกที่รสชาติของอาหารทำให้รูขุมขนของพวกเขาเปิดกว้างด้วยความสบายกาย รสชาติของปลานี้อร่อยเกินต้านทานจริงๆ
ความเย็นซึมซาบเข้าร่างกายผสมผสานกลับความร้อนจากสุรา สัมผัสร้อนและเย็นที่ผสานกันอย่างลงตัวทำให้ ต่อมรับรสที่ตายด้านของพวกเขากลับมามีชีวิตอีกครั้ง ราวกับต้นไม้ยืนต้นตายที่ฟื้นขึ้นมาเพราะสายฝนชุ่มฉ่ำ
ทั้งสามรับรู้ได้ถึงรสชาติ… ที่จะไม่มีวันลืมเลือนตลอดชีวิต
“หายไปไหนหมดแล้ว พวกเจ้าขี้คร้านกล้าแย่งอาหารพี่ใหญ่ของเจ้ารึ!” โอวหยางเจินยังคงตกอยู่ในภวังค์เมื่อเห็นว่าปลาหายไปหมดแล้วทั้งตัว ปลาชิ้นสุดท้ายถูกโอวหยางตี้ชิงไป
ส่วนก้างปลาก็อยู่ในมือโอวหยางอู๋ ที่กำลังเลียกินหมดทุกซอกทุกมุม
ปลาทั้งตัวถูกพวกเขาเก็บกินไม่เหลือซาก
ทั้งสามมองไปที่จานว่างเปล่าอย่างลังเล เลียทั้งปากและนิ้วตนเอง พยายามนึกย้อนไปถึงความรู้สึกแสนเลิศล้ำเมื่อครู่นี้
“กินหมดแล้วใช่ไหม ข้าชนะสินะ เช่นนั้นพวกเจ้าทั้งสามก็จงยอมรับออกมาว่าอาหารของข้าอร่อย” ปู้ฟางพูดเสียงเรียบแต่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ ดวงตาจับจ้องไปที่ทั้งสามอย่างไร้ความรู้สึก
สามยักษ์ร้ายแห่งตระกูลโอวหยางตัวแข็งทื่อทันที ต่างคนต่างกำลังก่นด่าอยู่ในใจ พวกเขามัวแต่ตื่นเต้นอยู่กับรสชาติของอาหารจนลืมเดิมพันที่ทำกับเจ้าของร้านไปเสียสนิท… นั่นเพราะปลาดองเหล้านั้นอร่อยเกินไป เหมือนว่าอาหารจานนี้คิดค้นมาเพื่อพวกเขาอย่างไรอย่างนั้น
“อะแฮ่ม… ไอ้ขี้กะโล้โท้ จะว่าอย่างไรดี แม้เราจะกินหมด แต่… จึ๊ๆๆ ก็ยังใช้ไม่ได้หรอกนะ ไม่อร่อยพอ” โอวหยางเจินเลียนิ้ว
“หากไม่อร่อยพอ เหตุใดเจ้าจึงยังเลียนิ้วด้วยสีหน้าสุขใจอยู่เล่า” ปู้ฟางคิดแต่สีหน้ายังเรียบเฉย
“ใช่แล้ว! อาหารของเจ้าน่ะห่… เอ่อ แม้มันจะพอใช้ได้ แต่ก็ยังอร่อยไม่พอ!” ดวงตาของโอวหยางตี้ล่อกแล่กเล็กน้อย เสียงของเขาแข็งทื่อ
โอวหยางเสี่ยวอี้ที่แอบดูอยู่หลังประตูเอามือปิดหน้าตนเองด้วยความอับอาย มีแต่พี่ชายหน้าโง่ทั้งสามของนางเท่านั้นที่จะโกหกหน้าด้านๆ เช่นนี้ได้
“ใช่แล้ว! ไอ้ขี้กะโล้โท้ เจ้าแพ้แล้ว! รีบๆ ส่งตัวน้องหญิงของพวกเรามาเสียดีๆ ! มิเช่นนั้นพวกเราจะพังร้านเจ้าให้เละ!” โอวหยางอู๋ข่มขู่พร้อมทุบโต๊ะดังปั้ก แต่ยังคงเลียริมฝีปากของตนอยู่ จนทำให้ความน่ากลัวกลายเป็นความขบขันไปเสีย
ปู้ฟางยืนหน้านิ่งอยู่กับที่ รู้อยู่แล้วว่าไอ้สามตัวนี้จะต้องกลับคำแน่นอน
“เจ้าขาว จับสามคนนี้แก้ผ้า เอาเงินมาให้ครบ แล้วโยนมันออกไปจากร้านเสีย” เขาออกคำสั่งเสียงเรียบ จากนั้นก็เดินเข้าไปเก็บจานแล้วหันหลังกลับเข้าครัวไป
ทว่าทันทีที่หันหลัง ชายหนุ่มก็เห็นโอวหยางเสี่ยวอี้แอบดูอยู่หลังประตู เขาชะงักเล็กน้อย จากนั้นก็เดินผ่านเด็กหญิงเข้าครัวไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย
ดวงตาของโอวหยางเสี่ยวอี้เบิกกว้างขณะมองปู้ฟางที่สงบเงียบ นางงงกับปฏิกิริยาของอีกฝ่ายไม่น้อย เหตุใดจึงไม่กลัวพี่ชายทั้งสามของนางอาละวาดกัน แม้แต่ตัวของทั้งสามเองก็ยังกลัวตัวเองตอนอาละวาดเลย!
ในอึดใจถัดมา ภาพที่เกิดขึ้นในร้านก็ทำให้นางถึงกับไปต่อไม่ถูก
นางเห็นหุ่นเชิดสีขาวพุงโตน่ารักโยนพี่ชายทั้งสามของตนออกไปทีละคนด้วยการตบเรียงตัวเพียงครั้งเดียว ในเสี้ยวเวลาที่โยนทั้งสามออกไปนั้น พวกเขาก็โดนลอกคราบเสียล่อนจ้อน เหลือเพียงผ้าเตี่ยวคนละผืนไว้ดูต่างหน้า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD