แม้มังกรอุทกจะไม่ใช่มังกรที่แท้จริง แต่มันก็มีสายเลือดมังกรไหลเวียนอยู่ในกาย จึงทำให้มันสูงส่งกว่าอสูรเวททั้งหลาย
มังกรอุทกที่ลำตัวปกคลุมด้วยเกล็ดสีดำสะท้อนประกายวาววับกระพือปีกของมัน ก่อเกิดเป็นสายลมกระโชกแรงตามมา มันอ้าปากกว้างส่งเสียงคำรามสะท้อนก้องเสียดหู
รูปร่างหน้าตาของมังกรอุทกคล้ายคลึงจิ้งเหลนขนาดยักษ์มีปีก แตกต่างจากมังกรที่แท้จริงอย่างมาก ทว่าอย่างไรเสียมันก็ยังจัดว่าเป็นอสูรเวทศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหาร
เสียงคำรามของมังกรดังกึกก้องไปทั่วนครหลวง ทำเอาผู้คนทั้งหลายตัวสั่นเทาแข้งขาอ่อนแรงลงไปกองอยู่กับพื้น ขณะจับจ้องสัตว์ประหลาดใหญ่ยักษ์ด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความหวาดหวั่น สำหรับพวกเขาการปรากฏตัวของสิ่งมีชีวิตน่าสะพรึงกลัวตัวนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับการมาเยือนของนรกเลย
ปู้ฟางจ้องมองมังกรอุทกใหญ่ยักษ์หน้าตาดุร้าย ดวงตาของเขาเป็นประกายขึ้นมาเล็กน้อยพลางอดรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้ ไอ้จิ้งเหลนยักษ์นี่… แท้จริงแล้วคือมังกรอุทกเช่นนั้นหรือ
ตับของมังกรอุทกจะว่าไปก็อร่อยใช้ได้ทีเดียว
เซี่ยอวี่กระชับหอกเหล็กในมือแน่นพลางชี้ปลายหอกไปที่เจ้าขาว ดวงตาที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นจับจ้องไปที่ร้านอย่างกระตือรือร้น
“ลูกพี่! ทำลายร้านนี้เสีย!”
เซี่ยอวี่ถลึงตาพลางส่งเสียงออกคำสั่ง ก่อนจะขว้างหอกออกไปอย่างรุนแรง มันพุ่งแหวกอากาศจนเกิดเสียงหวีดหวิวดังก้องก่อนจะตรงไปยังเจ้าขาว จากนั้นชายร่างยักษ์ก็พุ่งตัวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วจนทำให้กระเบื้องที่ปูอยู่บนพื้นหลุดร่อนไปตามทาง
ดวงตาของเจ้าขาวกะพริบแสงวาบ มันโบกแขนมีดพร้าก่อนจะฟันใส่หอกของเซี่ยอวี่ที่พุ่งตรงเข้ามา
แคร้ง!
เสียงโลหะปะทะกันสะท้อนก้องไปทั่ว หอกเหล็กถูกคมมีดของเจ้าขาวปัดทิ้งจนลอยคว้างไปกลางอากาศ แล้วจู่ๆ ก็ม้วนตัวพุ่งกลับเข้ามือของเซี่ยอวี่ไปอีกครา กล้ามเนื้อตามตัวของเซี่ยอวี่ปูดโปนออกมาอย่างฉับพลันขณะที่ชายร่างยักษ์ขว้างหอกเหล็กใส่เจ้าขาวอีกครั้ง
ร่างของทั้งคู่ดูราวกับแปรเปลี่ยนเป็นเงาดำสองเงา ขณะที่พวกเขาพุ่งเข้าโรมรันกันอย่างรวดเร็วและเริ่มการต่อสู้ยกใหม่
เหล่าคนที่มุงดูอยู่ต่างเห็นได้ชัดว่าเมื่อเวลาผ่านไปสภาพของเซี่ยอวี่ก็ย่ำแย่ลงเรื่อยๆ เพราะอย่างไรเสียเขาก็เป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่ง ไม่สามารถยืนหยัดด้วยกำลังสูงสุดไปได้ตลอด นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงเรียกมังกรอุทกแสนดุร้ายให้ออกมาช่วยสู้
ทว่าชายร่างยักษ์ก็ไม่ได้รู้สึกเสียหน้าอะไร ตราบใดที่สามารถประวิงเวลาอยู่กับเจ้าสิ่งที่น่าจะเป็นอสูรเวทขั้นเซียนเทพตรงหน้าได้ เพราะแปลว่ามันจะปลีกตัวไปทำอันตรายใดๆ กับมังกรอุทกไม่ได้ เมื่อเป็นดังนั้นลูกพี่ ของเขาย่อมใช้พลังที่แสนยิ่งใหญ่ของมังกรทำลายร้านบ้าๆ นี่ลงได้อย่างแน่นอน
เมื่อคิดได้ดังนี้ เซี่ยอวี่ก็ไม่อาจห้ามเสียงหัวเราะดังก้องของตัวเองได้ ขณะเดียวกันท่วงท่าของเขาก็ดูน่าพรั่นพรึงขึ้นเรื่อยๆ ขณะโถมกำลังที่แข็งแกร่งราวภูเขาลูกใหญ่ใส่ศัตรูตรงหน้า
ทว่าหากเซี่ยอวี่จะสละเวลามาปรายตามองสีหน้าของคนที่อยู่ในร้านสักนิด เขาจะรู้ได้ทันทีว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง
นั่นเพราะคนในร้านรวมถึงเถ้าแก่ปู้ไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวแต่อย่างใด แม้พวกเขากำลังเผชิญหน้าอยู่กับมังกรอุทกซึ่งมีพลังอยู่ในจุดสูงสุดของระดับแปด และแม้ว่าหลายคนจะถูกพลังรุนแรงกดทับจนหายใจแทบไม่ออกไปบ้าง ทว่าดวงตาของพวกเขากลับปราศจากความพรั่นพรึง แต่กลับสะท้อนความขบขันออกมาแทน
ดวงตาสีแดงก่ำของมังกรอุทกที่ใหญ่พอๆ กับตะเกียงกลอกไปมาพลางจ้องเข้าไปภายในร้าน อสูรเวทระดับแปดย่อมมีสติปัญญาสูงส่ง และในฐานะสหายคู่คิดของเซี่ยอวี่ มันย่อมเข้าใจกระจ่างแจ้งว่าอีกฝ่ายต้องการสิ่งใด
การทำลายร้านร้านหนึ่งสำหรับมังกรอุทกระดับแปดแล้วง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ ต่อให้ถูกสั่งให้ไปเคลื่อนภูเขาย้ายแม่น้ำ มันก็สามารถทำได้ง่ายๆ
มังกรอุทกยืดคอพลางคำรามอย่างดุร้ายใส่ร้าน พลังเสียงดุดันของมังกรกระเพื่อมออกมาเป็นสายพุ่งปะทะร้านที่อยู่ตรงหน้าทันที
ตู้ม!
ลูกไฟสีแดงเข้มที่ดูเหมือนจุดติดได้จากความว่างเปล่าพุ่งออกมาจากปากของมังกรอุทก ลูกไฟนี้เรียกอีกอย่างหนึ่งว่าลมหายใจมังกร ถือเป็นความสามารถแต่กำเนิดที่มีอยู่ในอสูรเวทเผ่าพันธุ์มังกรทั้งหลาย
ตู้ม ตู้ม!
ลูกไฟพลันกระจายตัวออกไปด้านข้างอย่างรวดเร็วราวกับถูกบางสิ่งสกัดไว้ แววโหดเหี้ยมฉายวาบบนดวงตาขนาดใหญ่ราวตะเกียงของมังกรอุทก ก่อนที่มันจะกระโจนเข้าใส่ร้านแล้วปล่อยห่าลมหายใจมังกรออกจากปากไม่ขาดสาย
ลมหายใจมังกรมีความสามารถเผาผลาญทุกอย่างที่ขวางหน้า ลูกค้าหลายคนในร้านไม่อาจนิ่งเฉยได้อีกต่อไป ต่างตื่นตกใจเมื่อต้องเผชิญกับลูกไฟที่หลั่งไหลลงมาราวกับเป็นกระแสน้ำเชี่ยวกราก มีไม่น้อยที่กลัวถึงขีดสุดจนแข้งขาอ่อนล้มพับไปกับพื้น
จีเฉิงเสวี่ยนั้นอย่างไรเสียก็เป็นถึงจักรพรรดิ ดังนั้นเขาจึงยังรักษาความสงบนิ่งน่ายำเกรงไว้ได้เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเหตุการณ์ตรงหน้า ทว่าใบหน้าของชายหนุ่มก็ซีดขาวไร้ซึ่งสีสันใดๆ
ภาพลูกไฟขนาดใหญ่คือสิ่งเดียวที่ผ่านเข้ามาในสายตาของชายหนุ่ม ทำให้เขาตระหนักได้ว่าตนเองนั้นไร้ตัวตนและอ่อนแอเพียงใด ชายหนุ่มอดนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์หลายเหตุการณ์ ที่เขาต้องตกอยู่ในสภาพไร้ประโยชน์ไม่มีแม้กำลังใดๆ จะแก้ปัญหาหลังขึ้นมาครองบัลลังก์ไม่ได้
ไม่ว่าจะเป็นตอนที่เจ้ามู่เฉิงสร้างเรื่องก่อกวนในพิธีศพของจักรพรรดิองค์ก่อน หรือเมื่อคราวที่เหล่าผู้ฝึกตนระดับเจ็ดขั้นนักพรตยุทธการและระดับแปดขั้นเทพแห่งสงครามแห่แหนกันเข้ามาในนครหลวงหลังจากข่าวเรื่องต้นตื่นรู้ทางห้าสายแพร่สะพัดออกไป เหตุการณ์เหล่านี้ทำให้เขาตระหนักถึงความเป็นจริงของโลกได้อย่างกระจ่างชัด
มีเพียงผู้เยี่ยมยุทธ์เท่านั้น…ที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริง!
ลมหายใจมังกรพวยพุ่งออกมาเรื่อยๆ ก่อเกิดเป็นพายุเพลิงร้ายกาจที่เผาผลาญบ้านหลายหลังด้านหลังร้านของปู้ฟางจนราบเป็นหน้ากลอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก : GOURMET OF ANOTHER WORLD